px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 10: สิทธิพิเศษขององค์กรทะยานฝัน


Chapter 10: สิทธิพิเศษขององค์กรทะยานฝัน

 

อาทิตย์ต่อมานั้นเป็นแบบเดิมไม่ได้มีอะไรพิเศษ  จางเทีย และสมาชิกคนอื่นขององค์กรพี่น้องทะยานฝันเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ  ต้องขอบคุณที่ไม่มีใครมาคอยช่วยตัวเองในโรงเรียนอีก  การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นเพราะพวกนั้นได้รับปากกับ จางเทีย รึอาจะเพราะความเสี่ยงในการอาจโดนจับได้  แม้ว่า จางเทีย จะยังคงอ่อนแอแต่เขาก็พอใจที่เขาได้ปกป้อง มิสไดน่า ด้วยวิธีนี้  เทียบกับ เกรซ ผู้ซึ่งมักจะรังแกคนอ่อนแอกว่าในโรงอาหารนั้น เขาน่ะแข็งแกร่งจริงๆ  เขาน่ะมีแรงที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้  ในการทดสอบของโรงเรียนอาทิตย์ที่แล้วนั้น เกรซ ทำลายสถิติเกือบหมด   สถิติของเขานั้นทำให้เด็กคนอื่นๆถึงกับรู้สึกสิ้นหวัง  ความต่างของนักสู้ระดับ 2 และคนทั่วไปนั้นเห็นได้ชัดเจน

จางเทีย ดีใจที่เขาไม่ใช่คนที่โดน เกรซ มาแย่งข้าวในโรงอาหาร  จางเทีย มักจะคิดเรื่องในอนาคตที่มีคนจะมาทำลายสิ่งที่เขาคอยปกป้องไว้แต่เขาไม่มีแรงพอที่จะต้านทานคนนั้นได้   ความกดดันนี้ทำให้ จางเทีย นั้นกระตือรือร้นขึ้นมา  นอกจากฝึกฝนและเรียนรู้อย่างนักแล้ว เขายังพยายามเก็บเวลาไว้เพื่อให้เหลือเวลาไปบ่มเพราะที่บ้าน  สำหรับ จางเทีย แล้วยิ่งเขาปลุกชีพจรได้เร็วเท่าไหร่ เขายิ่งปกป้องตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ในชีวิตจริงเด็กทุกคนที่เรียนจบจากโรงเรียนไปได้พยายามอย่างสุดความสามารถตัวเองแล้ว  เพราะนี่เป็นเทอมสุดท้ายของพวกเขาในโรงเรียน พวกเขาต้องออกไปฝึกงานในเทอมที่สอง  พูดถึงสถานที่ในการฝึกงานแล้วก็มีทั้งหน่วยรักษาความปลดภัยของเมืองและฟาร์มรอบๆหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีถนนและเหมืองให้นักเรียนได้ไปฝึกงาน   ถ้าพวกเขาไปฝึกงานในเมืองแล้วที่นั่นจะไม่ได้มีอันตรายอะไรเลย แต่ถ้าไปฝึกที่อื่น บางคนอาจจะต้องตาย  ถ้ามีใครได้ไปฝึกงานที่กำแพงของเมืองแล้ว มันยากที่พวกเขาจะหาสถานที่ปลอดภัยได้เพราะที่นั่นมีแต่พวกสัตว์ป่าที่ดุร้ายซึ่งอาจจะฆ่าพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้   นอกจากนี้เด็กฝึกงานก็ยังเป็นที่นิยมของรุ่นพี่เกย์ด้วยสิ

ไม่ดิ้นรนก็ไม่มีชีวิตรอด---- คำพูดของ กัปตันเคอร์ลิน นั้นได้นิยามความเป็นอยู่ของยุคนี้เอาไว้

“ โจมตี ใส่แรงมากกว่านี้ ไม่ได้กินข้าวเที่ยงรึไง ? โจมตี แรงกว่านี้อีก... “ – เสียงคำรามของผู้ฝึกสอนที่ตะโกนก้องในลานฝึกตอนคาบบ่าย – “ บัดซบเอ้ย  จับหอกแกให้แน่นกว่านี้หน่อย  ผู้หญิงยังมีแรงมากกว่าแกอีก ... “
จางเทีย โจมตีต่อไปซ้ำๆแม้ว่าจะเหงื่อท่วมตัว  สองชั่วโมงต่อมาตัวหอกที่ทำจากเหล็กก็เริ่มร้อนขึ้นมา  แผลที่มือเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ  การมีเหงื่อและแผลแบบนี้เพราะหอกร้อนๆนี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังจับถ่านร้อนๆอยู่และยังรู้สึกเหมือนโดนเข็มแทงเอาด้วยแต่เมื่อเห็นผู้ฝึกสอนนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติงคอยออกคำสั่ง  จางเทีย ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันทนความเจ็บปวดเอาไว้   - “ ฆ่า  ! “ – เขายืดอกขึ้นมาและเดินไปข้างหน้าพร้อมกับโจมตีแบบเดิมโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่าทางนี้มันทำอะไรได้  ในสายตาของเด็กนักเรียนแล้วสถิติที่มีไว้ในลานนี่ทำให้พวกเขายังอยากทำตามคำสั่งของผู้ฝึกสอนอยู่ ทุกปีจะมีสถิติของเด็กที่แข็งแกร่งที่สุดบันทึกเอาไว้ด้วยตัวหนังสื่อสีแดง   นั่นเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกคนทุ่มเทมากขึ้น....

 เกรซ –

100 ม. – 10.3 วินาที

Bench press – 160 กก.

Deep squatting – 310 กก.

Explosive punch – หมัดขวา 510 กก., หมัดซ้าย 340 กก.

แรงกระทืบ – 780 กก.

โจมตีต่อเนื่องสูงสุด --- 137 ครั้ง

ความอึด – 13 --- ความอึดนี่หมายถึงประสิทธิภาพการเปลี่ยนแรงที่เหลือมาใช้แม้ว่าจะเดินทางมาได้สักระยะ  แม้ว่ามันจะฟังดูซับซ้อนแต่มันก็อธิบายได้ดีที่สุด  ความอึดนี้เองก็ยังหมายถึงความสามารถของพลหอกที่จะเคลื่อนที่ในสนามรบได้  ยิ่งมีความสามารถทางการต่อสู้สูงมันจะหมายถึงการที่ตัวเองยังคงยืนอยู่ได้แม้ว่าเคลื่อนที่ออกมาเต็มกำลัง 3 นาที  ค่านี้น่ะเอาไปคิดถึงความสามารถของคนๆนั้นมากกว่าครึ่ง ค่าความอึดของ เกรซ นั้นคือ 13 หน่วยซึ่งนั่นหมายความว่าเขาสามารถโจมตีต่อเนื่องได้อย่างน้อย 69 ครั้งรึสามารถโจมตีด้วยหมัดขวาด้วยน้ำหนัก 250 กก.หลังจากที่วิ่งมาไกล 13 กม.โดยใส่อุปกรณ์มาตรฐาน

นี่แหละคือความโหดของนักสู้ระดับ 2 !

แผลที่ได้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อทุกคนเห็นชื่อที่อยู่ด้านล่างเท้าตัวเอง  เพราะชื่อของ เกรซ และข้อมูลต่างๆถูกบันทึกเป็นสถิติไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน พื้นที่ฝึกตรงนี้จึงดูกระตือรือร้นขึ้นมา มี่ใครอยากยอมแพ้เมื่อมาได้ขนาดนี้แล้ว

วันที่ชื่อของ เกรซ นั้นได้ไปโผล่อยู่บนแผ่นประกาศ  ผู้ฝึกก็ได้ตะโกนใส่พวกเขาอย่างเย็นชา – “ ถึงพวกแกจะอยู่รึจะตายมันก็ไม่ได้มีค่าอะไร  ฉันเข้าใจถูกมั้ย ? “ - จางเทีย คิดกับตัวเอง – “ คนที่รอดมาได้จากสนามรบถือว่าเป็นพวกที่มีฝีมือ “

หลังจากฝึกหอกมากว่า 2 ชม.  สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือวิ่ง 10 กม.พร้อมกับสวมเกราะไปด้วย  เมื่อวิ่งเสร็จ จางเทีย รู้สึกว่าเท้าตัวเองนั้นนุ่มอย่างกับสำลี   เขาเดินไปที่ร่มไม้ก่อนจะพักหายใจอย่างกับหมาหมดแรง   จางเทีย ถึงกับลุกขึ้นไม่ได้ในตอนที่เพื่อนๆในองค์กรได้เดินเข้ามาและนั่งลงกับเขา  นอกจาก ดั๊ก และ แบร์ลี่ แล้ว   แบกแดด เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์กร  เขาถึงเป็นคนที่แข็งแกร่งของโรงเรียนก็ว่าได้  ถ้าเทียบกันแล้วสีหน้าของ ดั๊ก ในวันนี้ดูพิเศษอยู่หน่อย  วันนี้คือวันที่เขารอคอยมานาน  ในตอนที่ฝึกหอกเสร็จ   จางเทีย ก็เจอกับพวกนั้น   แม้ว่า ดั๊ก มันจะเหนื่อยแต่ไอ้จ้อนของมันยังคงแข็งอยู่ตลอด   จางเทีย ถึงกับช็อคเมื่อเห็นแบบนั้น   นี่มันบ้าอะไรวะ ! ฝึกหอกนี่มันตื่นเต้นขนาดนั้นเลยรึไง ?  จางเทีย ช็อคจริงๆกับสิ่งที่เห็น !

เมื่อวิ่งเสร็จ  เกรซ และพวกของมันได้เดินผ่าน จางเทีย ไป พวกนั้นน่ะไม่ได้สนใจพวกคนธรรรมดาเลยด้วยซ้ำ

“ ขยะเอ้ย ! “ – เกรซ ทำปากขมุบขมิบซึ่งเป็นสิ่งที่ จางเทีย คิดว่ามันต้องด่าพวกเขาแน่ๆ  ในตอนที่รู้ว่าไอ้ห่านั่นพูดอะไร เขาก็กัดฟันแน่น  ในตอนที่เขาพอมีแรงหลังจากที่พักมากว่า 10 นาที เขาก็เห็นไอ้อ้วน แบร์ลี่ วิ่งมาหาเขา – “ นายมีแผนหลังเลิกเรียนรึเปล่า ? “ – เขาพูดขึ้นมาเบาๆ

“ ฉันมีงานพาร์ทไทม์ที่ต้องไปทำที่ร้านขายของชำ ฉันต้องไปที่นั่นอาทิตย์ละสองครั้ง ! “

“ นายยังซิงอยู่มั้ย ? “

เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็หงุดหงิดขึ้นมา – “ เหี้ย ฉันยังซิงโว้ย แล้วไง ! แกก็เหมือนกันแหละ !”

“ ผิดแล้ว หลังจากวันนี้ไปนายจะเป็นคนเดียวในองค์กรที่ซิง ! “ – แบร์ลี่ ตอบกลับอย่างใจเย็น  จางเทีย ไม่ทันสังเกตท่าทีสงสารที่ แบร์ลี่ มีให้กับเขาตอนนั้น

“ หมายความว่าไง ? “ – จางเทีย คิดไม่ออกอยู่สักพัก

“ หลังเลิกเรียนนายจะเข้าใจเอง  มันคือสิทธิประโยชน์สำหรับการเป็นคนในองค์กร  วันนี้คือตาของ ดั๊ก ดังนั้นฉันจะจัดให้นายในครั้งหน้า.. “ - เมื่อพูดแบบนั้นเสร็จ แบร์ลี่ ก็ตบไหล่ จางเทีย ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินจากไปปล่อยให้ จางเทีย สับสนอยู่สักพัก

วันนี้คือวันพิเศษ พวกเขาเดินออกจากประตูโรงเรียนพร้อมกับคนอื่นๆ   จางเทีย เห็นว่า แบกแดด และสมาชิกคนอื่นๆต่างก็ล่ำลา ดั๊ก ด้วยสีหน้าที่แคร่งขรึม  แต่ละคนเดินเข้ามาตบไหล่แล้วพูดบางอย่างก่อนจะเดินจากไป  ดั๊ก นั้นดูเหมือนกลัว  หูเขาถึงกับแดงเลยด้วยซ้ำ   จางเทียน ได้ยินบางอย่างที่ฟังดูน่าขนลุกอย่าง ‘ ถ้านายล้างปากตัวเอง นายจะต้องแปลกใจ ‘   ในตอนที่ถึงตา แบกแดด  เสียงของอีกฝ่ายนั้นดังพอที่ จางเทีย จะได้ยินเสียงคุยกันว่า – “ ครั้งแรกน่ะจะเร็ว คึกไว้ นายจะมีเวลาพอที่จะทำได้อีกหลายครั้ง  ตอนฉันไปน่ะ ฉันทำได้ถึงเจ็ดครั้งเลย.. “

พวกนั้นต่างก็ตบไหล่แล้วกอดกันไว้  ฮิสต้า นั้นอยากจะตาม ดั๊ก ไปแต่ แบกแดด และ ลิซ ก็ดึงเขาไว้ก่อน

จางเทีย ไม่มีคำพูดใดจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น   แบร์ลี่ บอกว่านี่คือกิจกรรมขององค์กรและบอกให้ จางเทีย ไปดูมันด้วยถ้าเขาว่าง   จางเทีย ถามว่าพวกนั้นจะไปที่ไหนและได้รู้ว่าพวกนั้นเองก็จะไปตรงสถานีรถไฟเหมือนกัน  สุดท้ายแล้วเขาเองก็ต้องไปกับพวกนั้นด้วย

ในระหว่างที่เดิน ดั๊ก ทั้งกังวลและกลัว  เขาคอยแต่ถามคำถามแปลกๆกับ แบร์ลี่ ตลอด

“ ถึงเมื่อคืนฉันจะอาบน้ำมาแต่วันนี้เหงื่อออกเยอะชะมัด  มันไม่เป็นไรใช่มั้ย ? “

“ นายเปลี่ยนกางเกงในรึเปล่าล่ะ ? “

“ เมื่อคืนฉันเปลี่ยนตอนอาบน้ำแล้ว ! “

“ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ! “

“ แต่ ฮิสต้า บอกว่าถ้าฉันบ้วนปากมาฉันจะเจอเรื่องน่าแปลกใจเข้าน่ะสิ ! “

 “ ไม่ต้องกังวล ฉันเตรียมของให้นายแล้ว ! “ – แบร์ลี่ ตอบกลับพร้อมกับเอาห่อกระดาษเล็กๆออกมา  ห่อนีแพ็คอย่างดีและทำให้ ดั๊ก และ จางเทีย สงสัย   เขายื่นหน้าเข้าไปดูและพบกับใบไม้เล็กๆ 3-4 ใบอยู่ในห่อนั้น

“ มันคืออะไร ? “ – ดั๊ก ถามด้วยความสงสัย

“ มันคือใบน้ำชาแพงๆ ฉันขโมยมาจากพ่อ  มีคนอื่นเอามาเป็นของขวัญให้พ่อฉัน   พวกเราชอบมันมาก อีกอย่างมันจะเกิดแต่ในด้านทิศตะวันตกของทวีปด้วย   เอานี่ไป  เอาใส่เข้าไปในปากแบบนี้แต่อย่าเคี้ยวรึกลืนมัน  พวกมันจะช่วยลดกลิ่นปากนาย “

แบร์ลี่ ค่อยๆเอาใบไม้ใส่เข้าไปในปาก ดั๊ก   ดั๊ก ใช้ฟันตัวเองคาบเอาไว้เพราะกลัวมันตก

“ ฉันเอาได้กี่ครั้ง ? “ – หลังจากนั้นสักพัก ดั๊ก ก็ถามขึ้นมาอีก

“ นายทำกี่รอบก็ได้ในสามชั่วโมง ! “

“ ฉันใช้รูล่างได้มั๊ย ? “ - ดั๊ก ถามขึ้นมาอีกเหมือนกับเด็กขี้สงสัย

“ ล่างเหรอ....” - แบร์ลี่ ช็อค – “ ใครบอกนาย ? “

“ พี่ฉัน... “

“ นาย...ทำแบบนั้นไม่ได้   ฮิสต้า และคนอื่นๆก็ไม่ได้ทำแบบนั้น !  “

“ อื้ม ! “ - ดั๊ก รวบรวมสติตัวเองมาอีกรอบ  หลังจากนั้นไม่กี่วินาที  แบร์ลี่ ก็ได้อธิบายให้เขาใจชัดอีกรอบ – “ การใช้รูนั่นน่ะแพงมาก ใช่ แพงมากและยังไม่ดีต่อเราด้วย... “

จางเทีย รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่นอกจากความสงสัยแล้วเขาเองก็อยากเห็นเหมือนกัน  เขาตาม แบร์ลี่ และ ดั๊ก ไปถึงสลัมเก่าๆแถๆสถานีรถไฟ  พวกเขาเดินวนอยู่แถวนั้นเกือบสี่นาทีก่อจะมาถึงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง  เทียบกับประตูบ้านที่เหลือ ประตูบ้านนี่ดูสะอาดกว่า  แบร์ลี่ เข้าไปเคาะประตูและได้มีคนเดินผ่านไปมามองมาที่พวกเขา   มันรู้สึกแปลกๆ  จางเทีย รู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่หน้าทำให้เขารู้สึกคันๆ

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรด้านหลังประตูแต่ จางเทีย มันคงน่าตื่นเต้นและน่ากังวลด้วย   ดั๊ก นั้นเหงื่อแตกผลั่ก  เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนอ้วก  จางเทีย ก็หันไปดูและพบว่าคนที่อ้วกคือ ดั๊ก ...   ดั๊ก เอามือล้วงเข้าไปในปาก  แบร์ลี่ เองก็ตกใจจนถามออกมา – “ มีอะไร ? ! “

“ ฉันกังวล..และกลืนใบชานั่นลงไป...ตอนฉันกลืน   มันรู้สึกโคตรอึดอัดเลย ... “

“ งี่เง่าเอ้ย.. “ – แบร์ลี่ เอามือตบหน้าผากตัวเอง – “น่าเสียดายที่มีไม่มีน้ำ  หาน้ำกินแล้วรีบเอามันออกซะตอนนายเข้าไป ! “

“ ฮือ...” – ดั๊ก ยังคงทำตัวเหมือนว่าเขาจะอ้วกอยู่

จางเทีย เห็นตาของ ดั๊ก เบิกกว้างและหน้าเริ่มแดงขึ้นมาและจากนั้นเส้นเลือดตรงคอก็ปูดขึ้นมาราวกับมีบางอย่างจะออกมาจากคอของเขา   เขาพยายามปิดปากก่อนที่จะกลืนน้ำพวกนั้นลงไป.....

“ ไม่เป็นไรแล้ว ฉันกลืนมันแล้ว  ขอบใจ ฉันแก้ปัญหาได้แล้ว ! “ – ดั๊ก ตบอกตัวเองราวกับเพิ่งรอดจากการปล้นมาได้  เขายิ้มออกมาเผยให้เห็นผักที่ติดตรงฟันเขา

จางเทีย หน้าซีด  เขารู้สึกขยะแขยง  เขาคิดกับตัวเอง – “ แกนี่มันดีจิงๆเลย ! “ - ในตอนที่ ดั๊ก พูด จางเทีย ได้กลิ่นเหม็นเปรียวออกมาจากปากซึ่งโคตรน่าหยะแหยงเลย   แบร์ลี่ เองก็ช็อคเหมือนกัน  เขาไม่คิดว่า ดั๊ก จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ ....

จางเทีย ทนไม่ไหวอีกต่อไป   ความสงสัยและความเงี่ยนของเขาเองก็ได้หายไปด้วย – “ ขอให้สนุกล่ะ ฉันไปละ ! “

แบร์ลี่ รีบหยิบเงิน 4 เงินออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปใส่ในมือ ดั๊ก – “ นายเข้าไปเองละกัน จำไว้ อย่าบอกเธอว่าฉันพานายมาที่นี่และอย่าบอกว่ารู้จักฉัน ! “

จางเทีย และ แบร์ลี่ รีบวิ่งหนีไปซ่อนทันที   ดั๊ก ยืนเกาหัวตัวเองอยู่หน้าประตูก่อนที่ประตูจะเปิดออกมา  จางเทีย มองไม่เห็นใครแต่ ดั๊ก ที่ซึ่งยืนอย่างหน้าไม่อายตรงนั้นก็ได้ยิ้มและทักทายออกมา – “ สวัสดี... “

คนที่เปิดประตูออกมานั้นคงขาดอากาศหายใจตายเพราะ ดั๊ก แน่ๆ

ในตอนที่เขาทักทาย ประตูก็ได้ปิดลงทันที  ดั๊ก พูดอะไรไม่ออก  หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็เริ่มมองหา แบร์ลี่ และ จางเทีย   แบร์ลี่ นั้นทำท่าให้กำลังใจให้    ดั๊ก ยืนดอกขึ้นและเคาะประตูอีกรอบ  ดั๊กยิ้มตอบกลับพร้อมกับแบเงินให้ดูเงินสี่เหรียญ  เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้ว แบร์ลี่ ได้เอามือตบหน้าผากตัวเองอีกรอบ  ผลก็คือประตูนั้นได้ปิดอัดหน้าเขาอีกครั้ง

ในตอนที่ ดั๊ก เคาะประตูรอบที่สาม  จางเทีย ก็เห็นว่ามีน้ำถูกสาดออกมาในตอนที่เปิดประตู  ดั๊ก เปียกอย่างกับลูกหมาตกน้ำและรอยยิ้มก็ได้แน่นิ่งลงไปในทันที...

โชคร้ายจริงๆเลย !

รีวิวผู้อ่าน