px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 8: Mental Arithmetic by Abacus


Chapter 8: Mental Arithmetic by Abacus

 

จางเทีย เดินออกมาจากร้านค้าพร้อมกับคิดถึงคำพูดของ ดอนเดอร์   ‘ ลิ้นน่ะคมกว่าอาวุธไหนๆ มันสามารถทำลายทั้งกระดูกและสมองได้ ! ‘ ความรู้สึกสิ้นหวังที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้นั้นลดลงเล็กน้อย

ในตอนที่ จางเทีย ผ่านตลาดมือสองไป โคมไฟตามท้องถนนก็เริ่มจุดขึ้นทีละอันๆ คนคอยจุดโคมแต่ละคนค่อยๆสั่นกระดิ่งของรถตัวเองและไปจอดอยู่ด้านหน้าโคมไฟแต่ละอัน   พวกเขาปีนขึ้นไปบนเสาแล้วเติมเชื้อเพลิงเข้าไปก่อนที่จะจุดมัน  ในตอนที่พวกเขาจากไปแล้วก็ได้มีผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่หน้าอกโตเดินออกมาพิงตามเสาไฟนั้นรอคอยคนที่เดินผ่านไปมา มีบางคนที่ไปยืนคุยกับเพื่อนแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา

จางเทีย เดินและแอบดูผู้หญิงเหล่านั้น  พวกเธอทำให้เขาไม่พอใจอย่างมากและความต้องการของเขาก็เพิ่มมากขึ้น

“ เด็กน้อย มาหาป้าม่ะ  ให้ฉันสอนเธอเองว่าจะเป็นผู้ชายยังไง.... “ – ป้าวัยสีสิบปีซึ่งมีผมหยิกสีแดงทักทายเขา  จางเทีย มองเห็นเธอได้อย่างชัดเจน   เธอมองมาที่ตาของ จางเทีย   เธอก้มตัวลงเล็กน้อยจน จางเทีย เห็นร่องหน้าอกของเธอเต็มสองตา   เธอเอามือบีบหน้าอกตัวเองก่อนจะร้องครางออกมาเบาๆ   เธออ้าปากแล้วค่อยๆเลียนิ้วตัวเอง  เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็รู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดอย่างแรงจนทำให้ไอ้จ้อนเขาแข็งขึ้นมา  จางเทีย รีบวิ่งหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของสาวๆเหล่านั้น

ตลาดมือสองนั้นอยู่ข้างๆสถานีรถไฟ ตอนนี้ที่นี่เสียงดังอย่างมาก ผู้คนจากที่ต่างๆโผล่ออกมาในตอนที่ความมืดมาเยือน  จางเทีย พบว่าตัวเองอยู่ห่างจากป้าคนก่อนหน้านี้มาเกือบ 100 ม.แล้วแต่ไอ้จ้อนของเขาก็ยังคงแข็งอยู่ดี  เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองอาย จางเทีย ได้ทำท่าเอามือล้วงกระเป๋าเพื่อกดไอ้จ้อนตัวเองไว้

ในตอนที่ จางเทีย เดินออกมาจากตลาดมือสองก็ได้มีเสียงดังจากข้างทางทำให้เขาเดินช้าลง

“ บอส นายเอาของพวกนี้มาจากซากนั่นเหรอ ? “

“ แน่นอน ดูหนังสือนี่สิ ตัวหนังสือในนี่น่ะเป็นภาษาจีนและพันธมิตรอันดามันก็ไม่เคยประกาศเรื่องนี้เลย  ดูปกสิ มันมีลูกคิดของจีนอยู่ด้วย มันเป็นเครื่องมือคำนวณในสมัยหลายพันปีก่อนจะเกิดภัยพิบัติ แล้วมันจะถูกเก็บไว้ได้อย่างดียังไงถ้าไม่ได้จากซากพวกนั้น ? “

“ เราไม่ได้โง่นะ  เรารู้จักตัวหนังสือจีนพวกนี้แต่ไม่มีใครใช้มันเป็นนี่สิ  บ้าเอ้ย ลูกคิดเฮงซวยอะไรเนี้ย  ไม่มีใครใช้ของแบบนี้ได้หรอก... “

“ ฉันจะบอกความจริงนายเอง ... “

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ ภาษาจีน ‘  เขาก็เดินไปเดินเข้าไปหาเสียงนั้นก่อนจะพบกับชายสองคนที่อยู่ในร้านค้าข้างทาง  มีหลายอย่างวางขายบนผ้ากันฝน  ผ้านั่นไม่ได้ใหญ่เกิน 2 ม.  สินค้าเดียวที่น่าสนใจก็คือมีดและกำไรข้อมือทองแทงที่ทับอยู่แต่ละมุมของผ้า  ในตลาดมือสองนี้เจ้าของร้านแต่ละคนจะบอกว่าสินค้าตัวเองนั้นได้มาจากซากปรักหักพังหลังจากที่เกิดภัยพิบัติแต่แม้แต่คนงี่เง่าก็ยังไม่เชื่อคำพูดพวกนี้...

หนึ่งในสองคนนั้นได้ซื้อมีดที่มีดฝักกอันสวยงามไปในราคา 8 เงินและ 60 ทองแดง จากนั้นทั้งสองคนก็ออกจากร้านไป

เจ้าของร้านนั้นเป็นชายอายุ 60 ดูหื่นๆและมีจมูกแดงๆ  เมื่อ จางเทีย พูดกับเขา เขาจะได้กลิ่นไวน์จากปากของอีกฝ่ายย  ชายแก่นี่ทำให้เขานึกถึงสัตว์ตัวหนึ่ง – หนู

หลังจากที่ จางเทีย มองดูของท้านแล้ว เขาก็หยิบหนังสือลูกคิดขึ้นมาและถาม – “ เท่าไหร่ ? “

“ ของนี่ได้มาจากซาก ดังนั้นแล้วราคาอย่างน้อยก็ 20 เงิน... “ - ชายแก่ตอบกลับ

“ มันใช้ไว้ทำอะไร ? “

“ เอ่อ บางทีมันอาจเป็นหนังสือสอนใช้ลูกคิด ! “ – ชายแก่เองก็ไม่แน่ใจ  เขาได้อ่านมันแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจเนื้อหาเลยสักนิด  เขายังเรียกผู้เชี่ยวชาญมาดูแต่ผู้เชี่ยวชาญเองก็บอกได้แค่ตัวเลขบางอันได้เท่านรั้น  เนื้อหาน่ะคือตัวเลขแปลกๆที่จัดเรียงกันอย่าง 33225566....

“ มันมีประโยชน์อะไร ? สอนให้นับแกะตอนนอนเหรอ ? “

“ เอิ่ม..16 เงิน ไม่ลดแล้ว ! “ - ชายแก่ ตอบกลับด้วยท่าทีเด็ดขาด

“ นี่ดูเหมือนว่าฉันโง่รึไง ? หนังสือนี่น่ะมีไม่เกิน 16 หน้า ใช้เช็ดตูดยังไม่พอเลยมั้ง  นายอยากได้ 16 เงิน ? ไม่มีทาง ! ฉันแค่ถามเพราะสงสัยก็เท่านั้น “ - จางเทีย โยนหนังสือทิ้งแบบโกรธๆ  เขาคุ้นกับตลาดนี้ดี  ถ้าเขาไม่ต่อราคาโหดๆ เขาคงไม่ต่างอะไรกับโดนปล้นแน่

“ งั้นนายให้ได้เท่าไหร่ ? “

“ 80 ทองแดง ! “

“ 80 ทองแดง ? “ – ชายแก่ดีดตัวขึ้นมา – “ เด็กน้อยเอ้ย อย่างน้อยก็ 10 เหรียญ ฉันเอามาได้จากซากปรักหักพังเชียวนะ ! “

“ ซากห่าอะไรก็ช่างสิ ฉันไม่ได้โง่ ในพื้นที่เมืองนี้ 1,000 กม.ไม่มีซากห่านั่นหรอก  ถึงแม้ว่ามันจะจริงแต่มันก็โดนเก็บไปเรียบร้อยแล้ว  ไม่มีทางที่นายจะได้มันมาหรอก  80 ทองแดง ! ”

“ 9 เงิน !  ไม่ลดแล้วโว้ย “

“ ดี เพราะฉันเคารพนายหรอกนะ ฉันจะเพิ่มให้อีก 10 ทองแดง ! “

“ 90 ทองแดง ? “ – ชายแก่อุทานออกมาอย่างกับหมูโดนเชือด – “ ราคามันน้อยกว่าที่ฉันต้องการอีก ! “

“ 1 เงิน ! “

“ 7 ! “ – ชายแก่กัดฟันแน่น..+..

หลังจากที่ต่อราคาอยู่กว่า 2 นาที  จางเทีย ก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทันที  ชายแก่ตะโกนตามด้วยความกังวลเมื่อ จางเทีย เดินออกไปได้ห้าก้าว – “ เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป  อย่างที่นายบอก จ่ายฉันมา 4 เงินแล้วเอาหนังสือนี่ไปเลย ! “

จางเทีย ยิ้มออกมานิดๆ  ปกติแล้วคนนอกพวกนี้จะไม่รู้จักชื่อของหนังสือแต่ จางเทีย น่ะอึ้งตอนที่เขาเห็นมัน   <Mental Arithmetic by Abacus> (คิดเลขในใจโดยลูกคิด)    เขาเดินเข้ามาดูของในร้านเล่นๆและพบกับวิธีการคิดเลขในใจที่เกี่ยวข้องกับลูกคิด   เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นของพิเศษและตัดสินใจที่จะซื้อมัน ...

ในตอนที่กลับบ้าน ท้องของ จางเทีย นั้นเริ่มร้องออกมาอีกรอบแต่ จางเทีย ก็พอใจเมื่อเขานับไปที่หนังสือในกระเป๋า  ในยุคนี้ความรู้น่ะแพง ทักษะรึความรู้อะไรที่ได้นอกโรงเรียนนั้นเป็นของมีค่าอย่างมาก   จางเทีย จำที่ ดอนเดอร์ ดูแลเขามานานกว่า 3 เดือนก่อนที่จะสอนใช้ของแปลกๆที่เรียกว่าลูกคิด   แม้ว่า ดอนเดอร์ จะไม่เต็มใจสอนเขาหนักแต่ จางเทีย ก็พบว่ามีไม่กี่คนในเมืองที่ใช้ลูกคิดเป็น  การคำนวณธรรรมดาทั่วไปจะใช้กระดาษ สำหรับการคำนวณขั้นสูงนั้นจะมีเครื่องคิดเลขเหล็กที่ใช้แรงในการขับเคลื่อนเพื่อให้มันสามารถคำนวนได้  ดังนั้นแล้วลูกคิดจึงดูเหมือนจะไร้ประโยชน์  แต่มันก็ถือว่าเป็นทักษะพิเศษที่ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ  ในตอนที่ จางเทีย เห็นการจัดเรียงของลูกคิดบนหน้าปกแล้วเขาก็บอกได้เลยว่าเขาว่ามันคุ้มกับเงินที่เสียไป  ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นคุณค่าของมันแต่ จางเทีย ก็ยังคงยืนกรานว่ามันต้องมีค่าอย่างแน่นอน  บอกเลยว่าเงินที่เสียไปน่ะคงซื้อของมีค่าแบบนี้ไม่ได้อีก

“ เรียนรู้ให้เยอะ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำอันตรายตัวเราเอง “ - พ่อขอ จางเทีย มักจะสอนเรื่องนี้ตอนเขายังเด็ก

พ่อแม่ของเขาบังคับให้เขาเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็ก  เขาใช้เวลากว่า 10 ปีกว่าจะจำตัวหนังสือทุกตัวในดิกชินนารีได้  มันคือช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในชีวิตของเขา  สิบกว่าปีต่อมากซึ่งคือวันนี้  ในที่สุด จางเทีย ก็พบว่าสิ่งที่เขาเรียนมานั้นมีประโยชน์  เขาดีใจนิดๆกับการมีอยู่ของหนังสือนี่

จางเทีย ไม่เคยเชื่อใจคำพูดของคนขายตอนที่อีกฝ่ายบอกว่าได้มาจากซากปรักหักพัง   เพราะสินค้าที่ได้มาจากซากนั้นจะมีอายุเยอกว่าหนึ่งพันปีแต่หนังสือนี่ดูไม่เก่าขนาดนั้น   ในที่สุดเขาก็พบกับตัวหนังสือภาษาจีนด้านล่างลูกคิดพวกนั้น ‘ แนะนำให้ฝึกหลังเรียนด้วย ’  - “ ฉันเกือบจะพร้อมเรียนรู้แล้วแต่นี่แค่เริ่มต้นยังไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย ! ฝีกหลังเลิกเรียน ? ! ฝึกอ่าน ? ! บอกให้มันเจาะจงหน่อยสิวะ ! “

หลังจากที่โดนอัดแล้วเข้าร่วมองค์กร อีกทั้งยังเสียหน้าต่อ มิสไดน่า แล้ว เขายังเอารางวัลที่ได้มามาซื้อหนังสือ

ในตอนที่กลับบ้าน  จางเทีย จำได้ว่าเขาได้ใช้เงินและได้เงินมาในวันนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาได้กำไรรึขาดทุนด้วยซำ.. บ้านของ จางเทียน นั้นก็เป็นบ้านแบบทั่วไปที่อยู่ด้านทิศเหนือของเมือง  ส่วนบนของทิศตะวันออกของเมืองนั้นคือสวนของพวกคนรวย, ส่วนเหนือนั้นคือส่วนของพวกคนงานและชาวบ้านทั่วไป  เทียบกันแล้วที่ส่วนเหนือนี่ไม่ได้สวยเท่าไหร่เลยแต่พวกเขาก็อยู่กันอย่างใกล้ชิดและปลอดภัย  ต้นไม้ที่ขึ้นสองข้างทางทำให้ที่นี่ดูอบอุ่นและดูสงบ  ใช้ความพยายามกว่าสิบปีกว่าที่พ่อแม่ของเขาจะสร้างบ้านเล็กๆที่มีพื้นที่ 100 ตร.ม.ขึ้นมาได้  บ้านของเขามีร้านค้าเล็กๆที่สวนหลังบ้าน  พ่อแม่ของเขาได้เปิดร้านเบียร์ข้าวไว้ด้วย  พ่อของเขาน่ะไปทำงานที่โรงสี ส่วนแม่น่ะดูแลร้านนี้  ขายของก็ได้ธรรรมดาเพราะมีแต่เพื่อนบ้านมาอุดหนุนและให้กำไรแค่นิดหน่อยเพื่อเอามาประทังชีวิต

ในตอนที่ จางเทีย กลับมาบ้านมันก็ได้เวลา 3 ทุ่มแล้ว  พ่อแม่ของเขาไม่ได้อยู่บ้าน   เขาคิดว่าพวกนั้นน่าจะไปที่โบสถ์  ร้านเบียร์เองก็ปิดไว้   อาหารเย็นก็อยู่ในตู้  มันมีซุปผักและเบค่อนตับอยู่ด้วย แล้วก็ยังมีข้าวชามโตวางไว้นบนโต๊ะ  จางเทีย สลด เขารับปากกับตัวเองว่าถ้าเขารวย เขาเอาเนื้อและปลาให้พ่อแม่เขากินทุกวัน

เขากินมื้อเย็นเสร็จอย่างรวดเร็วก่อนจะเก็บของต่างๆ  ด้วยความเหนื่อยล้า เขาจึงเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อจะไปพักผ่อน  ในตอนที่ขึ้นมาแล้วเขาได้ยินเสียงจังหวะเตียงชนกันและเสียงหายใจดังขึ้นมาจากห้องของพี่ชายเขาแม้ว่าประตูจะปิดอยู่ก็เถอะ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้และเขารู้ด้วยว่ามันคืออะไร  เขาเดินผ่านไปเงียบๆก่อนจะเข้าไปดึงเชือกเพื่อเปิดทางเดินสู่ห้องใต้หลังคาออกมา

เขาอาจจะต้องใช้น้ำยาหล่อลื่นมาใช้กับบันไดนี่หน่อยแล้วเพราะมันเริ่มมีรอยแตกตนบันไดตอนที่มันหล่นกระแทกลงมา พี่ชายเขาหยุดทำไปสักพักก่อนจะทำอีกรอบแบบแรงยิ่งกว่าเดิมก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไปที่ห้องตัวเอง

ในที่สุดเขาก็มาถึงห้องตัวเองก่อนจะดึงบันไดกลับมาเก็บ  ห้องเล็กๆสามเหลี่ยมใต้หลังคานี่เป็นของ จางเทีย

บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรและมีร้านเบียร์ข้าวเปิดอยู่ที่ชั้นล่างซึ่งบ้านเองก็มีพื้นที่น้อยอยู่แล้ว ดังนั้น จางเทีย เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ห้องใต้หลังคา เพราะพื้นที่ด้านบนนั้นเก็บของไปเกือบครึ่งห้องทำให้เขามีพื้นที่พอแค่วางเตียง,โต๊ะ, และตู้เสื้อผ้าเล็กๆ  พื้นที่ที่เหลือแค่พอคนเดินผ่านได้คนเดียว  ของพวกนี้ล้วนแต่เป็นของมือสองที่ได้มาจากตลาดและรวมทั้งหมดแล้วก็มีค่าไม่ถึง 2 เงินเลยด้วยซ้ำ ....

ห้องนี่น้อยกว่า 8 ตร.ม.และมีพวกเฟอร์นิเจอร์มือสองอยู่เต็มไปหมดซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของเด็กชาย 15 ปีผู้น่าสงสาร...

รีวิวผู้อ่าน