ลังจากที่เย่โม่จัดการคนสุดท้ายเสร็จ เขาก็หันมาหาเสี่ยวหยูและพูดว่า
"มาช่วยฉันจัดการไอ้พวกนี้หน่อยสิ"
"ฉันช่วยด้วย" เสี่ยวหลี่รีบพูดออกมา หน้าของเธอแดงก่ำ เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ตัวเองยังไม่ตาย ราวกับเธอได้พบกับตำนานเรื่อง "เจ้าชายบนดาวอังคาร" ที่จู่ๆ ก็ลงมาช่วยเธอ มันเหมือนกับความฝันและสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเร็วเกินไป
โจ่วอิกัวสงบลง เขารู้สึกดีใจอยู่เงียบๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจที่ถูกต้องของเขาและสร้างความรู้สึกว่าเขากำลังสร้างความเชื่อมโยงกับเย่โม่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาอาจจะเป็นลูกศิษย์ของผู้ที่รู้ศิลปะการต่อสู้ในตำนานทุกชนิด แม้ว่าเขาจะได้ยินมาว่ามีบางตระกูลที่มีศิลปะการต่อสู้โบราณในกรุงปักกิ่ง ตระกูลเหล่านี้จะลึกลับมากและจะไม่เปิดเผยออกมาสู่โลกภายนอก หรือไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะเป็นนักกีฬาก็ได้
อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เขารู้ บางตระกูลจะเลือกสมาชิกที่ยอดเยี่ยมเพียงไม่กี่คน ที่จะเข้าทำงานในหน่วยงานพิเศษของประเทศ หน่วยงานเหล่านี้ทำหน้าที่เฉพาะประเทศ และแม้แต่ผู้นำบางคนก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครองจากบุคคลเหล่านี้
เย่โม่มองไปที่เสี่ยวหลี่ที่วิ่งมาเรื่อยๆ และส่ายหน้าของเขาอย่างไร้คำกล่าวว่า "อารมณ์ของผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปเร็วจริงๆ!" เขาไม่ได้คุยกับเธอและเพิ่งพาคนร้าย 2 คนที่ไม่ได้สติไปในป่า
คนขับรถเสี่ยวหยู ลากอีก 2 คนตามไป เย่โม่ทิ้งทั้งสองไว้ในป่าและพากันอีก 2 คนมาด้วย เมื่อเสี่ยวหลี่เห็นว่าเย่โม่ไม่สนใจ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าเธอจะใช้พลังทั้งหมดของเธอ เธอก็ไม่สามารถตามเย่โม่และลากใครไปได้ ในที่สุดเสี่ยวหยูก็มาช่วยเธอดึงมันออกไป เมื่อเห็นว่าทั้ง 7 คนถูกพามาที่นี่ เย่โม่ก็บอกกับเสี่ยวหยูว่า "พวกนายไปรอที่รถก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป"
หลังจากที่เสี่ยวหยู ทิ้งเย่โม่ไว้ก็มีโจรคนนึงตื่นขึ้นมา คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากเมืองหยวน พวกนี้จะปิดถนนและปล้นคนที่ผ่านมา หลังจากที่ทั้งหมดตื่นขึ้น เย่โม่ก็ถามถึงที่ฐานของพวกเขาและพบว่ามันเป็นบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองอสรพิษ นอกจากนี้มันก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่เสี่ยวหยู กล่าว จริงๆแล้วมีคนมา 13 คน แต่ตอนนี้เหลือเพียง 7 คนเท่านั้น
ตอนแรก เย่โม่ได้วางแผนที่จะทำลายฐานของพวกเขา เมื่อเขาจะไปเมืองอสรพิษ เนื่องจากเขาไม่ชอบที่จะทิ้งสิ่งที่ยังไม่เสร็จไว้ แต่เนื่องจากไม่มีใครเหลือ เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะไป เย่โม่ทิ้งร่างพวกเขาทั้งหมดลงไปในภูเขา เขาพบสกุลเงินหยวนจำนวนหนึ่งกับคนเหล่านี้ แต่เย่โม่ก็ไม่ได้หยิบมา บางทีเงินพวกนี้อาจจะมีค่ากับคนตาย แม้จะเล็กน้อยก็ตาม
เขาไม่เข้าใจว่า คนเหล่านี้จะน่าสงสารมากแค่ไหน เมื่อต้องปล้นตลอดทั้งวัน บางทีพวกเขาไม่ได้พกสิ่งที่มีค่ามากับตัว และทิ้งทุกอย่างไว้ที่ที่หลบภัยของพวกเขาก็ได้
เมื่อเย่โม่กลับไปที่ถนนบนภูเขา เสี่ยวหยูและโจ่วอิกัวได้จัดการสิ่งกีดขว้าง และทั้งสามคนก็รออยู่ในรถแล้ว ไม่มีใครถามเขาเรื่องพวกโจรหลังจากที่เขาเข้ามาในรถ
"ฉันไม่ได้ใช้เงินนี้ พวกคุณจัดการพวกมันได้ รับมันไว้นะ" เสี่ยวหลี่ให้เงิน 50,000 เหรียญ และโจ่วอิกัวเสนอให้เย่โม่
เย่โม่ดันมันออกและพูดว่า "ไม่ต้องหรอก คุณเก็บไว้เถอะ บอสโจ่มจ้างผมมาและเขาก็จ่ายแล้ว และเพื่อนของคุณยังทิ้งคุณไว้เป็นค่าตอบแทนให้ไอ้พวกนั้นอีก"
"อืมม ฉันไม่รู้จักไอ้ห่านั้นหรอก…." เสี่ยวหลี่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เย่โม่ก็บอกให้เสี่ยวหยูขับรถเสียก่อน
"เย่โม่ พวกเราโชคดีจริงๆที่มีคุณอยู่ด้วย ถ้าไม่มีคุณพวกเราคงแย่ไปแล้ว" โจ่วอิกัว รีบแสดงความขอบคุณต่อเย่โม่ โจ่วอิกัวกำลังจะบอกความจริงว่า ถ้าเขาไม่ได้เจอกับ เสี่ยวหลี่ เขาจะต้องเสียไปหลายหมื่นแน่ๆ อย่างไรก็ตามหลังจากการที่เรื่องแบบนี้กับเธอ โจ่วอิกัว คิดว่าถ้า
เย่โม่ ไม่โผล่มาจะต้องเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายแน่นอน
เย่โม่โบกมือและพูดว่า "บอสโจ่ว คุณสุภาพเกินไปแล้ว นี้ก็เป็นสิ่งที่เราตกลงกันตั้งแต่แรก นี้คือสิ่งที่คุณจ้างผมไม่ใช่หรอ?”
การได้ยินคำพูดของเย่โม่ โจ่วอิกัวอารมณ์ดีและพูดว่า "ผมเองก็อายุมากแล้ว ถ้าไม่รังเกียจคุณเย่เรียกผมว่าพี่โจ่ว และผมขอเรียกคุณว่าน้องเย่นะ”
"นั้นเยี่ยมมากเลย" เย่โม่พยักหน้าเห็นด้วย โจ่วอิกัวไม่ใช่คนเลว คนที่มีค่าควรจะติดต่อกันไว้ เมื่อเสี่ยวหลี่ได้ยินชื่อเย่โม่ จากโจ่วอิกัว เธอรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นเคย ราวกับว่าเธอได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่เธอำมันไม่ได้
"นักข่าวเสี่ยว แม้เมืองอสรพิษจะอยู่ชายแดน แต่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดในภูมิภาคนี้ และอยู่ระหว่างพรมแดนถึงระหว่าง 3 ประเทศ ทำไมถึงคุณมาที่นี่ละ?" โจ่วอิกัวหันหน้ามาและถาม
ความคิดของเสี่ยวหลี่ถูกขัดจังหวะ และตอบอย่างหมดหนทางว่า "เพราะฉันได้ยินมาว่านักท่องเที่ยวที่มาที่กิวหลินหายไปใกล้ๆกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ดังนั้นฉันจึงอยากมาที่นี่และสัมภาษณ์ หลังจากมาที่นี่ถามคนไม่กี่คน ฉันพบว่าคนส่วนใหญ่หายไปหลังจากเดินทางไปที่เมืองอสรพิษ ฉันเลยอยากไปที่นั้นด้วยตัวเอง ถ้าฉันไม่ได้เจอกับพวกคุณ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ"
เย่โม่หัวเราะกับตัวเอง นักข่าวหญิงคนนี้ก็ไร้เดียงสาเกินไป เธอเคยชินกับการอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ที่เธอคิดว่าถ้าเธอหยิบใบอนุญาตนักข่าวออกมา คนอันธพาลเหล่านั้นก็ยอมจำนน
โจ่วอิกัวยังไม่มีความคิดที่จะพูดอะไร เขารู้จักเสี่ยวหลี่ เธอเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียง ซึ่งเพิ่งจะโด่งดังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเขาไม่คุ้นเคยกับเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแนะนำอะไรเธอได้นัก เพียงเสี่ยวหลี่เห็นท่าทางพวกเขา เธอก็เข้าใจว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ แต่เธอไม่สามารถตำหนิพวกเขา อย่างที่เธอรู้ว่าเธอเป็นอย่างไร เมื่อแรกที่อยากไปกิวหลิน หวังเชียนจุนก็อยากจะไปกับเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไปกิวหลินตลอด เอา BMW จากเมืองกิวหลินขับไปเมืองอสรพิษ
การปรากฏตัวที่หล่อเหลาของหวังเชียนจุนทำให้ผู้คนรู้สึกดีและรู้สึกดีต่อเขาเช่นกัน มันอาจจะไม่นานก่อนที่เธอจะได้ตกลงที่จะเป็นแฟนของเขา อย่างไรก็ตามในช่วงวิกฤติเสี่ยวหลี่เข้าใจเลยว่า รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เย่โม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขามองไปรอบๆ และสนุกกับการมองเท่านั้น มีป่าทุกแห่งและมีคนน้อยมาก มันสมบูรณ์แบบสำหรับการบ่มเพาะของเขา และแม้ว่าตระกูลซงจะไล่ล่าเขาที่นี่ เขาก็จะมีทางหนี เย่โม่ไม่ได้คิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่ยงคงกระพัน และเขารู้ว่าตอนนี้มีคนมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเขา นอกจากนี้อาวุธปืนสมัยใหม่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถป้องกันด้วยพลังในตอนนี้ได้
ในขณะเดียวกันโจ่วอิกัวและเสี่ยวหลี่ ก็คุยกันอย่างอบอุ่น แม้กระนั้นก็ตามเสี่ยวหลี่เหลือบมองไปที่เย่โม่เป็นครั้งคราว แต่เมื่อเห็นว่าเย่โม่ไม่ได้อยากจะมีส่วนร่วมอะไรในการคุยด้วย และดูเหมือนจะกำลังคิดบางอย่างอยู่ เธอจึงล้มเลิกที่จะคุยกับเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถขับมาถึงเมือง ซึ่งครึ่งหนึ่งได้รับการเสริมกำลังอย่างหนักและป้อมปราการ
"นี้ไงละเมืองอสรพิษ เราต้องทำบางอย่างก่อน แล้วพรุ่งนี้ถึงจะออกเดินทางได้ นักข่าวเสี่ยวหล่ะ? คุณจะมากับเราหรือจะไปไหนเอง?" หลังจากที่รถขับเข้ามาในเมืองอสรพิษ โจ่วอิกัวมองไปที่เสี่ยวหลี่และถาม
ก่อนที่เสี่ยวหลี่จะตอบ เธอก็เห็นกลุ่มคน สองคนกำลังต่อสู้อยู่ข้างหน้าพร้อมอาวุธมีดในมือ และอื่นๆ
ในไม่ช้า 2-3 คนที่มีเลือดออกทั่วตัวล้มลง และกรีดร้อง อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปนานสักพัก กลุ่มคนที่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงและคนเหล่านี้ที่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งก็พากันหนี ในขณะที่กำลังแบกผู้บาดเจ็บออกไป น่าแปลกใจที่ตำรวจไม่ตามพวกเขาและเดินตรงไปยังสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่
หัวใจของเสี่ยวหลี่กำลังเต้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่เธอมอง เธอไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในที่สาธารณะ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนกจากความคิดที่ไร้เดียงสาของเธอ
"เดิมทีเมืองอสรพิษนั้น เป็นเมืองแห่งความยุติธรรมและเงียบสงบ มีแต่ถิ่นถุรกันดาร หลังจากยุค 70 เนื่องจากสงครามมีผู้ลี้ภัยที่มารวมกันที่นี่ พวกเขามาจากประเทศต่างๆรอบๆ ที่นี่และได้กลายเป็นเมืองที่มีป้อมแบบนี้แหละ ตำรวจที่เธอเห็นแต่ก่อนพวกเขาไม่ใช่แบบนี้หรอก มันไม่มีที่ไหนวุ่นวายมากกว่าที่นี้แล้วละ" ราวกับว่าเขาได้เห็นเย่โม่และ เสี่ยวหลี่ตาค้าง โจ่วอิกัวได้เริ่มที่จะอธิบาย แม้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองอสรพิษ แต่เขาก็ได้รวบรวมข้อมูลจำนวนมากก่อนมาที่นี่แล้ว
"ฉัน….คิดว่าฉันจะอยู่กับลุงโจ่ว…." เสี่ยวหลี่ไม่กล้าที่จะเป็นนักข่าวที่กล้าหาญและเลือกที่จะอยู่กับพวกเขาโดยไม่ลังเลเลย