โจ่วอิกัวถอนหายใจออกมา รวมทั้งเย่โม่และเสี่ยวหยู เย่โม่มองไปรอบๆ นอกเหนือจากที่ชายคนนั้นเรียกร้องให้พวกเขาและอีกสองคน ที่ถือปืนอยู่ข้างๆ ก็มีอีกสองด้านหลังที่ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา รวมทั้งอีกสองคนที่ด้านหน้า พวกเขามีทั้งหมด 7 คน ซึ่งมี 6 คนที่มีปืน
"ให้เรามา 50,000 เหรียญและพวกคุณก็ออกไปได้" ชายคนหนึ่งที่มีโทรโข่งกล่าวออกมา
"มันไม่ใช่ 10,000 หรอ ก่อนหน้านี้มันเป็น 10,000 นิ? ทำไมตอนนี้ถึงเป็น 50,000 ละ?" เสี่ยวหยู ดูเหมือนจะรู้ถึงสถานการณ์และถาม
"ทำไมหะ? ถ้าพูดมากกว่านี้ฉันจะฆ่าแก ฉันบอกเท่าไหร่ก็จ่ายมา!" คนที่มีปืนอยู่พูดออกมา และชี้ปืนไปทางเสี่ยวหยูด้วยท่าทางเยาะเย้ย
"ได้ๆ ฉันมีเงิน 50,000 เหรียญ ฉันจะให้เดี๋ยวนี้แหละ!" ชายคนนั้นหน้าซีด หันหน้าไปรอบๆ และเอาเงิน 50,000 ออกมาจากรถ คนที่อยู่ข้างหน้ารับเงินไปและโบกมือ "คุณสามารถไปได้"
ชายตัวสูงขึ้นรถทันที และพูดว่า "เสี่ยวหลี่ ขึ้นมาได้แล้ว เราจะไม่ไปเมืองอสรพิษแล้ว เราจะกลับทันที"
ผู้หญิงที่ชื่อว่า เสี่ยวหลี่ มองไปที่เย่โม่และคนอื่นๆ อีกสองคนที่อยู่กับเขาและกล่าวอย่างกังวลว่า “พวกเขา" เธอยังจะไม่ได้ทันได้พูดอะไรออกมามากนัก ก็ถูกหนุ่มคนนั้นขัดขึ้นมาเสียก่อน "รถของพวกเขาดีนะ พวกเขามีเงิน เราไม่จำเป็นต้องกังวล... "
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เขาก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อนว่า "คุณไปได้! เราจะเอาผู้หญิงไปด้วย 2-3 วัน คุณค่อยมารับเธอแล้วกัน ส่วนเธอมานี้!"
คนที่มีปืนพูดขึ้นและชี้ไปที่สาวตัวสูง เสี่ยวหลี่ได้ยินคำพูดของชายคนนั้น และชี้นิ้วไปที่ตัวเองพร้อมกับหน้าซีด "อะ แต่ฉันให้เงินไปแล้วนะ ปล่อยเราไป…." เมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้ยินว่า พวกมันต้องการให้เขาทิ้ง เสี่ยวหลี่ ไว้ที่นี้ สีหน้าของเขาซีดอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าตาน่ารังเกียจ
"ฉันจะนับ 1 ถึง 5 ถ้าแกยังอยู่ที่นี้ แกจะไม่ได้ออกไปอีกเลย!" ชายที่ถือปืนคนเดิมบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในขณะที่ยกปืนขึ้นและเริ่มนับ
"ฉันไปแล้วๆ!" ชายหนุ่มคนนั้นสตาร์ทรถทันที พร้อมกับทิ้งกระเป๋าใบเล็กๆไว้ แลออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไปเร็วมากจนคนที่นับเลขอยู่ยังนับไม่ถึง 4 ด้วยซ้ำ โชคดีที่บริเวณนี้เปิดโล่ง มิฉะนั้นก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับชายหนุ่มที่จะหมุนรถได้เร็วเช่นนั้น
พวกโจรไม่พูดอะไรและเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้น หนีไปเร็วแค่ไหนพวกเขาก็หัวเราะ พวกเขามองไปที่ ผู้หญิงที่ชื่อว่าเสี่ยวหลี่ ที่ยังอยู่ที่นี่ ผิวของเธอขาวเนียน ริมฝีปากของเธอสั่นสะท้าน แต่เธอไม่ได้พูดอะไร และขยับถอยหลังไปที่รถของเย่โม่
"ตาของคุณแล้ว ถ้ารีบก็เอาเงินมา อย่าทำให้เราต้องเสียเวลา" ชายทั้ง 7 คนอยู่รอบตัวพวกเขา
"เสี่ยวหลี่? คุณคือนักข่าวเสี่ยว?!" ในตอนนั้นเอง โจ่วอิกัวก็ดูเหมือนจะรู้จักผู้หญิงคนนั้นและอุทานออกมา เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักผู้หญิงคนนี้
เสี่ยวหลี่หันมามองโจ่วอิกัว เธอรู้สึกคุ้นเคย แต่เธอไม่ว่าเขาเป็นใคร แต่ดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับสถานที่ที่เธอสามารถหลบซ่อนได้ และถอยหลังไปอย่างรวดเร็วที่หลังเย่โม่ เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอหยุดเต้น เธอหันไปมองพวกโจร ที่ตอนนี้กำลังจ้องมองเธอราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังหิวโหย
"คุณคือ…." เสี่ยวหลี่ มองอย่างกังวลที่โจ่วอิกัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โจ่วอิกัวก็ไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่โจรพวกนี้จะทำเลย
"ผม โจ่วอิกัว จาก บริษัทลานเย่-" ก่อนที่ โจ่วอิกัว จะพูดจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะโดย เสี่ยวหลี่ ด้วยความประหลาดใจว่า "คุณคือ CEO โจ่วจากลานเย่หรอ?! โจ่วหยางชิงคือลุงสามของฉัน ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่เลย….."
ถึงแม้ว่าโจ่วอิกัวจะเป็นคนคุ้นเคย แม้ว่าโจ่วอิกัวจะไม่ได้ทิ้งเธอไว้ข้างหลัง เขาก็ไม่สามารถที่จะปกป้องเธอจากพวกโจรได้ หัวใจของเธอพังทลายลงอีกครั้ง และเศร้ามากเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะไป
"ฉันไม่คิดเลยว่าพวกแกจะรู้จักกัน! รีบเอาเงินมาแล้วไสหัวไปซะ! ส่วนเธอจะมานี้ดีๆ หรือจะให้ฉันยิงพวกมัน! แล้วจะมาโทษฉันไม่ได้นะ เพราะฉันให้โอกาสเธอแล้ว นังแพศยา!!" สายตาของเขา จ้องมองมาที่เสี่ยวหลี่
ในสถานการณ์เช่นนี้ โจ่วอิกัวสามารถใจเย็นลงได้ เขารู้ว่าเสี่ยวหลี่เป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียงในกรุงปักกิ่งและเดินทางไปโดยเฉพาะที่ที่อันตรายเพื่อสัมภาษณ์ และโจ่วอิกัวก็ไม่อาจจะปล่อยให้เธอไปกับโจรพวกนี้ได้
"เย่โม่ คุณคิดว่าไง?" โจ่วอิกัวรู้ว่าเย่โม่สามารถต่อสู้ได้ แต่โจรทั้ง 7 คนนี้มีปืน ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่มีเพียงมีด
"พวกพวกนี้มันทำไม?" เย่โม่ถามอย่างชัดเจนราวกับว่าไม่เห็นปืนชี้ไปที่เขา
"พวกเขาทั้งหมดเป็นทหารรับจ้างและอันธพาลจากในประเทศและประเทศอื่นๆ คนเหล่านี้มักเดินไปตามชายแดนของจีน เวียดนามและประเทศอื่นๆ พวกเขาจะฆ่าคนตามที่พวกเขาต้องการ แต่ส่วนใหญ่จะปล้นเท่านั้น" โจ่วอิกัวรู้บางเรื่องมาบ้าง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ขอให้เย่โม่ช่วยแน่
"พวกเขามีกี่คน?" เย่โม่ ถามอีกคำถามหนึ่ง
"มีคนบอกว่ามี 13 คนและเรียกตัวเองว่า ระเบิด 13 แต่ผมได้ยินมาว่าพวกเขาได้ต่อสู้กับแก๊งอื่นและ 6 คนเสียชีวิต ตอนนี้เหลือแค่ 7 คนเท่านั้น โดยปกติพวกเขาต้องการเงิน แต่ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ พวกเขาจะฆ่าทันที พวกเพิ่งจะเจอกับผู้หญิง เพราะปกติไม่มีผู้หญิงคนไหนมาที่นี้…." คราวนี้มันเป็นคนขับรถที่ตอบ เขามาที่นี่ไม่กี่ครั้งและคุ้นเคยมากกว่าโจ่วอิกัว
เมื่อเสี่ยวหยูพูดถึงผู้หญิง เขาก็มองไปที่เสี่ยวหลี่อย่างไม่ตั้งใจและไม่พูดต่อ ทุกคนรู้ว่าเขาคิดอย่างไร "ทำไมผู้หญิงแบบคุณ ถึงมาที่นี้ละ?"
เย่โม่พยักหน้า และพูดว่า "บอสโจ่วที่นี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกคุณเข้าไปรอในรถเถอะ"
"เหี้ยเอ่ยเสียเวลาว่ะ หยางพีฆ่ามันก่อนเลย ส่วนที่เหลือ..." คนที่ไม่มีปืนอยู่ในมือ เมื่อเห็นว่าเย่โม่และพวกเขาคุณกันนานก็หมดความอดทน ‘ปัง!’ ก่อนที่เขาจะพูดจบ คนถือปืนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ ยิงปืนทันที
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดเช่นเดียวกับผู้ชายที่ไม่มีปืน แต่เป้าหมายของเขาคือเย่โม่
ในเวลาเดียวกันที่เขายิงปืน เย่โม่กระโดนและเตะเข้าไปที่ใบหน้าชายคนนี้ เขาไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาและล้มลงไปกับพื้น อีก 2 คนที่อยู่ข้างๆก็ล้มลงเช่นกัน และพวกเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเย่โม่เลย
เย่โม่เตะ 3 คนติดต่อกันและก่อนที่เขาจะขาถึงพื้น เขาเลียนแบบท่าของเหวินดงและเตะที่ด้ามปืนทั้ง 2 คนที่กระเดนออกไป และเดินไปที่โจ่วอิกัว จากนั้นมีอีกเสียงของชายอีก 2 คนที่อยู่ด้านหลังโจ่วอิกัว คนนึงพยายามที่จะเอาปืนกระแทกเย่โม่ แต่พลาด ชายอีกคนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขายกปืนขึ้นมาและยิงทันที
‘ปัง! ปัง!’ เสียงปืนยิงออกมา 2 นัด
มันมีเพียงแค่รอยทากๆเท่านั้น โจ่วอิกัวและคนที่เหลือมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความกลัว เย่โม่จับข้อมือของเขาและหักปืนชี้ขึ้นไปในอากาศ พร้อมกับเสียงของบางอย่างที่แตกร้าว
เย่โม่ไม่ต้องการที่จะฆ่าคน เพราะมีนักข่าวอยู่ด้วยเธออาจจะเอาเรื่องนี้ไปทำข่าวก็ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้ใช้เล็บโลหะ ไม่งั้นเขาคงแก้ปัญหาได้เร็วกว่านี้ไปแล้ว โจ่วอิกัวจ้องไปที่เย่โมอย่างตกใจ เขารู้ว่าเย่โม่แข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะหลบกระสุนนัดแรก ก่อนที่จะโจมตีและเผชิญหน้ากับปืน 6 ตัว ราวกับว่าเขาแค่กำลังเดินเล่นและเอาชนะพวกโจรได้ง่ายๆ ราวกับมันไม่ใช่การต่อสู้ มันเป็นการแสดง
คนขับรถเปิดปากกว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มที่น่ากลัวคนนี้ จะมากับบอสที่แข็งแกร่งของเขา
หลังจากที่เสี่ยวหลี่ช๊อกไปในตอนแรก เธอก็เฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความหลงใหล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับศิลปะการต่อสู้ที่เหมือนกับหนังแอคชั่น แต่ช่างน่าเสียดายที่เธอไม่ได้ถ่ายมันไว้ เธอลืมเรื่องนี้ไปนั้นเพราะเธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว…..แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและทำอะไรไม่ได้ แต่เธอรู้สึกขอบคุณเย่โม่ ถ้าเขาไม่ได้เข้ามาช่วยไว้ เธอคงต้องมีชีวิตอยู่แบบขมขืน และมันคงจะดีกว่าถ้าจะตาย
เมื่อคิดถึงหวังเชียนจุนที่หนีไปก่อนหน้านี้ เธอถอนหายใจกับตัวเอง เราสามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของบุคคลหนึ่งได้ในยามวิกฤต แม้แต่ โจ่วอิกัวก็ยังดีกว่าหวังเชียนจุน ที่มีดีแค่หล่อเท่านั้น
ตุบ!
เย่โม่เตะหนึ่งอันธพาลที่ท้อง เขาลอยออกไปหลายเมตรและหมดสติทันทีเมื่อถึงพื้น