หนิงฉิงซูนั้นได้ยินเย่โม่เรียกเธอว่าฉิงซูเฉยๆ ในขณะที่เธอกำลังกอดแขนเย่โม่อยู่ ซึ่งตอนนี้ก็เธอเริ่มสงสัยว่าถ้าหากเธอเป็นภรรยาของเย่โม่จริงๆ ตอนนี้เธอจะรู้สึกอย่างไง?
เธอนึกถึงวันนั้น วันที่เธอใส่ชุดนอนเพื่อให้ลีมู่เหม่ยถ่ายรูป ดูเหมือนว่าตอนนั้นเธอจะแสดงมากเกินไป เมื่อเธอคิดถึงวันนั้นหนิงฉิงซูก็รีบปล่อยมือจากแขนเย่โม่ทันที ในขณะที่หัวใจเธอเต้นระรัว ทุกๆ ครั้งที่เธอสัมผัสเย่โม่ เธอพบว่าตัวเธอไม่สามารถจะรักษาความเย็นชาที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้อีกแล้ว แต่ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้นคือเธอชอบความรู้สึกแบบนี้
ดูเหมือนว่าเย่โม่จะมีบางสิ่งบางอย่างที่เธอต้องการ มันเป็นความสงบอันคลุมเครือที่เธอโหยหา แต่ในเวลาเดียวกันมันก็อ่อนโยน ซึ่งมันดึงดูเธอราวกับผีเสื้อราตรีที่ไล่ล่าแสงไฟ เพราะฉะนั้นเธอก็ทำได้แค่คอยเตือนตัวเองว่าเย่โม่นั้นเป็นคนแบบไหนเท่านั้น
จั่วเหล่ยมองความสงบเสงี่ยมของเย่โม่กับหนิงฉิงซูที่ยืนพิงเขาอยู่ เธอก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ซึ่งมันทำให้เธอเริ่มสงสัยตัวเองมากขึ้น “นี่หนิงฉิงซูรักเย่โม่จริงๆ หรอ ที่พวกเขาแต่งงานกันก็เพราะว่าพวกเขารักกัน และมันไม่ใช่เพราะมีอย่างอื่นอีกงั้นหรอ?”
“ไปกันเถอะ” เย่โม่มองจั่วเหล่ยที่ยังจมอยู่ในความคิด แล้วเตือนสติให้เธอกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาไม่ประทับใจผู้หญิงคนนี้ คนที่ชอบบุกรุกความเป็นส่วนตัวของคนอื่นมากนัก
ทั้ง 3 คนก็มีความคิดที่ต่างกันไป ในขณะที่พวกเขาเดินออกจากสวน ในสถานที่ที่ไม่ห่างไกลจากที่พักเขามากนัก มีร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ที่ถูกเรียกว่า Glamorous Cuisine ซึ่งเป็นร้านอาหารหรูติดดาว หนิงฉิงซูไม่อยากออกไปไกลเท่าไหร่ เพราะงั้นเธอถึงได้เลือกที่นี่ และพูดกับเย่โม่ว่า “เย่โม่ Glamorous Cuisine ค่อนข้างดีเลยระ เราไปที่นั้นกันเถอะ”
"ไม่ๆ ร้านอาหารที่นั่นโคตรแพ….” ก่อนที่เย่โม่จะพูดจบ หนิงฉิงซูก็โต้กลับไปว่า
“เย่โม่ ทำไมนายต้องใช้เงินมากขนาดนั้นด้วย? ร้านนี้เราใช้เงินอย่างมากก็แค่ 1,000 เหรียญแหละน่า นายนี่มัน....” หนิงฉิงซูไม่ใช่พวกชอบโชว์ แต่เย่โม่ยังมีเงินเก็บตั้ง 500,000 เหรียญอยู่ แต่มาขี้เหนียวกับเพื่อนสมัยเรียนของเธอซะงั้น แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเพื่อนสมัยเรียนคนนี้เหมือนกัน แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและเธอก็ยังเป็นสมาชิกในตระกูลหนิงอยู่ ซึ่งเย่โม่ก็ทำให้เธออับอายมาก
จั่วเหล่ยมองไปที่เย่โม่อย่างตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนที่ขี้เหนียวมากๆ กับอาหารแค่มื้อเดียว และนี่ยังอยู่ต่อหน้าต่อตาภรรยาของตัวเองและเพื่อนสมัยเรียนของภรรยาอีกด้วย อย่างไรก็ตามหนิงฉิงซูก็ยังชื่นชมเขาที่ไม่สร้างภาพ
พอเห็นว่าหนิงฉิงซูอยากจะพูดอะไรสักอย่าง เย่โม่ก็รู้สึกโกรธมาก แต่เขาไม่ได้เป็นคนใจแคบ เขารู้ว่าถ้าเขาโกรธออกมาตอนนี้ มันจะดูออกเลยว่าระหว่างเขาและหนิงฉิงซูไม่เป็นอะไรกัน ซึ่งเขาจะไปจากหนิงไห่เร็วๆนี้ เพราะงั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีปัญหากับผู้หญิงอย่างเธอ
พอคิดถึงเรื่องนี้เขาก็รีบพูดออกไปว่า “ได้ๆ เอาตามที่เธอบอกแล้วกัน วันนี้เราก็ไปกินที่นี่กันเถอะ” แม้ว่าเขาจะพูดไปแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก เขามีเงินในกระเป๋าอยู่แค่ 3,000 เหรียญ และนี่ก็เป็นเงินที่เขาได้มาจากการบริจาคเลือด แม้ว่าเลือดของเขาจะเสียไปโดยไม่บริจาคก็ได้ เขาก็ไม่อยากใช้เงินที่ได้จากการบริจาคเลือดอยู่ดี
เย่โม่ได้ตัดสินใจว่า หลังจากนี้เขาจะต้องจากเมืองหนิงไห่ทันที สำหรับหนิงฉิงซู เขาช่วยออกหน้าให้เธอมามากพอแล้ว เขาต้องการจะตามหาสถานที่ปลูกหญ้าหัวใจสีเงิน เขาเข้าใจดีว่าในสังคมแบบนี้หากว่าเขาไม่มีพลังมากพอ คนที่ไม่มีใครหนุนหลังแบบเขาก็เป็นได้แค่หมูขึ้นเขียงรอเชือดเท่านั้น
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นอะไรที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจั่วเหล่ยจะไม่ได้ในสิ่งที่เธอหวังไว้ เธอก็บอกได้ว่าการใช้เงินของหนิงฉิงซูกับเย่โม่นั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่การที่เย่โม่เป็นคนขี้เหนียวกับเงินมากๆ เธอก็มั่นใจได้เลยว่าเย่โม่ใช้ชีวิตอยู่กับหนิงฉิงซูจริงๆ จากการที่เย่โม่ใช้เงินสดจ่ายค่าอาหารแทนบัตรเครดิต เธอก็บอกได้เลยว่าเย่โม่ไม่ได้มีชีวิตร่ำรวย
เย่โม่นั้นเป็นคนไม่มีความสุขมากที่สุด มือนี้เขาต้องจ่ายไปตั้ง 3,000 เหรียญ เขาก็เลยต้องหยิบเงินออกมาตังหลายใบ ถ้าหนิงฉิงซูไม่ได้สั่งไวน์ ราคา 2,000 เหรียญมา มื้อนี้ก็คงไม่แพงขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะกินไวน์แดงไปเยอะมาก เขาก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี
เขารู้ว่านี่คือความตั้งใจของหนิงฉิงซู เธอให้บัตรเครดิตที่มีบัญชีที่ใช้การไม่ได้กับเขา เธอก็ยังจะทำตัวอวดดีอีก เย่โม่อยากจะปาบัตรเครดิตใส่เธอแล้วบอกให้เธอไปกดเงินเอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนจะพูดว่า คนน่ารังเกียจมักจะน่าสงสาร หรือว่าหนิงฉิงซูจะเป็นคนแบบนั้น?
หลังจากทานข้าวกันเสร็จ จั่วเหล่ยไม่ได้อยู่ต่อแต่เลือกจะจากไปแทน
บางทีก็เพราะเธอเห็นเย่โม่ใช้แบงค์ 5 และ 10 เหรียญออกมาจ่ายเงิน แต่เธอก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่บอกเธอว่า เขาไม่มีเงินหรืออะไรทำนองนี้
เมื่อหนิงฉิงซูและเย่โม่กลับมา พวกเขาก็ไม่ได้ทำตัวใกล้ชิดกันเหมือนเมื่อกี้ หนิงฉิงซูไม่อยากจะคุยกับเย่โม่ เธอรู้สึกว่าเย่โม่ทำให้เธอขายหน้า แม้ว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แต่เย่โม่ก็ยังจะจ่ายเงินสดแทนที่จะใช้บัตรเครดิต แม้ว่าเธอตั้งใจจะสั่งไวน์แดงมา แต่สุดท้ายเขาก็กินคนเดียวแทบหมดซะงั้น เย่โม่เองก็ไม่อยากจะพูดอะไรเหมือนกัน เขาจ่ายเงินค่าอาหารเย็นมื้อนี้ไป 3,000 เหรียญ ตอนนี้เขาเหลืองเงินในกระเป๋าอยู่เพียง 20 เหรียญเท่านั้น
ถ้าวันต่อไปเย่โม่ไม่ได้ไปหางานทำล่ะก็ เขาจะไม่มีเงินซื้ออะไรกินทั้งนั้น บางทีเขาอาจจะต้องขายเลือดเพื่อค่าอาหารจริงๆ ก็ได้ แต่สำหรับเขาในระยะยาวมันก็เป็นไปไม่ได้ สถานการณ์ของเขาตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แม้ว่าราคาที่เขาต้องจ่ายกับการขายเลือดก็เหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป แต่เย่โม่ก็เชื่อว่าเลือดของเขามีคุณภาพดีกว่าของคนอื่น เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะหลงมัวเมากับเงินที่ได้จากากรการบริจาคเลือดแล้ว
ฝีมือการทำอาหารของเย่โม่นั้นดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าหนิงฉิงซูจะไม่จุกจิกกับเรื่องอาหาร เธอก็ยังดูถูกคนขี้เหนียวอย่างเย่โม่อยู่ดี คืนนั้นเอง เย่โม่ก็ถือกล่องอุปกรณ์แพทย์ออกไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องออกไปตลาดตอนกลางคืน ในช่วงที่หนิงฉิงซูยังอยู่ที่นี่ ตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากที่เขารักษาชายชราที่ติดพิษปะการังสีม่วงแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรไปมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาต้องเดินกลับไปบนเส้นทางแบบนั้นอีกแล้วจนได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เย่โม่ผิดหวังก็คือเรื้องนั้น แม้ว่าในตลอด 2 วันที่เขาจะมาตั้งแผงลอยขายของข้างถนนที่เต็มไปด้วยคนพลุกพล่าน เขาก็คงไม่มีทางขายให้ใครได้หรอก ซึ่งเขาก็คงจะถูกเจ้าหน้าที่ประจำเมืองไล่ที่อีกตามเคย เย่โม่นั้นแทบจะไม่ได้ไปที่มหาลัยหนิงไห่อีกเลย อย่างแรก เขาไม่อยากเห็นยัยปิงเลือดเย็นอีก อย่างที่สองที่นั่นไม่มีอะไรที่เขาสามารถจะเรียนรู้ได้อีกแล้ว เดิมทีเขาวางแผนจะเอาเม็ดยาที่เขาสร้างขึ้นเองไปให้กับซือชุย แต่ว่าเขาก็ใช้เวลาไปถึง 1 สัปดาห์กับปัญหาครอบครัวปลอมๆ
แม้ว่าหนิงฉิงซูจะไม่อยากจะคุยกับเย่โม่ แต่เธอก็อยากจะดูว่าเย่โม่ทำอะไรอยู่ พ่อของเธอได้โทรมาหาเธอบอกเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขา แม้ว่าเขาหนิงจงเฟย จะเป็นคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล เขาก็ไม่มีทางขายลูกตัวเอง โดยเฉพาะไอ้สัตว์เดรัจฉานจากตระกูลซง
คำพูดของพ่อเธอ ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ครอบครัวของเธอได้ไปเคลียร์ปัญหากับตระกูลหนิงที่ปักกิ่ง แล้ว 2 วันให้หลังพวกเขาจะมาพาเธอออกไปจากหนิงไห่ หนิงฉิงซูเห็นหม้อยาที่เย่โม่ต้มสมุนไพรทิ้งไว้ตรงทางเดิน และแล้วความรู้สึกที่เธอเคยดูถูกเหยียดหยามเย่โม่ไว้ก็เริ่มจางหายไป เธอและเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน? ไม่นิมันก็แค่ข้อตกลง เธอจ่ายเงินให้เขาตั้ง 500,000 เหรียญ และตอนนี้เงินก็เป็นของเขาไปแล้ว ถ้าเขาไม่อยากจะใช้เงิน มันก็เรื่องของเขา ทำไมเธอต้องมาผิดหวังอะไรกับคนแบบนี้ด้วย?
หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าหนิงฉิงซูจะรู้สึกดีขึ้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนขี้เหนียว เขาก็ยังซื้อพืชผักมาทำอาหารให้กินทุกวัน และแล้วเย่โม่ก็ได้ถือกล่องเล็กๆ ของเขาออกไป ซึ่งตอนนี้ชูเหว่ยก็ยังไม่ได้กลับมา เธอไม่ได้อยากจะรู้จักเลยชูเหว่ยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเย่โม่และชูเหว่ยอาศัยอยู่ด้วยกัน หนิงฉิงซูนั้นพยายามจะหลบหน้าชูเหว่ย เธอก็ไม่รู้ทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนี้ บางที่มันอาจจะเป็นเพราะอยากจะหลีกหนีความรู้สึกอึดอัดนี้ก็ได้
ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือเรื่องโกหกก็ตาม เธอกับเย่โม่ก็ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ดี ซึ่งสามีของเธอไปนอนกับผู้หญิงห้องข้างๆ แม้ว่าพวกเธอทั้งสองจะเป็นแค่คู่รักปลอมๆ เธอก็ไม่อยากจะพบหน้าผู้หญิงคนนั้น
เมื่อคิดถึงตอนที่เธอจะไปจากที่นี่ในวันมะรืน ซึ่งบางทีเธออาจะไม่ได้กลับมาอีกเลยตลอดชีวิต ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอกลับรู้สึกเสียใจมากขึ้น เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะเย่โม่แต่มันเป็นเพราะอย่างอื่นต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฉิงซูได้เดินออกมาจากห้อง บางทีเธออาจจะอยากดูสถานที่ที่เธอได้อยู่อาศัยเกือบเดือนมาว่ามันเป็นยังไง
ถนนหมิงดู่ เป็นสถานที่ในเมืองหนิงไห่ที่คนนิยมมากันมากที่สุดในตอนกลางคืน หนิงฉิงซูก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเธอเองถึงได้เดินมาถึงที่นี่ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนเดินไปมา ทั้งไฟเขียวและไฟแดง ที่นี่มีขนมทุกประเภท ของที่ระลึกอันเล็กขายอยู่ทุกที่ และก็มียังมีร้านค้าขนาดเล็กและแผงลอยต่างๆ
แผงลอยแห่งหนึ่งมีเค้กสีทองที่ดูน่าหลงใหลที่มีไอน้ำลอยอยู่รอบๆ หนิงฉิงซูเป็นคนทีไม่เคยกินขนมตามร้านแผงลอยมาก่อน ก็ไม่สามารถจะต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจนี้ได้ เธอก็เลยซื้อเค้กด้วยเงิน 2,000 เหรียญไปทันที เธอกัดมันเบาๆ ซึ่งมันทั้งเหนียวทั้งนุ่ม
“เร่เข้ามาๆ นี่คือสูตรลับที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของผมเอง! มันสามารถรักษาได้ทุกโรค ไม่ว่าจะปวดหัว เป็นไข้ บาดเจ็บภายนอกและภายใจ สายตาสั้น....คุณคงคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่มันไม่มีทางรักษาให้หายไงล่ะ” การโฆษณาอันนี้มันทำให้หนิงฉิงซูถึงกลับหัวเราะเลยทีเดียว จากเสียงของคนๆ นี้เขาจะไปรักษาอะไรได้กัน จู่ๆหนิงฉิงซูก็ได้มองไปที่คนขายยาปลอมๆ โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมันทำให้เธอถึงกับงงไปเลย นั้นมันเย่โม่ไม่ใช่หรือไง? ถึงแม้ว่าเขาจะสวมแว่น ใส่หมวก แค่มองแวบเดียวหนิงฉิงซูก็รู้ว่าเป็นเขา เพราะข้างๆ เขามีของประจำตัวของเขาอยู่ หนิงฉิงซูไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นกล่องเครื่องมือแพทย์นั่นเอง