“อะไรนะ? ฉิงซูอยากจะแต่งงานกับเย่โม่หรอ ? เป็นไปได้ไง?” ฉูจิงเหวินยังคงรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของลีมู่เหม่ย เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนิงฉิงซูจะมีความคิดบ้าๆ แบบนี้ ปฏิกิริยาแรกของเธอก็คือการคัดค้านการตัดสินใจแบบนี้ ลีมู่เหม่ยมองไปที่ฉูจิงเหวินที่กำลังตกตะลึงต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
ดูเหมือนฉูจิงเหวินจะตระหนักได้ว่าเธอทำกิริยาไม่เหมาะสม เธอก็ได้แต่เยาะเย้ยตัวเอง “ฉันคงพูดได้เพียงแค่ว่าฉิงซูเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริงๆ เธอทำ...ไม่สิ ทำไมเธอถึงตัดสินใจแต่งงานกับเย่โม่ละ? แม้เธอจะหนีการบังคับแต่งของตระกูล แต่เธอก็ไม่ควรทำตัวแบบนั้น”
ลีมู่เหม่ยถอนหายใจ และตอบไปว่า “มันก็เพราะว่าเย่โม่เป็นคนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งเธอก็เลยตัดสินใจทำแบบนี้ พี่ฉิงซูนี่โชคร้ายจริงๆ ยังไงซะวันนี้ฉันได้เห็นเย่โม่แล้ว เขาไม่เหมือนกับเย่โม่ในความทรงจำของฉันเลยสักนิด ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เฮ้อ ถ้าหากเขาไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ และไม่ได้มีปัญหาเรื่องร่างกายล่ะก็ ทุกอย่างมันคงสมบูรณ์แบบไปแล้ว”
ฉูจิงเหวินก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอแค่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเย่โม่กับฉิงซู แต่กระนั้นเธอไม่สามรถหาเหตุผลมาค้านได้ ‘เพราะวันนี้เขาเต้นรำกับฉันหรอ? หรือเพราะเขาดูเหมือนคนที่ขายยันต์ให้ฉัน?’
“นี่เป็นอะไรหรือเปล่า ? จิงเหวิน?” ลีมู่เหม่ยเห็นฉูจิงเหวินเงียบไป จึงรีบถามออกมา
“หือ...อ่อไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่สงสัยว่าฉันจะช่วยอะไรได้บ้างนะ?” ลีมู่เหม่ยดึงฉูจิงเหวินกลับสู่ความจริง ลีมู่เหม่ยไม่รู้ว่าทำไมพักนี้ฉูจิงเหวินถึงใจลอยบ่อยๆ เพราะงั้น เธอก็พูดได้แค่ “งั้นฉันจะส่งภาพของหนิงฉิงซูกับเย่โม่ตอนที่นอนด้วยกันให้เธอล่ะกัน เธอแค่ต้องหาพวกสื่อในวงการบันเทิง เพื่อปล่อยภาพพวกนี้ออกไป และก็หาพวกนักข่าวมาสัมภาษณ์การแต่งงานของพวกเขา”
ฉูจิงเหวินมองลีมู่เหม่ยด้วยตาที่เบิกกว้างสักพักและพูดว่า “เธอคิดเรื่องชั่วๆ แบบนี้ได้ไงเนี้ย? เธอกำลังจะทำลายชื่อเสียงของฉิงซูนะ!” ลีมู่เหม่ยถอนหายใจครั้งนึงก่อนจะตอบไปว่า “แม้ว่าชื่อเสียงเธอจะพังพินาศ มันก็ดีกว่าตกไปอยู่ในมือของไอ้ซงซาวเหวิ่น ตระกูลฉูของเธอก็อยู่ในปักกิ่ง ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้นะว่าหมาป่าที่หิวโหยอย่างซงซาวเหวิ่นเป็นยังไง ถ้าพี่ฉิงซูมีทางเลือก เธอคิดว่าพี่ฉิงซูอยากทำแบบนี้หรอ?”
ฉูจิงเหวินรู้อยู่แล้ว ว่าซงซาวเหวิ่นเป็นคนยังไง จะบอกว่าเขาเป็นคนเลวก็น้อยไป เขามันคือปิศาจที่กินมนุษย์ แม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือ มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนตกเป็นเหยื่อของเขา เธอเข้าใจว่าทำไมหนิงฉิงซูถึงต้องตัดสินใจแบบนี้ หลักจากครุ่นคิดสักพัก ฉูจิงเหวินก็ตอบว่า “ยังไงก็ตาม ทางเลือกนี้มันจะไม่ทำให้เย่โม่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายหรอ? เขายังไร้เดียงสาอยู่เลยนะ”
“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขายังไร้เดียงสา ฉันคิดว่าจะให้เงินเขาสักหน่อย เขาก็คงจะทำด้วยความยินดี แต่ฉันแทบจะไม่รู้จักเย่โม่ในตอนนี้เลย เมื่อเทียบกับเย่โม่ในอดีต หลังจากได้ประสบกับความยากลำบาก บุคลิกของคนเราจะเปลี่ยนได้มากขนาดนี้เลยหรอ? ในสถานการณ์ตอนนี้ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย ซึ่งเราก็ทำได้เพียงรอดู เผื่อว่าเย่โม่อยากจะช่วยหนิงฉิงซู และถ้าหากไม่ล่ะก็ เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว” ลีมู่เหม่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้
ฉูจิงเหวินเปิดปากขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาในที่สุด ในขณะนั้นทั้งสองก็เงียบลงไป
......
“มันมีอะไรสำคัญมากขนาดที่เราต้องไปคุยกันที่บ้านผมเลยหรอ? คุณพูดที่นี่ไม่ได้รึไง?” เย่โม่มองไปที่เธอด้วยความตกใจ หนิงฉิงซูก็ก้มหน้าลง เธอไม่สามารถอธิบายแผนการให้เย่โม่ฟังได้ ถ้าหากเย่โม่ไม่เห็นด้วยกับแผนของลีมู่เหม่ยละก็ แล้วแผนออกจากประเทศจะได้ผลหรอ? หลังจากครุ่นคิดสักพัก เธอก็กัดฟันพูดว่า “คืนนี้ฉันอยากไปบ้านนาย เพราะมันมีอะไรที่ฉันต้องคุยกันแบบส่วนตัว"
เมื่อเห็นว่าเธอขมวดคิ้ว และพูดประโยคนี้ขึ้นมา เย่โม่ก็ถอนหายใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าหนิงฉิงซูตั้งใจจะทำอะไร แต่ดูเหมือนเขาจะพบว่าอาจารย์ของเขาจะขมวดคิ้วแบบนี้ ฉะนั้นเขาเลยพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ได้ คุณมากับผมก็ได้ เราจะออกจากงานตอนนี้ แต่ช่วยรอผมสักแปบนะ ผมต้องไปบอกลาฉูจิงเหวิน”
“นายตกลงแล้วใช่มั้ย?” หนิงฉิงซูลุกขึ้นด้วยความร่าเริง พร้อมกับประหลาดใจ ครั้งแรกที่เธอพบกับเย่โม่ เธอก็เตรียมตัวถูกปฏิเสธตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาไม่เหมือนกับที่ลีมู่เหม่ยได้บอกมาแล้ว แต่เธอไม่คิดว่าเย่โม่จะตกลงง่ายขนาดนี้
“จิงเหวิน ฉันจะไปล่ะ ฉิงซูมีเรื่องจะคุยกับฉัน เพราะงั้นเราเลยต้องไปด้วยกันน่ะ” เมื่อเย่โม่ยืนขึ้น เขาก็เห็นฉูจิงเหวินกับผู้หญิงคนอื่นกำลังเดินตรงมา ดูเหมือนว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แต่ก็ไม่ได้คุ้นเลยสักนิด ลีมู่เหม่ยเห็นว่าเย่โม่ไม่ได้สนใจเธอราวกับเขาไม่รู้จักเธอ เธอก็คิดกับตัวเองว่าเขานี่เปลี่ยนไปมากจริงๆ
“ห๊ะ? เย่โม่ นาย...ตกลงแล้วงั้นหรอ?” ฉูจิงเหวินมองหนิงฉิงซูกับเย่โม่ด้วยสายแปลกๆ หลังจากเธอพูดไป เธอก็ตระหนักได้ว่าทำไมเธอถึงถามไปแบบนั้น ขณะนั้นเย่โม่มองไปที่การแสดงออกของผู้หญิงทั้ง 3 และเข้าใจว่ามีสิ่งที่เขาไม่รู้ เขาก็ยังยิ้มบางๆ แม้ว่าจะมีสิ่งที่เขาไม่รู้ เขา คือเย่โม่ ผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
.......
ในขณะที่หนิงฉิงซูหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นแท็กซี่ไปกับเย่โม่ จู่ๆ เธอก็พบกับความรู้สึกแปลกๆ จากนั้นซักพักเธอก็เดินไปบนถนนพร้อมกับเย่โม่ ดูเหมือนว่าความกังวลและความกดดันได้ผ่านพ้นไปจากใจเธอแล้ว เธอเลยรู้สึกโล่งใจขึ้น
“นายอาศัยอยู่ในที่แบบนี้งั้นหรอ?” หนิงฉิงซูพูดหยอกล้อทันที หลังจากเห็นเย่โม่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีวสน ที่นี่เงียบมากและสภาพแวดล้อมยังดูดีอีกต่างหาก เขานั้นรู้วิธีหาที่อยู่อาศัยและนั่นทำให้เขาพบกับสถานที่อยู่อาศัยดีๆ แบบนี้
เย่โม่ยิ้มและพูดว่า “อืม ใช่แล้ว เมื่อเทียบกับที่คุณเคยอาศัยอยู่ มันค่อนข้าง.....โทรม”
หนิงฉิงซูส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ฉันชอบที่แบบนี้”
“เย่โม่ ในที่สุดนายก็กลับมาแล้วสิเนี้ย? ให้ฉันบอกนายหน่อยเถอะ ครั้งล่าสุดที่นายไป...หืม เธอเป็นใครนะ?” ตอนที่ชูเหว่ยเหลือบมองไปที่หนิงฉิงซูครั้งแรก เธอก็ตะลึงกับความงามของหนิงฉิงซู เธอมักจะคิดว่าเธอดูดี แต่พอเอาเธอมาเทียบกับหนิงฉิงซูแล้ว เธอดูราวกับลูกเป็ดขี้เหร่ไปเลย
เจ้าไก่นี้สามารถคว้าผู้หญิงที่สวยขนาดนี้กลับบ้านได้ด้วยหรอ? เธอไม่สามารถตัดสินคนจากภายนอกได้จริงๆ แต่ดูเหมือนว่าเย่โม่ก็ไม่ได้น่าเกียจเท่าไหร่ หนิงฉิงซูมองมาที่ชูเหว่ย ขณะที่เธอสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้คนรอบข้างรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น และเธอก็คิดว่า “รสนิยมเย่โม่ไม่เลวเหมือนกัน ไม่แปลกใจทำไมเขาถึงได้ลังเลที่จะพาฉันมาบ้าน ก็เพราะว่าเขามีผู้หญิงอาศัยอยู่ด้วยนี่เอง”
หนิงฉิงซูเริ่มสงสัยว่าเย่โม่อาจจะเป็นเพลย์บอยโดยกำเนิด แต่แล้วจู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่าความคิดของเธอมันค่อนข้างน่ารังเกียจ จริงๆแล้วเธอไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้หรอก เธอก็ ‘เพียงแค่’ มาเพื่อแต่งงานกับเย่โม่ “เดี๋ยวสิ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คัดค้านงั้นหรอ?” จู่ๆหนิงฉิงซูก็รู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อหญิงสาวทั้ง 2 คิดว่าเย่โม่จะแนะนำให้รู้จักกัน บรรยากาศอึดอัดก็เกิดขึ้น จากนั้นเย่โม่ก็เดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรก หนิงฉิงซูมองไปชูเหว่ยแต่ก็ทำได้เพียงเดินตามเย่โม่เข้าไปข้างในเท่านั้น
“วันนี้คุณไปนอนในห้องผมแล้วกัน ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดซะตอนนี้เลย” เย่โม่พูดขึ้น ในขณะที่เขาพาหนิงฉิงซูเข้าห้อง
“เอ่อ แล้วนายจะไปนอนที่ใหนล่ะ?” หนิงฉิงซูนั้นวางแผนที่จะมานอนในห้องเดียวกับเย่โม่และบนเตียงเดียวกัน เธอแค่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเธอนอนห้องเดียวกับเย่โม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอถามขึ้น เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่พูดออกไปมันไม่เหมาะสม มันไม่ใช่เพราะเธออาย แต่มันเพราะว่าเธอได้เตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้เขินอายในเรื่องแบบนั้น อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงผู้หญิงที่เจอหน้าประตูขึ้นมา เธอไม่คิดว่าเย่โม่จะมีแฟนและอาศัยอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ในสายตาเธอ ถ้าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้น พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาอยู่ด้วยกัน ในใจของหนิงฉิงซูไม่เคยคิดถึงการเช่าบ้านในที่เดียวกัน
“ไม่จำเป็น ฉันมีที่นอนอยู่แล้ว” เย่โม่ก็พูดขึ้นอย่างเรียบๆ
“ขอโทษนะ เย่โม่ เพราะฉันสินะเลยทำให้แฟนของนายเข้าใจผิด?”หนิงฉิงซูถามอย่างไม่สบายใจ คำพูดของที่เธอพูดออกมานั้นเป็นการลองเชิงดูว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของเย่โม่หรือไม่
เย่โม่โบกมืออย่างช้าๆ และไม่ได้อธิบายให้หนิงฉิงซูฟัง เพราะเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำ และเขาพูดขึ้นแทนว่า “เธอมีอะไรจะบอกฉันสินะ ตอนนี้เราอยู่ที่นี่แล้ว เธอพูดออกมาได้แล้วละ”