px

เรื่อง : บุรุษที่ถูกทิ้ง
บทที่ 24 ของขวัญเก่าๆ


“โจ่วฮง โทษทีนะ ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ไปนั่งที่อื่นเถอะ” หนิงฉิงซูรู้สึกหงุดหงิดทันที เนื่องจากในที่สุดเธอก็ได้ใช้ความกล้าในสิ่งที่เธอต้องทำ แต่ก็ดันถูกขัดจังหวะ โจ่วฮงมองไปที่เย่โม่ด้วยความประหลาดใจและสงสัยว่าทำไมคนจนๆ พรรค์นี้ถึงได้มาขวางเขาด้วย บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับหนิงฉิงซูก็ได้

“หวัดดี ฉันโจ่วฮง ฉันพึ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และตอนนี้ฉันอยู่ที่องค์การบริหารส่วนมณฑลหนิงไห่ ถ้าหากนายมีปัญหาอะไรในหนิงไห่ ให้มาหาฉันนะ ฉันสามรถช่วยจัดการปัญหาเล็กๆน้อยๆ ของนายให้ได้” โจ่วฮงยังไม่ได้ออกไปเพราะคำพูดหนิงฉิงซู และยังยื่นมือที่เต็มด้วยของหรูหราออกมา สำหรับเขาการจับมือทักทายกับเย่โม่นั้นก็เพราะหนิงฉิงซู  แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมหนิงฉิงซูถึงคุยกับคนแบบนี้ แต่เขาก็แค่อยากให้หนิงฉิงซูประทับใจในตัวเขาเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้โจ่วฮงประหลาดใจนั่นก็คือเย่โม่ยื่นมือไปหยิบผลไม้จากถาดและไม่ได้มองมือของโจ่วฮงสักนิด ใบหน้าของโจ่วฮงแดงขึ้นและเก็บมือไปอย่างเก้ๆ กังๆ โจ่วฮง เขาเหลือบมองเย่โม่แล้วรู้สึกเสียใจที่ยื่นมืออกไป ในขณะที่หวังฉวู่เดินเข้ามา

“นี่น้องชาย นายนี่เก่งจริงๆ หลอกฉันแล้วยังหนีออกมาได้! เป็นเทคนิคที่เยี่ยมไปเลย! นี่เบอร์ฉัน ไว้เราคุยกันนะ” ทันทีที่หวังฉวู่มา เขาก็ตบไปที่ไหล่เย่โม่ของอย่างตื่นเต้น แล้วเขาก็ให้นามบัตรที่มีแค่เบอร์โทรกับเย่โม่  เย่โม่นั้นมีความประทับใจที่ดีต่อหวังฉวู่ เขารู้สึกว่าหมอนี้เป็นคนดีและสามารถเป็นเพื่อนกันได้ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินที่หวังฉวู่พูด เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน ด้วยความยินดี”

หนิงฉิงซูมองเย่โม่ที่มีทัศนคติที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิงและแสดงท่าทางครุ่นคิด “พี่ฉวู่ พี่มาอยู่นี่เอง! ฮิฮิ” โจ่วฮงมองหวังฉวู่อย่างงุ้มง่าม

“ไอ้ฝรั่งปลอม ทำไมแกถึงกลับมาละเนี้ย? แกควรจะอยู่ที่อังกฤษไม่ใช่หรอ?” หวังฉวู่พูดตรงมาก จนโจ่วฮงพูดอย่างเงอะงะว่า “พอดีผมเรียนจบแล้ว และตอนนี้ผมทำงานที่องค์การบริหารส่วนมณฑลของเมืองหนิงไห่ ผมไม่คิดว่าพี่ฉวู่จะมีเวลามาด้วย”

“พอดีหนิงไห่อยู่ระหว่างทางที่ฉันจะไปนะ” หลังจากที่หวังฉวู่ตอบโจ่วฮง เขาก็หันหน้ามาหาเย่โม่และพูดว่า “น้องเย่ หลังจากนี้อย่าลืมโทรหาฉันนะ อ่อใช่ขอเบอร์นายไว้ด้วยสิ!”

“เขาไม่มีโทรศัพท์” ฉูจิงเหวินส่งเสียงมา เย่โม่หัวเราะในใจอย่างข่มขื่น ไม่ว่าเขาจะไปนั่งที่ไหน ก็จะต้องมีคนมากมายมาล้อมเขาทุกที เขานั้นไม่ชอบสภาพแวดล้อมครึกครื้นแบบนี้เลย เขาจึงกะจะรีบให้ของขวัญกับฉูจิงเหวินแล้วออกไป “จิงเหวิน สุขสันต์วันเกิด ฉันซื้อสร้อยเพชรจากอังกฤษมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ ฉันหวังว่าเธอจะชอบมันนะ” โจ่วฮงเห็นว่าเขาเริ่มจะถูกลืม เลยรีบเอาของขวัญออกมาให้

“ขอบคุณนะ โจ่วฮง” หลังจากพูดสักนิดหน่อย ฉูจิงเหวินก็หยิบสร้อยนั้นไปให้กับหญิงรับใช้ด้านหลัง เนื่องจากโจ่วฮงเห็นว่าฉูจิงเหวินไม่คิดที่จะรับของขวัญจากเขาอีก ทำให้เกิดประกายความผิดหวังในสายตาของเขา  

“พี่จิงเหวิน ฉันก็ซื้อมาให้พี่เหมือนกันนะ!” ฉูเหม่ยตระหนักถึงสถานการณ์ ณ ตอนนี้เลยหยิบชุดเครื่องสำอางออกมาให้ทันที ในขณะนั้นเองผู้ร่วมงานทุกคนก็เริ่มทยอยหยิบของขวัญของตัวเองออกมาให้ แต่ก็มีหลายคนที่ให้ของขวัญที่หน้าประตูไปก่อนแล้ว ซึ่งคนพวกนั้นที่เข้ามามอบของขวัญให้เธอ ทุกคนก็คือเพื่อนที่แสนดีของฉูจิงเหวิน

แม้แต่หนิงฉิงซูยังให้เข็มกลัดติดเสื้ออันแสนงดงาม เย่โม่ก็ตระหนักว่า ถึงแม้ของขวัญของเขาจะล้ำค่า พอเอามันไปเทียบกับของคนอื่นก็พอจะยอมรับได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นฉูจิงเหวินก็มองเย่โม่อย่างคาดหวัง เย่โม่ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วก็หยิบสร้อยข้อมือที่เขาสร้างด้วยตัวเองจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้จิงเหวินและพูดว่า “ฉันเป็นคนสร้างมันเอง ขอโทษทีนะ ฉันรู้ว่ามันโทรมนิดหน่อย แต่ว่าฉันไม่มีเงินซื้อของที่แพงกว่านี่”

มันเป็นสร้อยข้อมือที่สร้างด้วยลูกปัดหยก 6 ชิ้นติดอยู่อย่างหลวมๆ ดูออกเลยว่าเป็นหยกคุณภาพแย่และยังดูห่วยมากๆ ทุกคนรอบๆ มองไปที่ของขวัญของเย่โม่อย่างตกใจและคิดว่า ‘ถึงแม้แกจะไม่มีเงิน แค่หยิบเครื่องประดับมามั่วๆ ก็ยังดูดีกว่าสร้อยข้อมือแปลกๆ ที่แกสร้างซะอีก ลูกปัดนี่มันน่าเกียจเป็นบ้า บางทีอาจจะทำมาจากหยกปลอมด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะก็ สร้อยข้อมืออันนี้ก็มีราคาไม่กี่เหรียญเอง มันอาจจะถูกกว่าแบบสำเร็จรูปอีก’

“ฮิๆ....” ในที่สุดคนในฝูงชนก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ ผู้ชายคนนี้ช่างมีเอกลักษณ์จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ใส่เสื้อผ้าที่ยาจก แม้แต่ของขวัญที่ให้ก็ยังแย่อีกต่างหาก

“ของขวัญชิ้นนี้นี่มันมีเอกลักษณ์จริงๆ อาจจะมีเพียงแค่ชิ้นเดียวในโลกก็ได้นะ หึๆ...” โจ่วฮงเห็นเย่โม่ยื่นของขวัญชิ้นนี้ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสเยาะเย้ยเย่โม่ ฉูจิงเหวินกรอกตาใส่โจ่วฮงแต่เธอก็รับสร้อยข้อมือของเย่โม่ด้วยความดีใจ ในขณะที่เธอสวมมันอย่างมีความสุข “อืม...ขอบใจมากนะ! ขอบคุณที่นายทำของขวัญมาให้ฉัน!  ฉันชอบสร้อยข้อมือเส้นนี้มากเลย มันมีชื่อหรือเปล่าล่ะ?”  

เย่โม่ยิ้มและตอบว่า “ฉันตั้งชื่อมันว่า หนึ่งเดียวทั้งหก”

“หนึ่งเดียวทั้งหก? ชื่อนี้คอนข้างเป็นเอกลักษณ์จริงๆ” ฉูเหม่ยมองฉูจิงเหวินที่เต็มไปด้วยความร่าเริงและอยากจะพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเย่โม่แต่ก็ถูกขัดขวาง หนิงฉิงซูเห็นเย่โม่ให้ของขวัญราคาถูกแต่ก็ยังสงบนิ่งโดยปราศจากร่องรอยความทุกข์ใจ และเมื่อเธอเห็นฉูจิงเหวินรับของขวัญอย่างมีความสุข  จู่ๆ หนิงฉิงซูก็รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เธอไม่สามรถอธิบายได้

เมื่อเพลงอันแสนนุ่มนวลได้ถูกบรรเลง การเต้นรำเปิดก็ได้มาถึง เมื่อทุกคนเริ่มคาดเดาว่าใครกันที่จะได้เต้นกับฉูจิงเหวินในเพลงแรก ฉูจิงเหวินก็มองไปที่เย่โม่และพูดว่า “เย่โม่ นายจะมาเต้นรำกับฉันได้ใหม?”

“ไอ้เย่โม่เนี้ยนะ?” โจ่วฮงนั้นได้ฟังเรื่องระหว่างเย่โม่กับหนิงฉิงซูมาแล้ว ทำให้การแสดงออกของเขาแปลกไปเลย ตั้งแต่ที่ฉูจิงเหวินรับของขวัญเย่โม่ไป แล้วก็ยังจะสวมไว้บนข้อมือเพื่อช่วยให้เย่โม่ไปเต้นกับเธอ แม้จะไม่มีคนรู้ว่าทำไม แต่ฉูจิงเหวินรู้ว่าเย่โม่เป็นคนที่เธอสามารถเอามาเป็นโล่ได้ นั่นก็คือการป้องกันคนที่อยากเต้นรำกับเธอคืนนี้

อย่างไรก็ตาม หนิงฉิงซูไม่ได้คิดแบบนี้ เธอคิดว่าฉูจิงเหวินอยากชวนเย่โม่มาเต้นรำ แม้ว่าเธอไม่รู้ว่าทำไมฉูจิงเหวินต้องทำแบบนี้ แต่ในใจเธอรู้สึกว่าขุ่นเคืองอย่างไม่มีเหตุผล จู่ๆเธอก็รู้สึกสับสนในความรู้สึกของตัวเอง  เย่โม่ไม่คิดว่าฉูจิงเหวินจะชวนเขามางานเพื่อทำเรื่องแบบนี้ และพูดออกไปอย่างงุ่มง่ามว่า “น่าเสียดาย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเต้นยังไงเนี้ยสิ”

ฉูจิงเหวินมึนงงไปชั่วขณะ เธอพิจารณาทุกอย่างดีแล้วนอกจากความจริงที่เย่โม่เต้นไม่เป็น แม้ว่าเย่โม่จะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ แต่ครั้งนึงเขาเคยเป็น ‘นายน้อย’ และเขาก็เป็นนักศึกษาของมหาลัยหนิงไห่ ทำไมเขาจะไม่รู้จักวิธีเต้นกันหล่ะ?

มีเพียงแค่ลีมู่เหมยเท่านั้นที่รู้ว่าเย่โม่ไม่รู้จักวิธีเต้นรำ ในอดีตแม้ว่าเย่โม่จะเป็นคนที่ชอบโอ้อวด แต่ดูเหมือนเขาไม่เคยไปฟลอร์เต้นรำหรือคลับที่ไหน เขานั้นแทบจะไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำแถมยังชอบอวดดีและหยิ่งยโสอีก

 

รีวิวผู้อ่าน