px

เรื่อง : บุรุษที่ถูกทิ้ง
บทที่ 22 ถ้าชีวิตเป็นเหมือนกับการเจอกันครั้งแรก


“แล้วตอนนี้ฉันมาหาไม่ได้หรอ ? เจียเจียก็อยู่ด้วยนิ” ชายหนุ่มคนนี้มีน้ำเสียงสงบเงียบและไม่มีนิสัยใจร้อนเหมือนกับวัยรุ่นปกติที่ควรจะเป็น

“ฉันคิดว่าพี่ฉวู่จำฉันไม่ได้สะอีก” สาวที่ย้อมผมสีเหลืองแกล้งทำเป็นโกรธ เย่โม่มองดูพวกนั้นแล้วคิดว่า แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดูสุภาพ แต่ก็มีนิสัยใจคอป่าเถื่อน แม้กระทั่งมีจิตสังหารอ่อนๆ ถูกปล่อยออกมา

คนปกตินั้นไม่สามารถสัมผัสถึงจิตสังหารได้ แต่เย่โม่คือผู้ที่ฆ่าผู้คนและสัตว์อสูรไปมายมายในชีวิตที่แล้ว แค่เหลือบมองครั้งเดียวเขาก็สามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเคยฆ่าคนมาก่อน เขายังฆ่าอย่างโจ่งแจ้ง และเขาน่าจะภูมิใจที่ได้ทำ มิฉะนั้นเขาคงไม่มีจิตรสังหารแบบนี้ได้ แต่ยังไงซะ เย่โม่ไม่ได้มีธุระอะไรที่นี่ เพราะฉะนั้นเขาจึงจะปลีกตัวออกไป แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็หันหัวและยื่นมือมาพูดว่า “ฉันหวังฉวู่ นายล่ะ?”

เย่โม่เห็นชายหนุ่มคนนี้ยื่นมือพร้อมกับใบหน้าเหยียดหยาม ทำให้เขารู้ทันทีเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะทำอะไร เย่โม่ก็ยื่นมือขวาไปช้าๆ และพูดอย่างลวก “เย่โม่”

 
พอเห็นว่าเย่โม่และหวังฉวู่จับมือกัน คนที่มีความสุดที่สุดคงต้องเป็นฉูเหม่ยเพราะเธอรู้ว่าหวังฉวู่มีนิสัยที่แปลกๆ เมื่อใดที่หวังฉวู่เจอใครก็ตามที่เป็นผู้ชายครั้งแรก เขาจะทดสอบความแข็งแกร่งจากการจับมือ มีครั้งนึงที่เพื่อนร่วมห้องของเธอจับมือกับหวังฉวู่ จากนั้นเขาก็ต้องกรีดร้องอย่างเจ็บปวดออกมา หลังจากนั้น ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มาตามเธออีกเลย
 
ตอนนี้เย่โม่กับหวังฉวู่กำลังจับมือกัน แล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหนกันนะ? ฉูเหม่ยหวังจะได้ยินเย่โม่กรีดร้องออกมา

‘แกร๊ก’ ทันทีนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา หวังฉวู่รู้สึกว่าเขาหักมือของเย่โม่และยังได้ยินเสียงกระดูกแตก แต่เขาไม่รู้เลยว่าเย่โม่เอามือออกไปตอนไหน เขาตกใจและเศร้าใจในการกระทำของตัวเอง เขาคิดว่าเขาใช้แรงมากไปจนไม่สามรารถควบคุมได้ ซึ่งเขาก็ได้หักมือของคนอื่นไปแล้ว

ฉูเหม่ยและผู้หญิงผมเหลืองเจียเจียก็ยังตกใจ พวกเธอไม่คิดว่าหวังฉวู่จะโหดร้ายขนาดถึงขั้นหักแขนเย่โม่ เสียงที่ไม่น่าฟังของกระดูกที่หักลงทำให้พวกเธอขนลุก

“อะ พี่หวังฉวู่ ทำไมพี่ต้องไปหักแขนเขาด้วยล่ะ? พี่จิงเหวินเชิญเขามานะ อืออ...หือ….เย่โม่หายไปไหนแล้วล่ะเนี้ย?” เมื่อฉูเหม่ยพูดออกมา เธอก็ตระหนักได้ว่าเย่โม่ได้หายไปแล้ว หวังฉวู่ก็รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ เขาไม่คิดเลยว่าเย่โม่จะอ่อนแอขนาดนี้ เขาก็แค่จับมือเย่โม่และยังไม่ได้ใช้แรงเต็มที่เลย แล้วเย่โม่ก็ยังมือหัก! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?

ฟังสิ่งที่ฉูเหม่ยอุทานออกมาก เขาก็เห็นแค่เย่โม่ที่หายไปแล้ว แต่ไม่มีใครเห็นตอนเย่โม่หายไป “เขาก็เป็นแค่นักศึกษาที่น่ารังเกียจ ให้เงินเขาสักหน่อยและบอกให้ไปโรงพยาบาลซะ เขานี่มันช่างไร้ค่าจริงๆ” ผู้หญิงที่ชื่อว่าเจียเจียพูดขึ้นมาทันที

ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง ยิ้มอย่างขมขื่น “พี่จิงเหวินต้องมาด่าฉันแน่เลย เขาคงเข้าไแข้างในแล้วละ ฉันขอไปตามหาเขาก่อนนะ เฮ้อ...ฉันไม่คิดว่ามือเขาจะบอบบางขนาดนี้เลย”

เย่โม่ไม่อยากเสียเวลาคุยกับพวกนี้ ที่ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย เขามางานวันเกิดของฉูจิงเหวินแล้วยังสร้างความขัดแย้งกับคนที่อยู่ที่นี่ มันก็คงทำได้เพียงเพิ่มความลำบากให้ฉูจิงเหวินเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขายังพอใจมากกับทักษะการเคลื่อนกระดูกของเขา ถึงแม้การบ่มเพาะเขาจะยังไม่ได้คืบหน้ามากนัก แล้วเขาก็ยังอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ แต่วรยุทธด้านการสังหารของเขานั้นพัฒนาขึ้นมาก เย่โม่ไม่รู้ว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกต้องแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถบ่มเพาะแบบปกติได้ เขาอาจจะต้องฝึกวรยุทธด้านการสังหารเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และความปลอดภัยให้ตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าวรยุทธที่เขาฝึกยังไงก็ต้องมีขีดจำกัด และยังมีอาวุธหลากหลายประเภทที่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย

ในระหว่างที่ฉูเหม่ย หวังฉวู่ และผู้หญิงอีกคน ทั้ง 3 กำลังพูดคุยเรื่องอาการบาดเจ็บของเย่โม่ เย่โม่ก็ได้เข้าในอาคารแล้ว ที่นี่มีบริกรยืนอยู่หน้าทางเข้า เขาเหลือมองบัตรเชิญเย่โม่และให้เขาเข้าไป ที่นี่มีคนเยอะมาก ฉูจิงเหวินจัดงานได้ใหญ่มาก มันอาจจะเป็นการฉลองการฟื้นตัวของแม่เธอ ในขณะพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้พบกันนาน

“เย่โม่ ขอบใจนะที่มางานวันเกิดของฉัน! มานั่งตรงนี้สิ” ทันทีที่ฉูจิงเหวินเห็นเยโม่เข้ามา เธอก็รีบเรียดให้เย่โม่นั่งเก้าอี้ทันที

“แน่นอนสิ ฉันบอกว่าฉันจะมาไม่ใช่หรอ?” เย่โม่ยิ้มและเตรียมพร้อมหยิบของขวัญที่เขาตรียมออกมา แต่เขาก็ได้ยินคนพูดว่า “อ่า จิงเหวิน หนุ่มหล่อคนนี้เป็นใครหรอ? เขาเป็นแฟนเธองั้นหรอ?”

 แต่เมื่อเขาเห็นเย่โม่ พร้อมรองเท้าผ้าใบและเสื้อผ้าธรรมดาๆ เขาก็หยุดพูดช่วงกลางประโยคและพูดติดขัด ว่า “อืม เขาแต่งตัวได้เป็นเอกลักษณ์ดีจังนะ.…”

ฉูจิงเหวินกลัวว่าเย่โม่จะรู้สึกแย่เลยรีบพูด “เขาคือเพื่อนของฉัน เย่โม่….” แล้วฉูจิงเหวินก็ตะหนักได้ว่าเย่โม่จ้องไปด้านหลังเธอ และเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ฟังที่เธอพูด เธอก็รีบหันไปด้านหลัง และก็ได้พบกับหนิงฉิงซูและลีมู่เหมยที่กำลังเดินผ่านมา ฉูจิงเหวินก็พึมพำและคิดว่า พวกเขาเจอกันได้ยังไงเนี่ย? เธอยังไม่มีโอกาสอธิบายกับเย่โม่อย่างชัดเจนเลยสักนิด

เย่โม่เห็นหนิงฉิงซูที่กำลังเดินผ่านมา ผู้หญิงคนนี้สวมกระโปรงผ้าตาข่าย สีเหลืองอ่อนทำให้เขาหลงใหลเลยทีเดียว ผมสีดำนุ่มสลวยของเธอไหลลงประบ่า ให้ความรู้สึกที่งดงามและอ่อนโยน และยังมีใบหน้ารูปไข่ที่ไร้ร่องรอยการแต่งหน้า  เธอติดกิ๊ฟรูปกวางบนผม และมีเส้นผมไม่กี่เส้นที่ไหลลงตรงขอบตา

แม้เธอจะงดงามมากเพียงใด ตาของเธอเก็บเอาความกังวลที่แก้ไขไม่ได้และความสูญเสียไว้ เมื่อเธอเดินผ่านมา เหมือนกับว่าเทพธิดากำลังเดินผ่านหมู่เมฆ เย่โม่สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้คุ้นเคยกับสายตาคู่นั้น

“ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวลและความสูญเสีย หรืออาจจะเป็น? ลู่หยิง?” ใช่แล้ว ดวงตาของเธอดูเหมือนกับอาจารย์ลู่หยิงมาก เย่โม่หายใจเข้าลึกๆ แล้วดึงสติกลับมา เขารู้ดีอยู่แล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่อาจารย์ลู่หยิงของเขา

เย่โม่กลับมามีสติเหมือนเดิม เขาไม่รู้จักหนิงฉิงซู ในขณะเดียวกันหนิงฉิงซูก็สังเกตได้ว่ามีชายหนุ่มกำลังมองเธอ แม้ว่าเขาจะเหมือนชายหนุ่มทั่วไป เขาก็ยังสูญเสียตัวตนเมื่อพบกับรูปลักษณ์ของเธอ แต่เขานั้นแตกต่างจากคนอื่น เขาจะสังเกตเธออย่างระมัดระวังแล้วกลับเป็นปกติ  เขาไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่ค่อยจะละสายตาไปจากเธอและยังแอบมองเธออีกด้วย

“ฉิงซู มู่เหมย พวกเธอมานี่สิ ให้ฉันแนะนำ...” ฉูจิงเหวินต้องการแนะนำให้พวกเขารู้จักกันและกัน แต่ลีมู่เหมยก็เดินไปกระซิบ “ไม่ต้องแนะนำให้พวกเรารู้จักกันที่นี่ เพราะฉิงซูไม่เคยเจอเย่โม่มาก่อน!” ฉูจิงเหวินก็มีปฏิกิริยาทันที ถ้าหนิงฉิงซูไม่รู้จักเย่โม่แล้วมันจะเหมาะหรอที่แนะนำให้พวกเขารู้จักกันที่นี่

“พี่จิงเหวิน มีบางอย่างเกิดขึ้น หวังฉวู่เผลอไปหักมือเย่โม่และเราไม่รู่ว่าตอนนี้เย่โม่อยู่ไหน ฉัน….” ฉูเหม่ยรีบวิ่งเข้ามาและรีบพูดอย่างกังวล

แต่เมื่อเธอกล่าวเพียงแค่ครึ่งประโยค เธอก็ตระหนักได้ว่ามีสิ่งผิดปกติเนื่องจากมีคนจำนวนหนึ่งมองเธอด้วยความประหลาดใจ ในขณะเธอไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น และเธอก็มองเห็นเย่โม่ทันที

รีวิวผู้อ่าน