px

เรื่อง : บุรุษที่ถูกทิ้ง
บทที่ 19 ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียน


“ฉิงซู ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการพูดจะอะไรกันแน่ แต่ตระกูลซงก็ยังเป็นตระกูลใหญ่ พวกเขาต้องรักษาภาพลักษณ์หน้าตาของตระกูล ถ้าหากเธอได้แต่งกับเย่โม่แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาละก็ ใครๆก็รู้เลยว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซง ฉันคิดว่าตระกูลซงไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์หรอก” ดูจากท่าทางของลีมู่เหม่ย ซึ่งกำลังใช้ประสบการณ์เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์อยู่
 

หนิงฉิงซูที่ยังคงเงียบ ก็พยักหน้า “ก็ได้ ฉันคงต้องติดหนี้เขาอีกสักครั้งแล้วหล่ะ”

อย่างไรก็ตาม ลีมู่เหม่ยก็ยังส่ายหัว “ฉิงซูผิดแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่เธอหรอกที่ติดหนี้เขา เขาต่างหากติดหนี้เธอ ฉันแน่ใจเลยว่าความคิดของเรากับเย่โม่นั้นต่างกัน เขาน่ะยินดีที่จะทำ เอาอย่างนี้แล้วกัน….พรุ่งนี้เป็นวันเกิดจิงเหวิน เราจะใช้ข้ออ้างนี้ไปหนิงไห่ หลังจากจบงาน ฉันกับเธอจะไปพูดคุยเรื่องแผนกับเย่โม่ ดีไหมละ?”

ฉิงซูนั้นเคยรู้จักกับฉูจิงเหวิน เมื่อสมัยที่เรียนอยู่ ฉูจิงเหวินเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียง แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเรื่องเกิดขึ้นกับแม่ของเธอ เพราะงั้นเธอเลยต้องไปที่หนิงไห่  แต่ลีมู่เหม่ยก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉูจิงเหวิน
……..

ในที่สุดเย่โม่ก็มาที่ห้องเรียนหลังจากไม่ได้มาสักพักนึง ปัจจุบันเขาก็ได้เรียนรู้เนื้อหาหลักสูตรไม่กี่ปีของมหาลัยไปด้วยตัวเองหมดแล้ว ที่เขามาวันนี้ก็เพียงเพราะซือชุยชวนเขามาเพื่อของกินเป็นหลัก ด้วยเหตุที่ซือชุยนั้นได้รับคูปองกินฟรี สำหรับภัตตาคารอาหารของมหาลัย เนื่องจากมันเป็นอาหารฟรี เย่โม่ก็อยากมาเช่นกัน

 ถ้าหากเย่โม่มีเพื่อนในมหาลัยหนิงไห่ได้เพียงคนเดียวล่ะก็  คนๆนั้นต้องเป็นซือชุย ปกติแล้วเมื่อไหร่ที่เย่โม่เข้ามาเรียน ซือชุยก็จะนั่งติดกับเย่โม่ราวกับเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เย่โม่มาเข้าเรียนที่หนิงไห่ ถึงเย่โม่จะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่ มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนอยู่ดี

เมื่อตอนครั้งแรกที่เย่โม่ได้สติ ซือชุยก็เป็นคนปลุกเขา และเตือนเย่โม่ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับหยานหยาน ต่อมาเมื่อเย่โม่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่แล้วมีปัญหาเรื่องเงิน ซือชุยก็พยายามช่วยเย่โม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาจบอกได้ว่าในคนที่ช่วยเหลือเย่โม่ในมหาลัยหนิงไห่ก็คือ หวังหยิงกับซือชุย ที่หวังหยิงช่วยก็เพราะเย่หลิง แต่ซือชุยนั้นเป็นเพื่อนแท้ของเย่โม่

“เย่โม่ คาบนี้มันคาบของยัยปิงเลือดเย็น คราวที่แล้วนายก็ทำให้เธอโมโห ถ้าครั้งนี้นายไม่มาจะดีกว่า ดังนั้นเมื่อเธอสอนก็อย่าพูดอะไรแล้วกัน ถ้าเธอพบนาย เธอต้องสร้างปัญหาให้นายอีกแน่” ซือชุยบอกกับเย่โม่อย่างละเอียด

เย่โม่ยิ้มแล้วตบไหล่ “ฉันไม่สนใจผู้หญิงใจแคบพรรค์นั้นหรอก ไม่ต้องห่วง มันจะไม่เกี่ยวข้องกับนาย ฉันจะอยู่เงียบทั้งเดือนก็ยังได้ อย่างน้อยก็ในระหว่างเรียนล่ะกันนะ” ซือชุยแค่ยิ้มตอบ เพราะเขาไม่เชื่อว่าเย่โม่จะอยู่เงียบๆ ทั้งเดือนได้

“เธอเรียกใครว่าผู้หญิงใจแคบฮะ เย่โม่? คนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอย่างนายยังไม่มีหน้าไปคุยกับคนอื่น แล้วยังคิดจะมาเรียนอีกหรอ?” อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงสดใสพูดแทรกเย่โม่ขึ้นมา

 

“หยานหยาน เธอหมายถึงอะไรกันแน่? เย่โม่ได้พูดถึงเธอเลย เธอมีสิทธิอะไรมาพูดห่ะ? หรือเพราะว่าเธอคิดว่าคนอย่างเย่โม่เป็นคนที่ใครๆ ก็แกล้งได้รึไง ?” ซือชุยนั้นไม่พอใจกับพฤติกรรมของหยานหยานมากทีเดียว

“เอ๋ซือชุย นี่นายกล้าตะโกนใส่ฉันด้วยหรอ” หยานหยานจ้องซือชุยที่กล้าตะโกนใส่เธอ “ดีๆ” และเตรียมตอบโต้ทันที อย่างไรก็ตามเย่โม่ดึงซือชุยเข้ามาข้างๆแล้วบอกว่า “ทำไมต้องไปจริงจังด้วย เธอก็แค่อวดดีเหมือนกับหมาเห่าใบตองแห้งเท่านั้นแหละ”

“เย่โม่…..” หยานหยานชี้ไปที่เย่โม่ และสาบานในใจว่าจะแก้แค้น ก่อนที่หยานหยานจะตอบสนองทัน เย่โม่ก็ยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “มันก็ไม่ผิดหรอกที่เธอจะอัปลักษณ์ แต่มาแสดงความอัปลักษณ์ของตัวเองแบบนี้ เธอนี่มันแย่จริงๆ อ่อใช่สิ เธอเคยพูดไม่ใช่หรอว่าฉันนอนกับเธอไม่ได้?  โทษทีนะ พอดีฉันไม่สนใจของดึกดำบรรพ์แบบเธอหรอก”

ในที่สุดเย่โม่ได้แก้แค้นให้วิญญาณเจ้าของร่างคนเดิมได้สักที หยานหยานอวดดีเกินไป หยานยานที่กำลังจะสาบานจะแก้แค้นเย่โม่ในใจแต่เธอก็ต้องหัวเราะออกมา เย่โม่เรียกเธอว่ายัยอัปลักษณ์ แม้ว่าเธอจะไม่สวยที่สุดในมหาลัย แต่เธอก็เป็นคนที่สวยที่สุดในห้อง

และเธอก็โต้กลับว่า “ฉันเนี้ยนะอัปลักษณ์? เย่โม่นายตาบอดหรือไงย่ะ!  ลืมตาแล้วดูซะ นายรู้จักใครที่สวยกว่าฉันไหม? เอาแบบนี้ไหมล่ะ?  ถ้านายทำได้ ฉันจะยอมรับว่าตัวเองอัปลักษณ์ แต่ถ้าไม่—”

จู่ๆ เธอก็ถูกเสียงอันนุ่มนวลจากประตูห้องเรียนมาขัดจังหวะ “เย่โม่ออกมานี่หน่อยสิ ฉันตามหานายมาหลายรอบแล้วแต่ก็หาไม่เจอสักที”

เกือบทุกคนหันหน้าไปมองที่ประตูทางเข้า และนักเรียนชายทั้งหมดก็จ้องกันตาไม่กระพริบเลยทีเดียว  ที่ประตูมีผู้หญิงสวยสะดุดตายืนอยู่  ราวกับดอกไม้พึ่งขึ้นจากน้ำ ซึ่งปราศจากเครื่องสำอาง ด้วยคิ้วสวยได้รูป รอยยิ้มจางๆ และใบหน้าที่งดงาม ไม่จำเป็นต้องดูส่วนโค้งเว้าก็รู้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงงดงามที่พบเจอได้ยาก ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นนักศึกษามหาลัยหนิงไห่ เมื่อนั้นผู้หญิงที่สวยที่สุดในมหาลัยคงไม่ใช่ฉูเหม่ยแต่จะเป็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาแทน

หยานหยานรู้สึกราวกับไก่โดนเชือด เธอหยุดพูดทันที เธอบอกว่าเย่โม่ไม่มีทางรู้จักผู้หญิงที่สวยกว่าเธอ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงที่สูงส่งเกินกว่าเธอจะเทียบได้เดินเข้ามา  ที่แย่ที่สุดคือ ผู้หญิงคนนี้ตะโกนเรียกเย่โม่! เย่โม่จ้องไปที่หยานหยานอย่างเย็นชา

เขาไม่จำเป็นต้องจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอในอนาคตด้วย

 

“จิงเหวิน มีอะไรเกิดขึ้นหรอ?” เย่โม่ไม่คิดว่าฉูจิงเหวินจะมาที่ห้องเพื่อหาเขา ฟังจากคำพูดของเธอนี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำ
 

เห็นว่าเย่โม่ไม่ได้เรียกพี่สาวจิงเหวินแต่เรียกเธอว่าจิงเหวิน เธอก็กลอกตาแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะพ่อของเธอ ทำให้ฉูจิงเหวินมีมุมมองต่อผู้ชายในทางลบ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ระมัดระวังเย่โม่มากนัก แม้ว่าเย่โม่จะไม่ใช่คนที่เธอตามหา แต่เขาก็มีความคล้ายคลึงกับคนๆ นั้น   ยิ่งไปกว่านั้น เย่โม่มองเธออย่างตรงไปตรงมาและไม่มีเจตนาหยาบคายต่อเธอ เขาเป็นคนที่ดูออกง่ายว่าเป็นคนอย่างไรราวกับเปิดหนังสืออ่าน อีกอย่างเย่โม่เป็นนักเรียน รวมกับปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้ฉูจิงเหวินประทับใจเย่โม่

“ฉันมาหานายตอนที่ไม่มีอะไรไม่ได้รึไงย่ะ? นายพอมีเวลาไหม? เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”

เย่โม่พยักหน้าอย่างหมดหนทาง เขารู้ว่าอาหารฟรีๆ ไม่ใช่อะไรที่จะได้มาง่าย คราวหน้าเขาคงต้องระวังเรื่องการตอบรับคำชวน  การกินข้าวมื้อเดียวนั่นหมายถึงต้องอยู่กับคนๆ นั้นยันเที่ยงคืน  และตอนนี้ฉูจิงเหวินก็มาตามหาเขา เขาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะยืนอยู่หน้าประตูซักพัก แล้วบอกซือชุยว่าไม่ต้องรอเขาคืนนี้

 

“ไปกันเถอะ” เมื่อเย่โม่พูดกับฉูจิงเหวิน เขาเห็นอาจารย์ภาษาอังกฤษหยุนปิงกำลังเดินมาพร้อมกับตำราเรียน  ใบหน้าเธอแสดงออกถึงความขยะแขยงเมื่อเห็นเยโม่ออกจากห้องเรียน แต่เมื่อเห็นฉูจิงเหวิน เธอก็ตกใจนิดหน่อย ซึ่งก็ได้เปลี่ยนเป็นความสงสารแทน

แน่นอนว่าเย่โม่เห็นหยุนปิง แต่เขาก็ไม่ต้องกังวลถึงเกรดของเขาเพราะฉะนั้นเขาถึงไม่แคร์ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร ไม่สำคัญอะไรสักนิดถ้าเธอจะทำให้เขาสอบตก

รีวิวผู้อ่าน