“แกกำลังขอความตายสินะ!” ชายผู้มีแผลเป็นตวาดออกมา และนำมือตบไปยังใบหน้าเย่โม่ แต่เดิมทีเขาเห็นว่าเย่โม่ไม่ใช่คนง่ายต่อการจัดการ เขาจึงปล่อยมันไป เขาไม่ต้องการที่จะมีเรื่อง แต่ปัจจุบันเจ้าเย่โม่ไอนี้มันมาหาเรื่องเขา? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันชายร่างใหญ่มีแผลเป็นเขากลายเป็นฝ่ายโดนหาเรื่องก่อน ฉะนั้นเขาจะทนได้หรือ? เขาง้างมือขึ้นเพื่อตบหน้าเย่โม่
คนอื่นๆ ในห้องขังหัวเราะกับความโชคร้ายของเย่โม่ ชายสองสามคนที่อยู่มุมห้อกวักมือเรียกเย่โม่ พวกเขาเหล่านั้นคิดว่าเย่โม่อาจเป็นพวกโง่และไม่ใช่โง่ธรรมดา มันอาจจะถึงขั้นโง่บัดซบสมองเท่าเม็ดแตงโม ชายมีแผลไม่ได้หาปัญหามาให้เขาก่อน ถึงแบบนั้นมันกับหาปัญหาใส่ตัวเองไอ้บ้าเอ่ย! เขากำลังหาการโดนทุบตี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มการชกต่อยพวกมันเหล่านั้นดูเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสา เย่โม่คว้ามือชายที่หน้ามีแผล และนำมืออีกข้างไปตบใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามด้วยความเร็วที่ไม่อาจเห็นด้วยตาเปล่า และยังไม่จบ เย่โม่ปิดท้ายด้วยการเตะไปยังท้องของชายผู้มีแผลเป็น
ชายผู้มีแผลเป็นแม้จะมีร่างกายที่ล่ำสันแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่พอที่จะเป็นคู่ซ้อมของเย่โม่ได้ เขาถูกเตะลอยไปยังลูกกรงเหล็ก พร้อมเสียงดังสนั่น
ตำรวจหน้าดำที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงต่อสู้ที่มีเสียงดังลั่น เขายกยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชาและในวินาทีเดียวกันเขาคุยกับใครบางคน
“สวัดดีครับ นายน้อยเชียวหรอ? ใช่ผมเอง เจ้านั้นถูกขังอยู่ และกำลังถูกสั่งสอนโดยไอ้หน้าแผลเป็นนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา โอ้…ได้ ได้ ผมจะปล่อยให้มันมีช่วงเวลาที่ประทับใจก่อนจะไปสอบปากคำ ผมจะทำให้เขาหลั่งน้ำต- ” ชายหน้าดำได้ยินเสียงข้างนอก เขาจึงรีบออกไปและแสร้งทำเป็นทำหน้าที่ของเขาเหมือนเดิมขณะที่เดินไปยังหน้าทางเข้าโรงพัก
ชายผู้มีแผลเป็นเองก็ไม่ได้เชื่อว่าเขาจะแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาเคยอยู่ในวงการมาเฟียเป็นเวลาหลายปี และเขาก็รู้ทันทีว่าเย่โม่ไม่ใช่คนที่ควรยุ่งด้วย แม้ว่าเขาจะดูดุร้ายแต่เขาไม่ใช่คนงี่เง่า ถึงเขาจะโกธรเย่โม่ไปมันก็จะไม่มีอะไรดีสำหรับเขา
เจ้าตัวเล็กหน้าขาวนี้แข็งแกร่งมากซะจนะชายผู้มีแผลเป็น มั่นใจได้ว่า แม้จะใช้ทั้ง 4 คนกระโดดเข้าไปพร้อมกันก็ไม่อาจชนะเขาได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงสั่งการพวกมันไปแล้ว เย่โม่เดินช้าๆ ไปยังหน้าของชายผู้มีแผลเป็นและกล่าวออกมาว่า “ฉันต้องการนอนบนเตียงที่ติดกับหน้าต่าง แกเห็นด้วยไหม?”
เดิมทีชายผู้มีแผลเห็นเย่โม่เดินมา หัวใจของเขาเต้นเร็ว เขาคิดว่าเย่โม่จะมาทำร้ายเขาอีกครั้ง แต่เขาไม่คิดว่าเย่โม่เพียงแค่ต้องการนอนบนเตียงเท่านั้น เขารู้สึกโล่งใจและพูดว่า “เห็นด้วย เห็นด้วยครับ ได้โปรดนอนบนเตียงเถอะครับ!” ชายผู้มีแผลเห็นสถานการณเป็นเช่นนี้ เขายิ้มให้ทันที เขาลืมแม้กระทั้งความเจ็บปวดหลังจากที่โดนเตะลอยไปยังลูกกรง
เมื่อมองเห็นชายผู้มีแผลนั้นยิ้มด้วยความเอาใจใส่มากเพียงใด ชายกล้ามโตอีก 3 คนนั้นก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใดๆ ออกมา นี่มันเรื่องตลกอะไร ชายผู้มีแผลเป็นที่ปกติอยู่อย่างคงกระพันไม่สามารถแม้แต่จะป้องกันตัวต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ ถ้าพวกเขาหาปัญหาให้กับเย่โม่ในตอนนี้ นี่มันคงไม่ต่างจากการขอโดนทุบตีเลยรึไง
เมื่อฉูจิงเหวินเดินเข้ามายังสถานีตำรวจ เธอก็คิดมากขึ้นเกี่ยวกับรูปร่างของเขา ยิ่งรู้สึกว่าเขาดูคล้ายกับคนที่ขายยันต์ให้เธอ เรื่องนี้ทำให้เธอคิดไม่ตกและมันยังมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย เธอมาเพื่อประกันตัวคนๆ นั้น แต่สิ่งที่ฉูจิงเหวินประหลาดใจคือคนในสถานีตำรวจนี้ปฎิเสธเธอไม่ให้ไปพบหน้าเย่โม่
“เขาไม่ใช่นักโทษ แล้สทำไมถึงปฎิเสธฉัน? และสิ่งที่พวกคุณต้องทำก็แค่ล็อคกุญแจมือไม่ใช่รึไง?” แม้ว่าฉูจิงเหวินจะไม่ทราบความจริงของเรื่องราว แต่เธอรู้ดีว่าต้องมีปัญหาบางอย่าง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่นำเย่โม่มายังสถานีตำรวจ และปล่อยให้คนจาก Range Rover จากไปแบบนั้น และแน่นอนเธอไม่รู้ว่า Range Rover ได้ไปจอดอยู่แถวโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
“ชายผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโจรกรรมและทำร้ายร่างกาย และเรายังต้องสอบปากคำอีก ถ้าคุณผู้หญิงต้องการเห็นเขา ควรมาอีกทีในวันพรุ่งนี้” ตำรวจหน้าดำเห็นฉูจิงเหวินที่อารมณ์กำลังพุ่งปรี๊ดและเธอยังเป็นผู้หญิงที่สวยอีกซะด้วย ฉะนั้นเขาจะยอมที่พยายามอดทนต่อหน้าเธอ
“จริงหรอ? ทำไมมันไม่เหมือนกับที่ฉันเห็นละ? เห็นได้ชัดว่า Range Rover ลักพาตัวเพื่อนของฉันไป แต่ว่าไปๆมาๆก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไอ้พวก Range Rover เลย แต่เพื่อนของฉันกลับถูกพาตัวไปสถานีตำรวจแทน ความหมายของเรื่องนี้คืออะไร?” ฉูจิงเหวินแย้ง
“อย่าพูดสิ่งที่คุณไม่สามารถพิสูจน์ได้เลย นี่คือสถานีตำรวจ เราต้องการหลักฐานสำหรับทุกอย่าง ถ้าคุณผู้หญิงยังคงพยายามพูดอย่างเรื่อยเปื่อย ผมจะจับกุมคุณด้วยข้อหาขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ!” ตำรวจหน้าดำไม่ได้คาดหวังว่าผู้หญิงคนนี้จะเห็นฉากนั้น ในทันทีหน้าของเขาดูเครียดขึ้นและน้ำเสียงเขาเองก็ดุดันขึ้น
“งั้นเหรอ ฉันก็อยากเห็นจังเลย ว่าคุณจะจับกุมตัวฉันยังไง” หน้าอันงดงามของฉูจิงเหวินเริ่มที่จะเย็นชา เจ้าหน้าที่ผู้หยิ่งผยองกำลังสร้างความเท็จ! เจ้าหนุ่มคนที่ถูกจับไป ต้องไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีในตอนนี้
“คุณมากับผม มาลงบันทึกข้อกล่าวหา ผมกำลังสงสัยว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับผู้ต้องสงสัยพยายามปล้น!” นายตำรวจหน้าดำชี้ไปที่ฉูจิงเหวินและพูดออกมา เครื่องแต่งกายของเย่โม่ดูเหมือนจะไม่มีราคามากนัก เนื่องจากผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเขา เบื้องหลังของพวกเขาอาจจะไม่เท่าไหร่ เขาจะแสดงให้เธอเห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้านาย
“คุณเป็นตำรวจหรือว่าผู้ร้ายข้ามชาติกัน? ” ฉูจิงเหวินโกรธ คนๆ นี้อวดดีเกินไปหน่อยแล้ว
“ถ้าคุณไม่ชอบผม คุณสามารถเขียนรายงานส่งได้ ผมชื่อหวังหยู โปรดอย่าลืมซะละ” ตำรวจหน้าดำพูดอย่างเย้ยหยัน
“ผู้กองหวัง… ” ตำรวจหนุ่มในที่สุดก็ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไปเขายืนขึ้นและเรียกเขา เขารู้สึกว่าการกระทำของหัวหน้าหวังเป็นเหมือนกับโจร แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
ก่อนที่หวังหยูจะได้พูดอะไรอีก มีอีกเสียงนึงดังขึ้นมาจากทางด้านประตูทางเข้า “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่กรมตำรวจกลายเป็นสถานที่สำหรับโจร?” เป็นน้ำเสียงที่หนักแน่น มันคือโทนเสียงที่ไม่สามารถเลียนแบบได้
“ผู้กำกับกั่นชู….” หวังหยูและตำรวจหนุ่มเห็นคนที่พูดตรงประตูทันทีเขารีบขานชื่อของคนๆนั้น
“มีอะไรกัน?” ชายวัยกลางคนมองหวังหยูและถาม
“อ่าา ผู้บริหารฉู ทำไมคุณถึงมาอยู่นี้ได้ละ?” ชายวัยกลางคนเห็น ฉูจิงเหวินได้อย่างรวดเร็วและรู้ทันทีว่าเธอเป็นใคร
“คุณคนขับรถกั่นชูปิง? คุณกลายเป็นตำรวจได้ยังไงเนี้ย?” ฉูจิงเหวินรู้จักคนที่อยู่ข้างหน้า ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนขับรถของพ่อของเธอ แต่เธอไม่ได้คาดหวังให้เขาเป็นตำรวจและดูเหมือนจะเป็นผู้กำกับของสถานีนี้ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนหน้าตื่นตกใจ
“ใช่ ผมติดตามผู้มีอำนาจ มันก็แค่นั้น มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?” ชายวัยกลางคนนึกออกทันทีว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นและมันมีลางไม่ดี ผู้บริหารฉูเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรีฉู ถ้าเธอถูกทำร้ายในการปกครองของเขา เขากั่นชูปิง คงจะไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“อืมมม” ทันทีที่กั่นชูปิงนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ใบหน้าของฉูจิงเหวินกลับไปสู่ความบึงตึงและคลายจะคลุ้มคลั่ง “มีคนลักพาตัวเพื่อนฉันและหลังจากการแทรกแซงของตำรวจ พวกเขาก็จับเพื่อนของฉันไปแทน ในขณะที่ผู้ลักพาตัวไม่เห็นหัวพวกมันเลย ฉันจะมาดูเพื่อนของฉัน แต่พวกเขากลับบอกว่าฉันเป็นผู้ต้องสงสัยในการพยายามปล้นแทน เขายังกล่าวอีกว่าถ้าฉันไม่พอใจกับเรื่องนั้น ให้ฉันเขียนรายงานได้เลย ตำรวจเดี๋ยวนี้อวดดีกันขนาดนี้เลยหรอ?”
ใบหน้าของหวังหยูค่อยๆ ซีดลง แม้แต่หน้าดำๆ ของเขาก็ไม่สามารถปกปิดได้ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้จักผู้กำกับของเขาจริงๆ แม้เขาจะรู้ว่านายน้อยเชียวจะต้องปกป้องเขาแน่นอน แต่เรื่องนี้มันอาจส่งผลในการเลื่อนตำแหน่งต่อๆ ไปของเขา
“คุณหนูพูดว่ายังไงนะครับ? นี้มันใช่กิริยาที่ตำรวจควรทำหรอห่ะ?” ผู้กำกับกั่น เกลียดเจ้าหน้าดำนี้ โดยปกติเขามักปล่อยให้มันทำตามใจชอบเพราะมันเป็นคนของเจิงเหวินเชียว แต่ช่างน่าเสียดายในเวลานี้เขายืนอยู่กับลูกสาวของนายกเทศมนตรีตัวจริงเสียงจริง
“ใช่ ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมโกรธมาก แต่ผมยืนยันได้ว่าไม่ได้มีความคิดแบบที่เธอพูดมาจริงๆ” หวังหยูไม่กล้าที่จะโกหก เพราะจริงๆ แล้วมันมีไม่กี่คนคนเท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด โดยปกติจะไม่มีใครบอกว่าเขาได้กล่าวอะไรไปบ้าง แต่วันนี้เขาได้พบเห็นคนที่รู้จักกับผู้กำกับของเขาจริงๆ
“เอาปืนคืนมาให้ฉัน เราจะรีบสืบสวนเรื่องนี้ในทันที เฉินเชี่ยนคุณรับผิดชอบเรื่องนี้ ต้องค้นหาข้อสรุปในคดีนี้อย่างรวดเร็ว! ตำรวจเป็นผู้คุ้มครองประชาชน ไม่ใช่อันธพาลหรือโจรใดๆ” ผู้กับกำคนนี้จัดการเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็ว และแม้กระทั่งยึดเครื่องหมายของตำรวจของผู้กองหวังออกตรงหน้าเธอ
ฉูจิงเหวินรู้ว่าเขากำลังทำเพื่อปลอบขวัญเธอ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ผู้กำกับกั่น สิ่งที่คุณทำมันผิดกฎหมาย แม้คุณจะโทษผม แต่คุณไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรกับผมก็ได้” เมื่อเห็นกั่นเหวินปิงพูดอย่างเคร่งขรึม ผู้กองหวังวิตกใจทันที เขาคิดว่ากั่นชูปิงน่าจะรู้ว่าเขาเกี่ยวโยงกับเจิงเหวินเชียวจึงไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก เขาไม่นึกเลยว่ากั่นชูปิงจะจริงจังขนาดนี้
“ผู้บริหารฉู ไปดูเพื่อนของคุณก่อนเถอะ มันช่างเป็นความอับอายของผมที่มีกองขยะอยู่ในกรมตำรวจ ต่อจากนี้ผมจะไปขอโทษท่านนายกเทศมนตรีเอง” กั่นชูปิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนของหวังหยูและไม่ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาได้ยินด้วย เห็นได้ชัดว่าแม้จะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของฉูจิงเหวิน แต่สิ่งที่เจ้าหน้าดำจะต้องเผชิญก็คงไม่พ้นที่จะต้องติดคุกเป็นเวลานาน
“อะไรนะ? นายกเทศมนตรีฉู?” หวังหยูสะดุ่งตกใจ เมื่อคิดถึงกิริยาที่กั่นชูปิงปฏิบัติกับผู้หญิงคนนี้ และด้วยการที่เขาเรียกเธอว่าผู้บริหารฉฉู แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เกี่ยวโยงกับนายกเทศมนตรีฉูได้ยังไง หน้าเขาดูเหมือนหมูโง่ๆตัวนึง
ถ้าผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องกับนายกเทศมนตรีฉู แม้แต่เจิงเหวินเชียวก็คงช่วยเขาไม่ได้ ในทันทีหวังหยูก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกปกครุมไปด้วยน้ำแข็ง