px

เรื่อง : บุรุษที่ถูกทิ้ง
บทที่ 12 ต้องการรักษาแค่อาการหรือจะรักษาโรค


เย่โม่มองไปยังผู้สูงอายุที่นอนแผ่อยู่บนเตียง ตอนมาครั้งแรกสภาพเขาเหมือนแทบจะไม่สามารถเดินได้ แต่แต่นี้เขาหมดสติไปแล้ว หน้าตาอันขาวซีดของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีม่วง

เขามองไปที่พยาบาลและหญิงสาวที่กำลังกลุ้มใจ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พูดคุย หญิงสาวคนนั้นพูดว่า “คุณหมอค่ะ ได้โปรดช่วยคุณปู่ด้วย มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่น่าให้เขาไปที่หนิงไห่คนเดียวเลย…”

เย่โม่ขมวดคิ้ว เขานำเข็มเงินออกจากกล่องและแทงชายชราสองสามครั้ง แล้วในวินาทีเดียวกันเขาก็ส่งพลังลมปราณเข้าไปในร่างกายชายชราอีกด้วย

ชายชราคนนั้นเมื่อหายใจนำลมปราณที่มีสีม่วงออกมา ใบหน้าสีม่วงในตอนแรกของเขาก็ดูดีขึ้นตามลำดับ ในช่วงพริบตาเดียวทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ชายชราลืมตาขึ้นและกล่าว”ชิงเอ๋อ ไม่ต้องกังวลไป นี้มันเป็นปัญหาเก่าเก็บของปู่”

พยาบาลและหญิงสาวนามชิงเอ๋อจ้องไปที่เย่โม่และไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้เป็นเวลานาน ”ทักษะแพทย์นั้นมันอะไร? รักษาชายชราที่อยู่ขอบแห่งความตายได้ภายในไม่กี่เข็ม?” นางพยาบาลยังคงมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ ขณะมองไปที่หน้ากากของเย่โม่ เธอสงสัยว่าใครกันแน่ที่มาแทนหมอซุย และคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาเป็นที่น่าอัศจรรย์

หญิงสาวที่มาด้วยกันกลับมาสู่ความจริงและรีบวิ่งไปที่เตียงของชายชรา “ปู่ทำให้หนูกลัวแทบแย่ หนูไม่กล้าที่จะให้ปู่ออกไปเองคนเดียวอีกแล้ว….” ก่อนที่เธอจะพูดจบ น้ำตาเธอก็ไหลออกมาแล้วอย่างไม่สามรถควบคุมได้

เย่โม่มองไปที่ผู้หญิงคนนี้ เธอสวมแบรนด์ที่มีราคาแพง เสื้อ Donna Karan ซึ่งมีมูลอาจค่านับหมื่นหยวนและยังมีรองเท้า Chanel คู่นั้นอีก ความประทับใจแรกของเย่โม่เกี่ยวกับเธอคือเรื่องของหญิงสาวผู้ร่ำรวย

จากนั้นเขาก็มองไปยังหญิงสาวที่ยังคงมีน้ำตาตกค้างอยู่บนใบหน้า เธอช่างน่าทึ่ง เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเธอน่ารักมากแค่ไหนเมื่อเธอโตเต็มที่ เธออาจสวยเท่าผู้หญิงที่มาซื้อยันต์ของเขาครั้งล่าสุด บางทีอาจเป็นเพราะความกังวลของเธอ ใบหน้าของเธอจึงมีเลือดแดงซึ่งมันเสริมถึงผิวขาวๆ ที่บริเวณลำคอของเธอ ด้วยสิ่งนี้กระตุ้นให้เย่โม่มองต่ำลงอีกนิด หุบเขาลึกที่เสริมสร้างโดย Donna Karan เหมาะอย่างยิ่งต่อการกระตุ้นจินตนาการของผู้คน
“ชิงเอ๋อ ปู่ไม่เป็นไรแล้ว ช่วยพยุงปู่นั่งหน่อย” ชายชราโบกมือและพูด

“คุณช่างน่าทึ่งคุณหมอ! ฉันรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของฉันดี และไม่มีใครสามารถช่วยฉันให้ตื่นขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้มาก่อนเลย..…” ก่อนที่ชายชราจะพูดเสร็จ หญิงสาวที่ชื่อชิงเอ๋อดูเหมือนจะคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง

เธอหันกลับไปมองไปที่เย่โม่ด้วยความตกใจและกล่าว ”ฉันไม่คิดว่าทักษณะแพทย์ของคุณจะสุดยอดขนาดนี้! คุณเป็นหมอแพทยศาสตร์จีนรึเปล่าคะ? คุณใช้เข็มทองหรอ? คุณสามารถรู้ถึงโรคที่ปู่ฉันเป็นหรือเปล่า? เราโชคดีที่มีคุณหมออยู่เคียงข้างเราในเวลานี้ ฉันรู้สึกขอบคุณมาจริงๆ” เธอยิงคำถามมาหลายคำโดยไม่แม้แต่จะหยุดหายใจ

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คาดหวังคำตอบจริงๆ เธอรู้สภาพของคุณปู่เธอดี เขาได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศและผู้ที่มีชื่อเสียงหลากหลายมากมาย แต่ไม่มีใครสามารถวินิจฉัยหาโรคที่ปู่เป็นได้ พวกเขาพบว่าชายชราสามารถอยู่ได้อีกเพียงครึ่งปีเพราะการเสื่อมของอวัยวะพื้นฐานที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว มันเกิดขึ้นโดยที่ไม่สามารถอธิบายได้

 
เธอถามไปด้วยจิตใจที่เรียบง่าย เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หมอคนนี้ได้ช่วยเหลือปู่ของเธอ โชคดีที่โรงพยาบาลหลี่คังอยู่ใกล้ มิฉะนั้นผลที่ตามมามันคงไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณปู่ของเธอ เธอคงจะไม่สามารถรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ได้

เย่โม่พยักหน้าและกล่าวว่า ”ฉันรู้ว่าอาการป่วยของเขาคืออะไร! ” เห็นได้ชัดเขารู้ถึงความเจ็บป่วยนี้ แต่ก็รู้ว่าโลกไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุของโรคนี้ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจได้ว่าสภาพของชายชรายังคงไม่ได้รับการวินิจฉัย นั้นเพราะความเจ็บป่วยนี้หายากเกินไป มันเป็นหนึ่งในล้านเท่านั้น

ในโลกของการบ่มเพาะ มีโรคที่เรียกว่าปะการังสีม่วง ปะการังสีม่วงเป็นหินแร่ชนิดหนึ่งที่สามารถใช้สร้างทำสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางได้ อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถหาได้ได้ตามทั่วไป ปะการังสีม่วงค่อนข้างพิเศษหลังจากขุดออกมาแล้วมันต้องถูกเก็บไว้ในกล่องหยกไม่งั้นมันจะสูญเสียอำนาจของมัน ถ้ามีใครนำปะการังสีม่วงไว้ในกระเป๋ากางเกงในเวลากลางวัน สารที่เป็นอันตรายในปะการังสีม่วงจะซึมเข้าไปในร่างกายและมันจะกลายเป็นหินที่ไร้ประโยชน์ทันที

 

เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ถูกพิษของปะการังสีม่วง เขารู้เรื่องนี้เมื่อเขาใช้การฝังเข็มของเขาเพียงแค่นั้น ผู้ที่ถูกวางยาพิษด้วยปะการังสีม่วงไม่สามารถมองเห็นอาการได้ทันที หากร่างกายมีสุขภาพดีอาการจะเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อผ่านไป 10 ปีหรือแม้กระทั่งทศวรรษถัดไป แต่ถ้าอาการเริ่มเกิดขึ้นและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ความตายจะเป็นทางเดียวสำหรับพวกเขา

อาการเป็นพิษในช่องปากที่เป็นสีม่วง เป็นตัวการสำคัญที่แสดงให้เห็นของทุกอาการที่มี อวัยวะจะค่อยๆ เสื่อมลงเหมือนปะการังจนตายในที่สุด จากการหายใจไม่ออก ชายชราคนนี้มีอาการพิษปะการังสีม่วงโดยทั่วไป ถ้าเย่โม่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ เขาสามารถขจัดพิษอย่างช้าๆ ด้วยสมุนไพร แต่โชคดีที่เย่โม่กลายเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่ในขั้นแรก เขาจึงต้องใช้พลังลมปราณเพื่อเอาออก

อย่างไรก็ตาม เย่โม่ไม่ได้คาดหวังให้โลกมีแร่ธาตุดังกล่าว ถ้าเขาสามารถหามันมาได้คงจะน่ายินดีไม่น้อย

 

“อะไรนะ? คุณบอกว่าคุณรู้ว่าโรคของปู่ฉันคืออะไรงั้นหรอคะ? ตราบเท่าที่คุณสามารถรักษาคุณปู่ของฉันได้ ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ!” หญิงสาวที่ชื่อชิงเอ๋อได้ตอบโต้หลังจากเวลาผ่านไป และขณะที่เธอพูดอยู่มือเธอกลับสั่นอย่างไม่รู้ตัว
ชายชรามีใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ น่าแปลกใจมากที่หมอหนุ่มคนนี้สามารถปลุกเขาได้ เขาไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าความเจ็บป่วยของเขาว่ามันเป็นอย่างไร “เรื่องนี้ดูไร้สาระมาก มาตรฐานทางการแพทย์ของโรงพยาบาลหลี่คังในเมืองหนิงไห่สูงขึ้นแล้วงั้นหรอ? แม้แต่แพทย์ฉุกเฉินก็รู้สภาพของฉัน มันเป็นไปได้ยังไง?”

ขณะเดียวกัน เย่โม่กำลังคิดกับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวไว้ เธอจะทำอะไรได้บ้างนะ เขายิ้ม เขากำลังจะใช้คำพูดของผู้หญิงคนนี้เป็นบรรทัดฐาน และเขาก็สรุปได้ว่าครอบครัวของผู้หญิงคนนี้อาจจะร่ำรวยมาก ในกรณีนั้นเขาไม่จำเป็นต้องอดทนกับสิ่งใด เนื่องจากเขาต้องการเงิน มันก็คงจะยุติธรรมที่เขาจะได้รับเงิน

คิดถึงเรื่องนี้เย่โม่กล่าวกับพยาบาลที่ปากของเธอยังอ้าค้างด้วยความตกตะลึง ”คุณออกไปก่อน ผมต้องการพูดคุยกับผู้ป่วยและครอบครัวของเขา”

หลังจากที่นางพยาบาลออกไป เย่โม่เคาะโตะและใคร่ครวญก่อนที่จะพูดออกมาว่า ”ผมสามารถรักษาโรคนี้ได้”

 หญิงสาวที่ชื่อชิงเอ๋อทิ้งโทรศัพท์ของเธอและแบตเตอรี่กระเด็นออกมา เธอดูเหมือนไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์ของเธอได้ตกไปแล้ว
“คุณหมอ คุณสามารถรักษาโรคของคุณปู่ได้จริงหรอคะ ทำมันได้จริงๆ หรอ?” ชิงเอ๋อไม่ได้ให้ความสนใจกับโทรศัพท์ของเธอ กลับกันเธอวิ่งไปตรงหน้าของเย่โม่ และคว้ามือของเขาและถามอย่างกังวลใจ

ชายชรามองไปยังโย่โม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าเย่โม่โกหก เพราะการกระทำของเย่โม่ก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นแพทย์ที่เก่งมาก ดังนั้นเมื่อเขาพูดมาแบบนี้มันต้องหมายความว่าเขารู้วิธีที่จะรักษา


“อืมม ผมหมายถึง….เอาล่ะชิงเอ๋อนั่งลงก่อนและค่อยคุยกัน” เย่โม่เพลิดเพลินกับการคว้าจับของสาวสวย ชิงเอ๋อคนนี้ดูน่ารักกว่าฉูเหม่ย ถ้าชิงเอ๋อไปที่มหาวิทยาลัยหนิงไห่ ฉูเหม่ยคงจะต้องบอกให้เธอเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัยหนิงไห่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชิงเอ๋อไม่ได้ทำให้คนรู้สึกอึดอัดเหมือนกับฉูเหม่ย

เมื่อเห็นว่าหมอที่เรียกเธอว่าชิงเอ๋อ (เอ๋อ หมายถึง คำเรียกที่ใช้แสดงความผูกพันธ์มากๆ ส่วนใหญ่จะถูกใช้โดยพ่อแม่หรือคนรัก) หญิงสาวก็เขินอายและปล่อยมือของเย่โม่ แล้วนั่งลงข้างๆ ชายชราอย่างเงียบๆ เธอไม่แน่ใจว่าเย่โม่ที่ไม่ทราบชื่อจริงของเธอ  อาจเรียกเธอตามที่ปู่เรียกเท่านั้นหรือยังไง
ชายชราหัวเราะ เมื่อเห็นหลานสาวของกลายเป็นคนขี้อาย และรู้สึกว่าสถานการณ์ค่อนข้างน่าสนใจ

 

“คุณต้องการรักษาแค่อาการหรือจะรักษาโรคที่มีอยู่?” เย่โม่ถามอย่างฉลับพลัน

“อะไรคือรักษาแค่อาการหรือจะรักษาโรคที่มีอยู่? ถึงตอนสุดท้าย ฉันยังคงต้องการรักษาปู่ของฉันอย่างสมบูรณ์อยู่ดี” พอเห็นว่าเย่โม่กลับมาที่หัวข้อการรักษา ชิงเอ๋อก็ถามกลับทันที่ ขณะที่ใบหน้าของเธอค่อยๆ ลดสีลงจากใบหน้าที่แดงก่ำ ขณะนั้นเธอคิดกับตัวเองว่าดวงตาของหมอคนนี้ช่างดูปราดเปรื่อง แต่มันช่างน่าเสียดายที่เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้

เย่โม่กล่าวว่า ”ด้วยความสามารถในปัจจุบันของผม ถ้าเลือกที่จะรักษาโรค มีโอกาสสำเร็จแค่ 70% เท่านั้น อีก 30% คุณปู่ของคุณที่จะตาย แต่ถ้ามันเป็นเพียงรักษาอาการแล้วละก็ มีโอกาสสำเร็จ 100% และมันจะปล่อยให้คุณปู่ของคุณมีชีวิตไปอีก 3 ปี ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดคุณจำเป็นต้องจ่ายสิ่งตอบแทนในการรักษาครั้งนี้ พวกมันเป็นยาส่วนตัวของผมในฐานะแพทย์”

 

แม้ว่าเย่โม่จะเป็นคนหัวโบราณเล็กน้อยที่บอกว่ามีโอกาส 70% แต่มันก็เป็นไปตามคาดการณ์ของพลังในปัจจุบันของเขา แม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาจะดี แต่พลังของเขามีเพียงแค่ขั้นแรก ถ้าเขาไปยังขั้นที่ 2 เมื่อนั้นเขาจะมีโอกาส 90% และเมื่อถึงขั้น 3 จะมีโอกาส 100%

“หืออ เป็นไปได้ยังไงกัน? คุณปู่…” ชิงเอ๋ฮเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถตัดสินใจได้และมองไปที่คุณปู่ของเธอด้วยความลำบาก เธอหวังว่าคุณปู่ของเธอจะให้ความคิดดีๆ แก่เธอ

รีวิวผู้อ่าน