วันที่สองแล้วที่เย่โม่ไม่ได้ไปสวนทะเลสาบชิงดู่เพื่อฝึกซ้อม ในทางกลับกันเขาตื่นขึ้นมาตอนเช้าและฝึกฝนหมัดในสวนที่บ้าน จากนั้นเขาก็ออกไปซื้อกล่องใส่ยาและชุดเข็มสีเงินนอกจากสิ่งเหล่านี้เขายังซื้อสมุนไพรมาเป็นกำ ทำเม็ดยาและซุปที่เรียบง่าย แต่แน่นอนว่าวิธีการทำพวกมันขึ้นมาไม่ได้ง่ายดายนัก อย่างไรก็ตามสำหรับเย่โม่สิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะตั้งแผงลอย
ด้วยวิธีนี้เงินที่เหลืออยู่ของเขาเข้าสู่ภาวะวิกฤติทางการเงินอีกครั้ง เมื่อเสร็จการเตรียมการทุกอย่างมหาลัยหนิงไห่ก็เปิดเรียนอีกครั้ง มันเป็นปีที่ 4 สำหรับเย่โม่แล้ว
อย่างที่คาดไว้ เย่โม่ไม่ผ่านแม้แต่ซักวิชาเดียวและยังต้องทำการสอบซ้ำทุกรายการ แต่ถึงอย่างนั้นเย่โม่ก็ไม่ได้ไปติดต่อกับทางมหาลัยเลย ถ้าเป็นนักศึกษาปกติ เขาจะถูกลงโทษอย่างหนักหรือถูกบังคับให้ออกจากมหาลัยเมื่อเขาตกมากกว่า 3 วิชา อย่างไรก็ตามเย่โม่เป็นคนพิเศษ ถึงแม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกจากตระกูลเย่แล้ว แต่ทางมหาลัยก็ไม่อยากให้มีผลกระทบไปถึงตระกูลเย่ไปมากว่านี้ เนื่องจากว่าไม่มีใครรู้ว่าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเย่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาจะต้องออกไปหลังจากจบปีที่ 4 ดังนั้นทางมหาลัยไม่อยากจะเสี่ยงที่จะสูญเสียอะไร ตั้งแต่ที่เขาเข้ามามหาลัยหนิงไห่ครั้งแรก เขาไม่เคยทำให้ตัวเองมีคะแนนอะไรทั้งนั้น สำหรับการสอบซ่อม เย่โม่ไม่สนใจแล้วมันก็ไม่เคยมาอยู่ในใจเขาสักนิด เขาตั้งใจและมุ่งเน้นไปยังเตรียมตั้งแผงลอยที่ตลาดกลางคืนของเขามากกว่าเรื่องพวกนั้น
ทุกๆวัน เย่โม่ไปมหาวิทยาลัยหนิงไห่ด้วยการออกกำลัยกาย เช่น การวิ่ง วัตถุประสงค์หลักการทำเช่นนี้ ก็เพื่อที่เขาจะได้สามารถฝึกทักาะเงาเมฆาของเขาได้ ปัจจุบันในด้านการบ่มเพาะของเขาไม่มีการคืบหน้ามากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ขั้นมนุษย์ได้ ถ้าเขายังฝืนมันก็ส่งผลถึงอารมณ์นึกคิดของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายจากสงครามและความตายที่เกิดขึ้นในทวีปลั่วหยิน ซึ่งนี่มันทำให้เขามีความรู้สึกปลอดภัย
มันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ในมหาลัย แม้ว่าถึงเย่โม่ยังไม่ได้ตั้งแผงลอยแพทย์เถื่อนของเขา แต่เขาก็รู้สึกดีมากขึ้นสำหรับการรุดหน้าในทักษะเงาเมฆาของเขา ตอนเริ่มต้นดูเหมือนว่าจะเป็นไปค่อนข้างไวแต่ขาเขากลับช้าลงจากตอนแรก ซึ่งที่เขาวิ่งเป็นระยะทางทั้งหมด 70 กม.ค่อยข้างเป็นประโยชน์สำหรับเขา
เช้านี้เย่โม่ตื่นมาค่อนข้างสายหน่อยๆ ในขณะที่เขาหลับมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงซึ่งมันมากกว่าที่ผ่านมา เมื่อเขามาถึงมหาวิทยาลัยหนิงไห่ มันก็เป็นเวลา 7 โมงเป๊ะ หลังจากไปที่ร้านอาหารเล็กๆ นอกมหาวิทยาลัยเพื่อกินเต้าหู้และขนมปังแล้ว มันก็เกือบ 8 โมง
“พี่ใหญ่ คุณต้องการซื้อดอกไม้หรือไม่?” ด้านนอกร้านอาหารมีเด็กหญิงตัวน้อยยืนถือดอกไม้หอบใหญ่ เธอดูเครียดและกลัวเมื่อมาถึงตัวเย่โม่และถาม
เย่โม่มองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยและสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเธอค่อนข้างบาง มันเป็นเดือนกันยายนและในตอนเช้าทุกๆ วันอากาศจะเย็นมากๆ สาวน้อยคนนี้กลับออกมาขายดอกไม้ตอนนี้? ครอบครัวของเธอต้องมีปัญหาบางอย่าง เย่โม่นึกไปถึงช่วงเวลาที่เขายังเด็กๆ เขาเป็นเด็กกำพร้าจนกระทั่ง 9 ขวบ เมื่อเวลานั้นเขาถูกนำตัวไปด้วยชายชราผู้นำนิกายลัทธิเต๋าเก่าแก่แห่งนึง อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงปีเดียวชายชราลัทธิเต๋าก็ได้เสียชีวิตลง หลังจากที่ชายชราลัทธิเต๋าเสียชีวิตไปเขาก็ได้ไปติดตามอาจารย์ลั่วหยิ้งและจากที่เขาได้ติดตามเธอมันทำให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์และดีขึ้นอย่างมาก
“เธอไม่ไปโรงเรียนหรือไง?” เย่โม่คิดกับตัวเองว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเวลาเรียน มันเป็นระบบบังคับที่ต้องไปเรียนสำหรับเด็ก 9 ขวบ และเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้คงต้องถูกคาดหวังเรื่องที่โรงเรียน
“วันนี้เป็นวันเสาร์ หนูออกมาช่วยพี่สาวคนโตของหนูขายดอกไม้” เสียงเด็กสาวตัวน้อยนี้เบามากๆ แต่เย่โม่ยังสามารถได้ยินความไม่สบายใจของเธอได้ แต่เย่โม่ยังคงถามต่อ ”เอาล่ะ ฉันจะซื้ออันละเท่าไหร่?”
ในขณะเดียวกันที่เขาประหลาดใจว่ามันเป็นวันเสาร์แล้ว เขามัวแต่วิ่งไปรอบๆทุกวันจนลืมเวลา
“5 เหรียญสำหรับหนึ่งอันคะ ถ้าซื้อเยอะๆก็จะเหลือแค่อันละ 3 เหรียญคะ” เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ นี้เธอได้ยินว่าเย่โม่กำลังจะซื้อดอกไม้ ฉับพลันเสียงของเธอสดใสทันที มันค่อนข้างชัดเจนว่าคำพูดของเย่โม่ทำให้เธอมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา
“เอโค ฉันจะเอาดอกไม้ทั้งหมดของเธอละกัน นี่เงิน” เย่โม่มองไปที่กุหลาบในมือของเด็กหญิงตัวน้อย มีประมาณยี่สิบหรือมากกว่า เขาเอาธนบัตร 100 เหรียญออกมาและให้เด็กหญิงตัวน้อย เขาหยิบดอกไม้ออกมาจากมือเด็กหญิงตัวเล็ก และจะหันไปหาที่ทิ้ง
“พี่ใหญ่ หนูต้องการคืนพี่ค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยเห็นว่ามันเป็นแบงค์ 100 เหรียญ และเย่โม่เอาพวกมันไปทั้งหมด เธอจึงต้องคิดพวกมันเพียงแค่อันละ 3 เหรียญ
“ไม่จำเป็น ดอกไม้ที่ฉันซื้อให้แฟนไม่ควรลดราคา!” เย่โม่เอาดอกไม้แล้วหายไปในประตูของมหาวิทยาลัยหนิงไห่
ถ้าเป็นหลังจากที่เลิกเรียนเย่โม่อาจจะได้ให้ดอกไม้เหล่านี้ให้กับชูเหว่ย อย่างไรก็ตามขณะนี้เขายังอยู่ในมหาวิทยาลัย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาถังขยะและทิ้งมันเท่านั้น
“ฮ่าา คนที่เพิ่งซื้อดอกไม้นั้นมันใช่เย่โม่จากมหาลัยเรารึเปล่า? เขามีแฟนจริงๆหรอ? คำพูดเขาเหมือนคำปรัชญาเลย ‘ดอกไม้ที่ฉันซื้อให้แฟนไม่ควรลดราคา!’ ใครเต็มใจที่จะเป็นแฟนของเขากัน?” สาวสองคนที่หน้ามหาลัยเห็นเย่โม่ซื้อดอกกุหลาบแล้วเดินเข้าไปในมหาลัย และคนหนึ่งที่รู้จักเย่โม่ถามขึ้นอย่างซักไซร่
“นั้นเย่โม่หรอ?” สาวคนอื่นๆมีความอยากรู้อยากเห็น และเธอคนที่มาถามมีความมั่นใจมากๆ ว่าเธอสวยกว่าผู้หญิงที่กำลังพูดด้วยตรงหน้า ความหมายของคำพูดของเธอชัดเจน เธอได้ยินว่าคำว่าเย่โม่ แต่ไม่มั่นใจว่าเป็นเขา
“ฉูเหม่ยเธอเป็นราชินีของมหาวิทยาลัยหนิงไห่ มันเป็นที่แน่นอนว่าเธออาจไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวน่าสลดของเขา แต่ฉันรู้จักคนนี้ ว่ากันว่าเขาโชคร้ายมากๆ ลองตามเขาไป และดูว่าใครเป็นแฟนของเขากันเถอะ”หญิงข้างๆก็หัวเราะขึ้นเมื่อเธอคนนี้พูดจบ
“เยี่ยนซือ ฉันรู้สึกว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจซื้อมันให้แฟนเขาหรอก เขาซื้อเพื่อเด็กสาวตั้งหาก” หญิงสาวที่ชื่อฉูเหม่ยกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
ก่อนที่เยี่ยนซือจะตอบกลับ ก็มีเสียงอื่นแทรกเข้ามาก่อน “เสี่ยวเหม่ย ผมกำลังหาคุณอยู่พอดีเลย ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณที่หน้ามหาลัย คุณน่าจะว่างในวันนี้ ดังนั้นให้ผมชวนคุณไปรับประทานอาหารค่ำ และโปรดอย่าบอกผมว่าคุณไม่มีเวลานะ!”
BMW X7 จอดอยู่นอกมหาลัย และคนที่โผ่ลออกมาจากรถเป็นปรากฎกเป็นชายหนุ่มที่ดูดีคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามผิวของเขามีความซีดจางดูไม่แข็งแรง แต่เมื่อเขาเห็นฉูเหม่ย ใบหน้าของเขาก็เบ่งบานขึ้นด้วยความสุข
“มันคือ เชิ่งเหวินเชียวเขากระเป๋าหนักมากที่สุดเป็นอันดับสองของมหาลัย เหม่ยเหม่ยเธอมีเสน่ห์จริงๆ สาวที่สวยที่สุดและคนที่ร่ำรวยที่สุด ฉันละอิจฉาเธอจริงๆ…” เยี่ยนซือมองไปที่ฉูเหม่ยด้วยความอิจฉา ตาของเธอดูเหมือนจะพูดว่า ”ถ้าฉันเป็นฉูเหม่ย…”
ใบหน้าของฉูเหม่ยซีดลงขณะมองไปรอบๆ และเห็นชายหนุ่มคนนั้น เธอขอโทษชายร่ำรวยนั้นทันที ”ขอโทษนะแฟนของฉันอยู่ที่นี่แล้ว”
หลังจากกล่าวเสร็จเธอวิ่งไปสองสามก้าวมาข้างๆ เย่โม่ และจับแขนเขาไว้ด้วยมือของเธอ จากนั้นเธอก็ใช้เสียงด้วยโทนที่อ่อนนุ่มและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อและกล่าวว่า”โถ่ ทำไมถึงพึ่งมาละ ฉันรอนายตั้งนานแหนะ นายซื้อดอกไม้พวกนี้ให้ฉันหรอ? พวกมันสวยมากเลย!”
เย่โม่คาดไม่ถึงกับเรื่องนี้ และคิดกับตัวเองว่า ”ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันมีแฟนสวยขนาดนี้? ทำไมฉันไม่รู้?”
แต่เย่โม่เห็นว่าไม่ไกล เชิ่งเหวินเชียวที่เพิ่งออกมาจากBMWของเขาและมีใบหน้าที่ว่างเปล่า ทันทีที่เขารู้ว่าเขาถูกใช้เป็นโล่ เห็นสาวสวยที่กอดแขนเขาไว้กำลังยิ้ม เย่โม่หัวเราะเย้ยหยันในหัวใจของเขาทันที ความรู้สึกรังเกียจลุกขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเพราะเธอสวยนิดหน่อย เธอจึงสามารถทำเช่นนี้กับผู้คนได้ สำหรับเธอมันเป็นเพียงบางสิ่งบางอย่างที่เรียบง่ายเช่นการใช้เขาเป็นโล่ หลังจากนั้นเธอก็ส่ายก้นของเธอและจากไป แต่เขาจะถูกทิ้งให้จัดการกับความรักอันอื่นๆ ราวกับว่านี่เป็นเกียรติของเย่โม่ที่เธอมาใช้เขา ผู้หญิงคนนี้หลงตัวเองมากเกินไปแล้ว