“แม่ หนูจิงเหวินเอง แม่ได้ยินหนูไหม? แม่…” ฉูจิงเหวินคว้ามือมารดาและเรียกเธอซ้ำไปซ้ำมา
มือของเธอเริ่มมีการเคลื่อนไหวและคิ้วของเธอเริ่มมีการขยับอย่างช้าๆ ดวงตาเธอเปิดขึ้นมันเต็มไปด้วยความสับสน เธอมองไปที่ลูกสาวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุขและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าฉูจิงเหวินกลับโผเข้าหาออมแขนเธอและร้องไห้ดังๆออกมา “แม่ในที่สุดแม่ก็ตื่น ฮึก หนู หนู… ”
“เหวินเหวิน…” หญิงสาวบนเตียงค่อยๆลุกขึ้นมา เธอรู้สึกว่าแสงบางอย่างและอากาศที่สดชื่นกำลังหมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายของเธอ มันทำให้จิตวิญญาณเธอกำลังฟื้นฟู
“เกิดอะไรขึ้นกับแม่กัน เหวินเหวิน? ” ผู้หญิงบนเตียงตื่นขึ้นมาและพยายามจะนั่ง อย่างไรก็ตามระยะเวลาการนอนของเธอทำให้แขนขาเธอรู้สึกอ่อนล้า ทำให้เธอไม่สามารถนั่งได้แต่ถึงเธอจะทำไม่ได้ เธอกลับรู้สึกว่าแขนขาเธอกำลังฟื้นกำลังมาอย่างช้าๆ
ฉูเจียงซ่งมองฉากที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจด้วยปากที่เปิดกว้าง เขารู้สึกงงงันเขาไม่พูดสิ่งใด และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ในโลกนี้กลายเป็นจริง
……
เย่โม่รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับที่พักใหม่ เขามีเงินหลายหมื่นเหรียญอยู่กับตัวเขาตอนนี้ และช่วงนี้เขาไม่จำเป็นต้องออกไปหาเงิน ทุกๆวันเขาอยู่ในบ้านเพื่อบ่มเพาะและย้ายหญ้าจิตสีเงินลงในกระถาง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เย่โม่ก็เหมือนจะรู้ว่าคนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกนั้นเป็นหญิงสาวอายุ 20 ปีที่เช่าอยู่ อย่างไรก็ตามในทุกๆคืนเย่โม่ใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะและไปลานกว้างในตอนสายๆเพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ และในขณะเดียวกันหญิงสาวคนนั้นก็ดูเหมือนจะไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่และเมื่อเธอกลับมาในแต่ละวัน เขาก็เข้าห้องไปบ่มเพาะแล้ว เพราะอย่างงั้นทั้งสองจึงไม่ได้เห็นกันและกัน
เย่โม่ไม่สนใจผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตะวันตกไม่ว่าเธอจะเป็นแบบไหนก็ตาม ถึงการใช้ชีวิตของเขาจะธรรมดาๆ แต่เขาก็มีเวลาไม่มากพอกับสิ่งอื่นๆเพราะการบ่มเพาะของเขาในแต่ละวัน เขาเลือกที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าไปคุยกับผู้หญิง
แม้ว่าชูเหว่ย รู้ว่าเจ้าของบ้านได้ให้คนอื่นเช่าบ้านทางทิศตะวันออกแต่เธอก็ไม่รู้ว่าคนที่มาเช่าเป็นแบบไหน เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่อายุเท่าๆกับเธอเท่านั้น อย่างไรก็ตามเธอไปทำงานทุกวันเวลา 6 โมงเช้าและเมื่อกลับมาถึงมันก็เป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นเขาคนนั้น
ขณะที่ชายคนนี้ไม่เคยปรากฎให้เธอเห็นไม่ว่าจะเป็นเวลาก่อนหรือเลิกงาน และถ้าดอกไม้มันไม่ถูกใส่กระถางในแต่ละวัน เธอคงจะคิดว่าคนๆนี้ไม่มีตัวตนอยู่เลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอจึงเข้าใจว่าคนตรงข้ามห้องเธออาจจะเป็นพวกเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
ยังคงมีอีกครึ่งเดือนที่เหลืออยู่ก่อนมหาลัยจะเริ่มเรียน การบ่มเพาะเดือนที่ผ่านมาของเย่โม่นั้นทำให้ลมปราณในร่างเขาค่อนข้างบริสุทธิ์ แต่มันยังคงห่างไกลกับขั้นสองของพลังลมปราณ ตรงนี้มันแสดงให้เห็นว่าพลังลมปราณในโลกนั้นกระทบต่อการบ่มเพาะมากเพียงใด ยังไงก็ตามศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ได้ล้าหลังและเขาก็เริ่มมีความชำนาญมากขึ้น
เย่โม่รู้ว่าเขาบรรลุขั้น 2 โดยอยู่แบบเดิมๆอย่างเดียวไม่ได้ มันจะเป็นไปไม่ได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก อย่างไรก็ตามสมุนไพรจีนในร้านค้าเหล่านั้นไม่สามารถช่วยให้เขาทะลุผ่านมันไปได้ ความหวังเดียวของเขาคือหญ้าจิตสีเงินที่วางไว้ในสวน แต่มันมีหญ้าจิตสีเงินเพียงอันเดียวเท่านั้น ดังนั้นเย่โม่ต้องการให้หญ้าจิตสีเงินนี้มีความอุดมสมบูรณ์ เมื่อเป็นอย่างงี้ต่อไปมันจะมีเมล็ดและเขาก็จะสามารถปลูกต้นอื่นๆขึ้นมาได้
ถึงจะคิดแบบนั้นระยะเวลาการเจริญเติบโตของหญ้าจิตสีเงินคือ 2 ปี แต่บางทีหญ้าจิตสีเงินอาจจะงอกด้วยตัวมันเองและอาจจะมีมันรอบๆภายใน 1 ปี แม้เย่โม่จะค่อนข้างระมัดระวังกับการบ่มเพราะ มันคงจะเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปีก่อนที่มันจะเจริญเต็มที่ 1 ต้นและเขาก็สามารถเก็บเกี่ยวผลของมันได้ แต่ว่าอย่างน้อยมีความหวังที่ดีก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้หวังเลย
เย่โม่เดินออกมาและเห็นว่ามีผู้หญิงอายุราวๆ 20 ปีกำลังซักผักอยู่ในสวน ในทันทีเขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามห้องเขา ก่อนหน้านี้เธอมักซักผ้าในตอนกลางคืน ทำไมเธอถึงไม่ไปทำงานในวันนี้และซักเสื้อผ้าตอนเช้า? เมื่อชูเหว่ยเห็นเย่โม่เดินมาในลานบ้านมุมปากของเธอก็มีรอยยิ้มขึ้น นี้มันไอ้พวกชอบเก็บตัว เธออยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ไม่เคยได้พบกับเขาด้วยตนเองเลย ถ้าไม่ใช่ว่าเพื่อนร่วมงานเธอแลกเปลี่ยนกะกลางคืนกับเธอเพราะกำลังจะแต่งงานในช่วงสองสามวันนี้ เธอก็คงไม่ได้เห็นเขา เจ้านี่เป็นคนเก็บตัวคนนั้นจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้ดูแย่อะไรทำไมเขาถึงไม่ออกมา? เธอสงสัยว่าเขาทำงานอะไร
“สวัดดีฉันชื่อชูเหว่ยอยู่ตรงข้ามห้องนายและฉันทำงานที่โรงพยาบาลหลี่คัง”
ชูเหว่ยเปิดใจทักทายเย่โม่ เย่โม่ยิ้มและพยักหน้า “ผมเย่โม่เป็นคนตกงานไม่มีงานทำ”
นี่เป็นครั้งแรกของเย่โม่ที่ได้เห็นชูเหว่ย เธอเป็นสุภาพสตรีที่อ่อนโยนมาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเป็นของแท้ ผมของเธอหยักโศกและดูเหมือนมันจะไม่ยาวมากนัก อย่างไรก็ตามผิวของเธอขาวมากและแม้ว่าเธอจะไม่สวยเท่าผู้หญิงที่ซื้อยันต์จากเขา เธอก็ไม่อยู่ไกลมากเกินไป
“นายไม่ได้ทำงาน?” ได้ยินว่าเย่โม่เขาเป็นคนตกงานและไม่มีงานทำ ชูเหว่ยเริ่มเครียดในหัวใจของเธอ อายุช่วงวัยนี้ไม่มีงานทำและอยู่บ้านเช่าตลอดทั้งวัน นี่หมายถึงอะไร? มันไม่มีWifiที่นี่ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเล่นเกมที่บ้านได้ นอกจากนี้เขาดูปกติติดีไม่เหมือนพวกที่เก็บตัวอยู่ในห้องที่ชอบหลบสายตา กลับกันเขากลับกำลังพินิจเธอ คนนี้เป็นผู้ร้ายหลบหนีหรือไม่?
ขณะนั้นหัวใจของชูเหว่ยเริ่มเต้นแรง
ในเวลาเดียวกันเย่โม่ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญกับสิ่งที่ชูเหว่ยจะคิด สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือมองไปที่หญ้าจิตเงินและไปดูแลดอกไม้อื่นๆ จากนั้นเขาวางแผนที่จะฝึกฝนทักษะต่อสู้ แต่นึกได้ว่าชูเหว่ยยังอยู่ข้างๆจึงกล่าวลาก่อนที่จะไป
เมื่อเห็นเย่โม่เดินออกไปเธอก็สงบลง คิดเรื่องที่เขาดูแลเอาใจใส่ดอกไม้เป็นพิเศษ เธอคิดว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องเกี่ยวกับเขามากเกินไป ผู้ร้ายหลบหนีจะมีใจในการดูแลดอกไม้หรอ? ตัดสินจากเสื้อผ้าของเขาเธอเข้าใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ไม่ดี แต่จริงๆเธอก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ทุกวัน
……
สวนทะเลสาบชิงดู่เป็นสวนที่อยู่ใกล้กับที่พักที่เย่โม่อาศัยอยู่ ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ยังมีทะเลสาบใสๆ และมีผู้สูงอายุจำนวนมากหรือผู้ที่ชอบออกกำลังกายที่นี่ เย่โม่เคยมาก่อนหน้านี้เมื่อช่วงแรกๆ เขาชอบฝึกศิลปะการต่อสู้ในสนามที่บ้าน ดังนั้นวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่เพื่อฝึกฝน
อากาศที่นี่ไม่เลว และสภาพแวดล้อมก็ดีกว่าในสนามเยอะ หลังจากเสร็จสิ้นการหาที่ผึกซ้อมเย่โม่พอใจมาก ลมปราณของเขาบริสุทธิ์ขึ้นแม้ว่ามันจะยังห่างไกลจากขั้นสอง แต่มันดีจะดีในระยะยาวที่เขาได้ปรับปรุงมา
“ทักษะต่อสู้ของเธอสุดยอดมากเพื่อนตัวน้อย ฉันเคยเห็นทักษะต่อสู้ต่างๆมากมาย แต่ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าทักษะที่เธอใช้เป็นเช่นไร น่าเสียดายๆ” เมื่อเย่โม่เสร็จการฝึก ชายวัยกลางคนวัย 30 ปีเข้ามาและกล่าวชมเขา