px

เรื่อง : บัญญัติครองสวรรค์
บทที่ 31 : ศิษย์แต่ละระดับ (2)


ศิษย์ระดับ D จะได้รับหินจิตวิญญาณ 1 ก้อนในทุก ๆ สามเดือน ส่วนศิษย์ระดับ C จะได้รับหินจิตวิญญาณ 1 ก้อน ในทุก ๆ 2 เดือน ขณะที่ศิษย์ระดับ B จะได้รับหินจิตวิญญาณ 1 ก้อน ในทุก ๆ 1 เดือน และศิษย์ระดับ A จะได้รับหินจิตวิญญาณ 2 ก้อน ในทุก ๆ 1 เดือน มีการแจกหินจิตวิญญาณครบทั้ง 4 ระดับ ในวันที่ 15 ของเดือนนี้ เพราะปกติแล้วด้วยความถี่ในการแจกหินจิตวิญญาณที่ไม่เหมือนกัน จึงยากที่ศิษย์ในแต่ละระดับจะมาประชุมพร้อมกันเพื่อรับแจกหินจิตวิญญาณร่วมกันได้

 

“ศิษย์น้องฝางซิง เจ้าตื่นหรือยัง ?”

 

หยูซานเหลียงวางแผนจะพาฝางซิงไปรับหินจิตวิญญาณจากสำนัก จึงรีบมาที่หน้ากระท่อมของฝางซิงตั้งแต่เช้า

 

“เจ้ามาเอะอะทำไมแต่เช้ากันเนี่ย ?”

 

แต่เพราะฝางซิงเพิ่งได้นอนภายหลังจากฝึกมาตลอดทั้งคืน เขายังนอนหลับไม่เต็มตื่น จึงดูสะลึมสะลือ และหงุดหงิดที่ถูกปลุก

 

“โอ้..ศิษย์น้องตื่นได้แล้ว ทำไมเจ้าจึงดูงัวเงียจัง เราต้องรีบไปแต่เช้า เผื่อเจอเหตุผิดวิสัยกลางทาง”

 

นักพรตอ้วนลากตัวฝางซิงออกมา สวมเสื้อคลุมให้ฝางซิงที่ยังคงยืนงุนงงอยู่อย่างรวดเร็ว

 

สถานที่แจกหินจิตวิญญาณอยู่ที่ ศาลาชิงมู่ซึ่งไกลออกไปอีก 10 ลี้ (5 กิโลเมตร) แม้จะยังเช้าอยู่มาก แต่ก็เห็นบรรดาศิษย์ใหม่จำนวนมากกำลังเดินไปที่นั่น จนเห็นเป็นเงาตะคุ่ม ๆ ทุกคนต่างกำลังเดินด้วยความเร่งรีบ

 

และเมื่อพวกเขามาถึง ศาลาชิงมู่พวกเขาก็พบกับแถวที่ยาวมาก ๆ

 

มีเพียงแถวซ้ายสุดของระดับ A เท่านั้นที่เกือบจะว่างเปล่า ในบรรดาศิษย์นอกนับพัน ๆ คนนั้น ศิษย์ระดับ A มีแค่ไม่เกิน12 คน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบมา ภายในศาลาเล็ก ๆ นั่นมีชายสูงอายุผมสีเงินคนหนึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับศิษย์ระดับ A บางคนพร้อมกับโบกพัดในมือไปมาอย่างช้า

 

ส่วนแถวถัดมาเป็นระดับ B ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นกว่ากลุ่มแรก แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังลมปราณค่อนข้างสูง

 

ศิษย์ระดับ B เป็นศิษย์ที่มีคุณภาพมาก มีอยู่ประมาณ 100 คน เมื่อเทียบกับระดับ A ก็ดูด้อยกว่าบ้างเล็กน้อย แต่หากเทียบกับระดับ C และ D พวกเขาก็ไม่ต่างจากอัจฉริยะ

 

ถัดมาอีกแถวเป็นระดับ C ศิษย์ในระดับนี้มีมากกว่า 300 คน ตอนนี้พวกเขาเริ่มเข้าแถวกันยาวพอควร เฝ้ารอรับทรัพยากรอย่างหิวกระหาย แม้จะดูไม่เย่อหยิ่งเท่าระดับ B แต่สายตาของพวกเขาที่มองพวกระดับ D ก็อดไม่ได้ที่จะดูถูก

 

ส่วนแถวระดับ D ซึ่งต่ำต้อยที่สุดในจำนวนศิษย์นอกนั้น แถวยาวมาก ตอนนี้ก็มีไม่น้อยกว่า 600 คนแล้ว 100 คนแรกของแถวอยู่ในบริเวณศาลา ส่วนที่เหลือนั้นล้นออกมาข้างนอก ต่างคนต่างก็ยืดหัวออกไปดูต้นแถวด้วยสีหน้าตื่นเต้น เฝ้าดูว่าแถวของพวกเขาจะขยับเขยื้อนไปข้างหน้าบ้างหรือยัง ต่างก็รอคอยจะนำหินจิตวิญญาณเก็บใส่กระเป๋าของตน

 

บางคนรับรู้ถึงสายตาเหยียดหยามจากพวกระดับ C แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะจ้องกลับ แสดงให้เห็นถึงความต่ำต้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

อธิบายง่าย ๆ ศิษย์ระดับ B ก็ดูถูก ศิษย์ระดับ C และ D ส่วนศิษย์ระดับ C ก็ดูถูกระดับ D ลดหลั่นกันลงมา ส่วนศิษย์ระดับ D เองก็ดูถูกตัวเองเช่นกัน แต่ก็มีข้อยกเว้นนะ พวกที่ร่ำรวย และมาจากตระกูลที่มีอำนาจ คนพวกนี้มีเงินมากพอจะซื้อหินจิตวิญญาณได้เอง

 

อย่างไรก็ตาม ศิษย์พวกนี้ก็จะไม่มาเข้าแถวแต่เช้า เพื่อหินจิตวิญญาณแค่ก้อนสองก้อน ที่พวกเขาไม่เห็นค่า

 

“มองแบบนี้ทำไม ? อยากโดนควักลูกตาเหรอ ?”

 

ณ แถวระดับ D ฝางซิงเข้าแถวอย่างเกียจคร้าน และเบื่อหน่าย ทำให้ชายคนหนึ่งจากแถวระดับ C มองเขา พลางหัวเราะเยาะเย้ยอย่างขบขัน นั่นทำให้ฝางซิงตวาดแว้ดออกไปทันที

 

ศิษย์ระดับ C คนนั้นดูท่าทางอ่อนแอ แม้จะสวมเสื้อคลุมก็ดูคล้ายนักปราชญ์มากกว่าจะเป็นศิษย์นอกสำนัก เขาเห็นฝางซิงถูกขนาบข้างด้วยคนตัวสูง ๆ ยิ่งคนที่อยู่ข้างหน้าฝางซิงอ้วนมาก ก็ยิ่งทำให้ฝางซิงดูตัวเล็กลงไปอีก เขาก็อดไม่ได้ที่จะขบขัน แต่ใครจะคิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะหงุดหงิดง่ายเช่นนี้ กันเล่า ? แค่เห็นเขาแวบเดียว ฝางซิงก็ใช้คำด่าว่าเขายังกับหมู

 

แม้ศิษย์ระดับC คนนั้นจะดูอ่อนแอ แต่เขาก็ยังดูถูกศิษย์ระดับ D เหมือนคนอื่น ๆ ไหนเลยจะยอมลดตัวลงให้พวกระดับ D กล่าวว่าได้เช่นนี้ แถมยังเป็นเด็กน้อยที่อยู่ระดับต่ำกว่าด้วยจริงไหม ? ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ

 

“ฮึ..เจ้าศิษย์ระดับ D กล้าดียังไง ทำไมไร้มารยาทเช่นนี้ !”

 

“เฮ้..ไอ้ตุ๊ด..เจ้าพูดอะไร ?” เสียงตะโกนดังลั่น เรียกความสนใจผู้คนรอบข้างทันที ฝางซิงไม่ชอบคนประเภทนี้อยู่แล้ว

 

“เจ้าเรียกใครว่าตุ๊ด ?” ศิษย์ที่ดูอ่อนแอคนนั้นถาม ใบหน้าของเขาแดงจัด

 

“ก็เรียกแกแหละ ไอ้ตุ๊ด ไอ้ขันที”

 

ศิษย์ระดับ C กล่าวอย่างโมโหว่า “เจ้าเป็นศิษย์นอกสำนัก ทำไมจึงกล่าวคำหยาบคายเช่นนี้ ?”

 

ฝางซิงโต้กลับ “ขันทีกับตุ๊ดนี่หยาบคายตรงไหน.. !”

 

ศิษย์ระดับ C คนนั้น กระทืบเท้าพร้อมกับชี้ไปทางฝางซิง “เจ้าดูหมิ่นข้า !”

 

ทักษะการด่า และสาปแช่งเช่นนี้ฝางซิงไม่เป็นสองรองใคร ย้อนกลับไปตอนอยู่ที่หุบเขากุ๋ยหยาน ฝางซิงเคยทะเลาะกับพี่น้อง 4 คน เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ และโจมตีเด็กทั้ง 4 ด้วยคำด่า ด่า และด่า จนเด็กทั้ง 4 คนโต้ตอบไม่ทัน กระทั่งเงียบไป พวกเขาทั้ง 4 ตัดสินใจตัดต้นไม้เพื่อให้ฝางซิงตกลงมาเผชิญหน้ากัน ดังนั้น สำหรับการปะทะคารมแค่นี้ สำหรับฝางซิงแล้วเป็นเรื่องง่ายราวกับดื่มน้ำ 1 แก้ว

 

***จบบท ศิษย์แต่ละระดับ (2)***

รีวิวผู้อ่าน