ประมาทเป็นหนทางแห่งความตายโดยแท้จริง
“ไอ้บ้านี่ ! เกือบทำให้แผนของข้าล้มเหลวแล้ว !"
ฝางซิงเตะชายหน้าหนูผีอย่างแรง และยังเหยียบบดขยี้ไปตามเนื้อตัวเขา ก่อนจะพบว่าไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใด ๆ จากชายคนนั้น แน่นอนว่าเขาคงหมดสติไปแล้ว
การที่ลุงสี่มอบขวดยานัตถุ์พวกนี้มาให้เขาหลายขวดก็ไม่เลวนะ หากเขาก็รู้ดีถึงความเสี่ยงอยู่บ้าง เพราะแม้ว่าควันนี่จะไม่ธรรมดา แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามีฝีมือในขั้นสูง ความต้านทานก็จะสูงตามไปด้วย ที่จริงลุงเขาก็ใช้ควันที่มากมายกว่านี้กับเสี่ยวเจี้ยนหมิง โดยใช้อีกาเหล็กพ่นควันพิษเหล่านี้เข้าใส่เสี่ยวเจี้ยนหมิงเป็นจำนวนมาก แต่เสี่ยวเจี้ยนหมิงเพียงแค่ขยับดาบของเขาปัดป้อง จากนั้นก็ฟันอีกาเหล็กจนขาดออกเป็นสองท่อน
นี่แสดงว่าควันเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับผู้ที่อยู่ในขั้นเจ็ดขึ้นไป
เหตุผลที่ฝางซิงตัดสินใจเลือกใช้วิธีนี้ ก็คือก่อนหน้านี้ เพียงไม่กี่วัน เขาได้ทดสอบควันกับตัวเอง เพราะตัวเขาเองก็อยู่ในขั้นที่หนึ่ง เขาใช้ควันเพียงเล็กน้อย มันก็ส่งผลให้เขานอนหลับตลอดทั้งวันทั้งคืน ภายหลังจากนั้นก็ยังคงเหลืออาการวิงเวียน จากจุดนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าเรื่องนี้มันน่าจะเป็นไปได้
"เกิดอะไรขึ้น ?"
มีใครบางคนตะโกนถามมาจากที่ ๆ ไม่ไกลนัก ฝางซิงรู้ทันทีว่าต้องเป็นยามสองคนนั่น
ฝางซิงประหลาดใจ เขาลืมยามที่เฝ้าบริเวณทางเข้าสองคนนั่นไปได้อย่างไรกัน ?
'เวรแล้ว อย่าลน ๆ ข้าต้องไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่าออกนอกแผน ข้าต้องทำต่อให้เสร็จ !”
ฝางซิงกลอกตาไปมา ก่อนจะตะโกนโวยวายดังลั่นออกมาทันที ราวกับเสียงนกที่กำลังแตกรัง
ยามทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาเพื่อตรวจสอบ แล้วพวกเขาก็ชนเข้ากับชายร่างผอม จนขวดยานัตถุ์หลุดออกจากมือ และเมื่อยามคนหนึ่งพยายามที่จะจับขวด ชายร่างผอมก็กระโดดขึ้น และกดฝ่ามือลงบนขวดเพื่อปล่อยควันลงสู่ใบหน้ายามคนนั้น
"เจ้า.. " ยามที่โดนควันร่วงลงไปแล้วก่อนที่เขาจะสามารถพูดจนจบประโยคได้
"เจ้า...เจ้าต้องการอะไร !" ในขณะที่ยามอีกคนตื่นตระหนก เขาสูดดมควันเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รู้สึกวิงเวียน แต่ยังไม่ถึงกับเป็นลม
"ข้าต้องการ... นี่ !" ฝางซิงหัวเราะ พร้อมกับพูด
เขาดึงดาบออกมา และแทงยามคนที่เหลือนั่นทันที
ทหารยามนิ่งงัน เขาพยายามจะหลบ พร้อมกันนั้นก็พยายามแทงดาบบินอาวุธประจำตัวของเขาออกไป
แต่เพราะเขาสูดควันเข้าไปเล็กน้อย ทำให้การตอบสนองของเขาช้าลง การเคลื่อนไหวอาวุธก็ช้าตามไปด้วย ในขณะเดียวกันฝางซิงก็กระโดดตัวลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วถีบหน้าอกเขาจนเขาล้มลงกับพื้น
ยามที่ยังเหลืออยู่คนสุดท้ายได้โอกาสที่จะใช้ดาบบินของตน เขาพยายามสลัดความวิงเวียน เดินให้ตรงทาง เพื่อใช้ดาบบินของตน แต่กระนั้นก็ยังเดินเป๋ซ้ายเป๋ขวา
วิ้ง วิ้ง วิ้ง ... '
แสงสีเงินพุ่งตรงไปยังยามคนนั้นพร้อมกับเสียงที่น่าสยดสยอง
"เข็มเงินนี่หากเข้าไปปักบนตัวเจ้าคงไม่ดีเป็นแน่ ถ้าเจ้ายังไม่อยากตาย วางดาบนั้นเสีย..”
น้ำเสียงของฝางซิงดูเย็นชา และเลือดเย็น ในมือของเขาถือท่อเหล็กไว้ และสิ่งสีเงิน ๆ นั่นก็มาจากท่อนี่เอง
ยามตกตะลึง เขาหันกลับไปมองโดยรอบ จึงเห็นเข็มเงินเป็นแถวปักอยู่ ส่วนใหญ่ปักที่พื้น แต่มีบางส่วนที่ปักอยู่บนต้นไม้ใกล้ ๆ แล้วถ้าหากมันปักบนตัวเขาล่ะ ยามไม่อยากจะคิด
นี่ทำให้หัวใจของเขาเย็นเยียบ เป็นเข็มเงินที่น่ากลัวจริง ๆ หากถูกปักลงบนร่าง
"เลือกเอาอยากจะอยู่หรือตาย..."
ฝางซิงถามขึ้นทันที เขายกท่อเหล็กนั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ ! ข้าจะวางมีดของข้า !"
ยามนั่นเป็นเพียงศิษย์นอกที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน เขายังมีความฝันอันสวยงามรออยู่ ไหนเลยจะยอมเสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อเรื่องนี้ เขาจึงรีบตะโกนบอก พร้อมกับวางดาบลง
"ฉลาดดีนี่.." ฝางซิงหัวเราะเยาะ แล้วเขาก็เก็บกระบอกโลหะของตน ฝางซิงเดินไปยังด้านหน้ายามคนนั้นก่อนที่จะถีบหน้ายามคนนั้น
ยามสะบัดหัว และค่อย ๆ งอตัวลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น และร้องไห้ “เจ้าต้องการอะไรอีก ?”
"อะไรนี่..ทำไมยัง.. ?”
ฝางซิงรู้สึกลำบากใจอยู่บ้างที่จะต้องเอาขวดยานัตถุ์ออกมา พ่นควันจ่อจมูกยามคนนั้น คราวนี้ยามก็ร่วงลงกับพื้น และไม่ตื่นขึ้นมาอีก
"เฮ้ ! วันนี้ วันเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ! ได้ของดี ๆ ไม่น้อยเลย..."
ฝางซิงหัวเราะอย่างมีความสุข เขาลากยามทั้งสองเข้าไปในตลาดมืดกองรวมกับคนอื่น ๆ บนพื้น จากนั้นก็เก็บรางวัลของเขาสำหรับวันนี้
เริ่มจากชายที่มีวงแหวนมิติที่ดูเหมือนจะมาจากตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวย จากนั้นก็เริ่มค้นหาหินจิตวิญญาณจากคนอื่น ๆ
ตอนที่คนพวกนี้ต่อรองค้าขายกัน เขาก็จดจำทรัพย์สินทุกอย่างที่คนเหล่านั้นมี จึงรื้อค้น และเก็บของเหล่านั้นได้โดยง่าย
***จบบท ปล้น ! (2) ***