หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ฝางซิงรู้สึกได้ว่าปริมาณพลังลมปราณที่เขาสะสมจากหินจิตวิญญาณเริ่มสลายไปแล้ว ในที่สุด นักพรตหยูก็มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับการเปิดตลาดมืดให้แก่เขา หยูซานเหลียงได้ยินเกี่ยวกับ วัน และเวลาในการเปิดตลาดมืดครั้งถัดไป มันถูกจัดตั้งขึ้นโดยศิษย์นอก 14 คน ฝางซิงรู้สึกตื่นเต้น เขาเชื้อเชิญนักพรตหยูมาร่วมกินอาหารเป็นกรณีพิเศษ แน่นอนว่าค่าอาหารต้องเป็นเงินของนักพรตหยู
ในวันที่ตลาดมืดเปิด ฝางซิงเตรียมของใช้ที่จำเป็นติดตัวไปด้วย รวมถึงหน้ากากว่านลั่ว ฝางซิงเปิดใช้งานหน้ากากว่านลั่วด้วยพลังลมปราณ ทันทีที่เขาสวมมันลงบนใบหน้า ก็เหมือนมีพลังแปลก ๆ จากหน้ากากไหลเข้าสู่ร่างเขา จากนั้นร่างกาย และใบหน้าของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กระดูกของเขาแตกดังเปรี๊ยะ ร่างของเขาสูงขึ้นอีก 3 ฉื่อ (1ฉื่อ =10 นิ้วจีน = 22.7 - 23.1 เซนติเมตร) ดูราวกับผู้ใหญ่
แต่เนื่องจากโครงร่างเล็ก ๆ ของเขา ถึงแม้ว่าจะดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็ยังคงผอมเก้งก้าง
ในเวลานั้น รูปลักษณ์ของฝางซิงเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปี ดูไม่หล่อเหลา แต่ก็ไม่น่าเกลียด เรียกได้ว่าเป็นคนปกติธรรมดา ที่ไม่น่าจดจำ
หลงอีพยายามเปล่งเสียง เขารู้สึกว่า เสียงของเขาแหบพร่า เข้มแข็ง เหมือนผู้ใหญ่ ทำให้เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วเขาก็สวมเสื้อคลุมที่ยืมมาจากหยูซานเหลียงก่อนจะรีบออกเดินทางไปยังตลาดมืด
ในหุบเขา ไม่มีใครให้ความสนใจกับคนลักษณะเช่นนี้
ตลาดมืดตั้งอยู่ภายในหุบเขาห่างจากที่พักของศิษย์นอกประมาณ 10 ลี้ ( 5 กิโลเมตร) ครั้นฝางซิงมาถึง ดวงจันทร์ก็โผล่ขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว เมื่อมาถึงหุบเขา ณ บริเวณปากทางเข้านั้น ชายสองคนสวมหน้ากากเฝ้ามองดูผู้คนเดินเข้าออกอยู่ด้วยทีท่าฉลาดเฉลียว และแข็งขัน เมื่อฝางซิงเดินก้าวไปข้างหน้า พวกเขาก็ถามขึ้นว่า "ศิษย์พี่ ท่านมาทำอะไรที่นี่ ?"
ฝางซิงเห็นการป้องกันอันเข้มงวดก็รู้สึกขัดใจเล็กน้อย เขาเสหัวเราะ ก่อนจะกล่าวว่า "ข้ามาที่นี่ทำไม ? ทุกคนก็รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่ามาที่นี่กันทำไม ? อย่าบอกว่าตลาดมืดจะไม่ให้ข้าเข้า ! "
ยามทั้งสองคนหันมองหน้ากันไปมา ก่อนจะกระซิบ "ศิษย์พี่อย่าเอ็ดไป เราจะปล่อยให้สำนักรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ หากเรื่องกระจายไปมันจะไม่ดี..."
ฝางซิงทำเสียงจิ๊จ๊ะ ! เอ่ยกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าสำนักไม่รู้เรื่องนี้จริงหรือ ? ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ทำจริง ๆ เจ้าคิดว่าจะเปิดตลาดได้หรือ ? พวกเขาแค่แกล้งปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้ต่างหาก พวกเจ้าจะกังวลไปทำไม ?"
ยามทั้งสองคนฟังแล้วทำสีหน้าแปลก ๆ แต่คำพูดของฝางซิงก็ฟังสมเหตุสมผล
อันที่จริงแล้ว ฝางซิงให้เหตุผลเช่นนั้นไป ก็จากที่หยูซานเหลียงบอกเล่าทุกอย่างที่ตนรู้เกี่ยวกับตลาดมืดแห่งนี้
สำนักที่มีกฎอันเข้มแข็งเช่นนี้ แต่กลับไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่ก็น่าจะรู้เห็นทุกอย่าง เพียงแต่ยอมหลับตาลงข้างหนึ่ง เท่านั้น หากอยากจะจัดการจริง ๆ แล้ว แค่ส่งผู้อาวุโสมา ตลาดนี้ก็ล่มสลายไปแล้ว
ผู้คนที่มาชุมนุมกันในตลาดมืดคืนนี้ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ใหม่ที่เข้าร่วมเมื่อสี่เดือนที่ผ่านมา ระดับฝีมือของพวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระหว่างขั้นที่หนึ่งถึงสอง เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับคนที่อยู่ในสำนักนี้นานกว่านั้น ดังนั้นต่างคนต่างก็มาด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก ไม่มีใครสนใจใคร ทั้งไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนที่แท้จริง ทุกคนต่างลอบสังเกตคนรอบข้างด้วยความระมัดระวัง
ตอนแรก ตลาดมืดนี้มีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คน แต่ตอนนี้ มีผู้คนมาชุมนุมกันในหุบเขากว่า 20 คน แล้วยังมีคนภายนอกที่รู้เรื่องมาเข้าร่วมด้วยอีกไม่น้อย ทุกคนต่างหามุมที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้คนอื่นจำพวกเขาได้ ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย เฝ้ามองเพียงสถานการณ์ตรงหน้า
ผู้ชายสวมหน้ากากดำคนหนึ่งลุกขึ้นยืน และกล่าวเปิดทำลายความเงียบท่ามกลางความมืด
"เอ่อ..เหล่าศิษย์พี่น้องที่รัก ข้าขอเริ่มก่อน อย่างที่รู้ ๆ กันว่า ผู้คนหลั่งไหลมาที่นี่ต่างก็ต้องการหินจิตวิญญาณ และโชคดีที่ข้ามีอยู่ 6 ก้อน ราคาซื้อขายภายในสำนักคือ 100 เหรียญทอง แต่สำหรับตอนนี้ แค่เพียงก้อนละ 80 เหรียญทองเท่านั้น ใครอยากได้ก็แจ้งมา”
ชายร่างผอมเดินออกมาวางหินสีแดง 5 - 6 ก้อนไว้บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเขา
กลุ่มชนด้านข้างเริ่มเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าหินจิตวิญญาณเหล่านี้จะกลายเป็นเหรียญทองในไม่ช้า
"ข้า...ข้าต้องการตรวจสอบหินเหล่านี้ก่อน"
ชายร่างอ้วนสวมหน้ากากคนหนึ่งยกมือขึ้น ก่อนจะก้าวขึ้นไป มองหน้าเขา และพูด
"ก็แค่ลองตรวจสอบดู ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ? "
***จบบท ตลาดมืด (1)***