px

เรื่อง : บัญญัติครองสวรรค์
บทที่ 12 : ใส่ร้ายป้ายสี (1)


หวังจื้อกับพรรคพวกคนอื่น ๆ รวมถึงนักพรตน้อยที่นักพรตอ้วนหยูนำมาพร้อมกับเขา ต่างตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น ในสำนักชิงหยุนนี้ไม่เคยมีนักพรตน้อยคนไหนกล้าทุบตีศิษย์นอก ไม่เพียงแต่ ลำดับชั้น และกฎระเบียบในสำนักอันเข้มงวดเท่านั้น ศิษย์นอกทุกคนยังมีการฝึกฝนพลังลมปราณที่พวกเขาสามารถใช้เพื่อปกป้องตนเอง พลังลมปราณเพียงนิดเดียวก็สามารถส่งนักพรตน้อยที่แข็งแกร่งให้ลอยละลิ่วไปไกล

 

"ปล่อยศิษย์พี่หยูนะ !" สองนักพรตน้อยที่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นไปหลายวินาที ก็กลับมารู้สึกตัว พวกเขาวิ่งเข้าหาเพื่อคว้าตัวฝางซิง

 

"เจ้ากล้าเรอะ !" ฝางซิงยืนขึ้น เขารวบรวมพลังลมปราณส่งแรงกดดันข่มขวัญนักพรตน้อยทั้งสอง หนึ่งในสองเริ่มตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

 

"หวังจื้อ เจ้าหน้าผี เจ้าหน้าตกกระ มัดสองคนนี้ไว้" ฝางซิงสั่งขณะเดียวกันก็คว้าสมุนไพรชั้นดีขึ้นมาจากสวนโอสถมากมายเท่าที่จะทำได้ เขายัดมันลงไปในอ้อมแขนของนักพรตอ้วน "เจ้าหนูผี กับ เจ้าขาโก่ง เจ้าทั้งสองคนจงไปที่แผนกโอสถ และบอกพวกเขาว่าเราจับโจรสามคนที่พยายามจะโขมยสมุนไพรในเขตของเราตอนกลางวันแสก ๆ ได้"

 

"นี่...เจ้าแน่ใจหรือ ?" หวังจื้อถามอย่างลังเล

 

"เจ้ากลัวอะไร ? พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้มาจากแผนกโอสถ ทั้งยังไม่ได้รับคำสั่งให้มาที่นี่ด้วย พวกเขากล้ามาที่นี่ และสร้างความวุ่นวายในที่ ๆ พวกเขาไม่มีอำนาจได้อย่างไร ? ข้าเดิมพันว่าศิษย์พี่จากแผนกโอสถจะไม่ชื่นชอบแน่ หากมีผู้อื่นมาก้าวก่ายในหน้าที่ของพวกเขา

 

โอ้..และอีกอย่าง...เจ้าหนูผี ! เจ้ามีปิ่นปักผมทองอยู่ด้วยใช่ไหม ? ของที่ระลึกระหว่างเจ้ากับคู่หมั้นของเจ้าใช่หรือไม่ ? วางไว้ที่เขาด้วย ! บอกศิษย์พี่แผนกโอสถว่าคนพวกนี้มาที่นี่เพื่อเรียกร้องขอสมุนไพรชั้นดีบางอย่าง ครั้นเราปฏิเสธ พวกเขาก็ยังดึงดันจะเอา นอกจากนี้ยังต้องการสินบนจากพวกเราด้วย ! "

 

"ข้า...ตกลง... แต่ข้าจะได้มันคืนใช่ไหม ?"

 

ในที่สุด เมื่อพวกเขาเข้าใจในสิ่งที่ฝางซิงวางแผนไว้ นักพรตน้อยทั้งห้าก็ไม่รอช้าต่างช่วยกันมัดตัวนักพรตอ้วนกับลิ่วล้อ ในขณะที่เจ้าหนูผีก็รีบวิ่งไปเอาปิ่นปักผมทองของเขา ส่วนเจ้าขาโก่งก็เตรียมจะวิ่งไปทางแผนกโอสถ แต่ก่อนจะไปนักพรตอ้วนหยูก็กล่าวออกมาว่า

 

"ร- รอเดี๋ยว !"

 

ที่จริง แค่ได้ยินแผนการของฝางซิงก็ทำให้นักพรตอ้วนกลัวจนบอกไม่ถูก ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้อยู่ในแผนกโอสถ ทั้งพวกเขายังไม่มีหน้าที่จะมายุ่มย่ามที่นี่ แม้ว่าการใส่ร้ายนักพรตอ้วนหยู และนักพรตน้อย ๆ ที่ติดตามเขาเป็นโจรจะไม่น่าเชื่อถือเท่าใดนัก เพราะไม่มีใครโง่พอที่จะกล้าเป็นขโมยในสำนักชิงหยุน และนักพรตอ้วนหยูก็รู้ดีว่าการติดสินบนเป็นเรื่องปกติในหมู่ศิษย์พี่ และเหล่านักพรตน้อย แต่ถ้าแผนกโอสถเกิดมองว่าเขาต้องการอะไรมากกว่าสินบนล่ะ มันคงดูไม่ดีแน่

 

กฎระเบียบของสำนักชิงหยุนระบุว่า ต้องเคารพลำดับขั้น และผู้น้อยต้องปฏิบัติตามผู้อาวุโสกว่า อย่างไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับแผนกหรือพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละแผนกเท่านั้น คนจากแผนกอื่นไม่มีสิทธิออกคำสั่งข้ามแผนก แม้จะอยู่ในลำดับขั้นที่สูงกว่าก็ตาม

 

และหากว่า นักพรตอ้วนหยูจะบอกความจริง พวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่นักพรตอ้วนหยูพูดจริงหรือ ? พวกเขาจะเชื่อหรือว่า นักพรตน้อยอายุเพียงสิบปีจะมีสมองคิดวางแผนซับซ้อนแยบยลเช่นนี้ ทั้งยังมัดเขาแขวนเหมือนหมูย่าง และยังทุบตีเขาจนซมซานท่วมไปด้วยเลือด ? นอกจากนี้ หากศิษย์พี่จากแผนกธุรการของเขาได้ยินเรื่องนี้แล้วพวกเขาจะคิดยังไง ?

 

'ข้าไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ !'

 

ตอนที่นักพรตอ้วนหยูซานเหลียงมาถึงสวนโอสถแห่งนี้ เขาแค่คิดมาจับผิด และข่มขู่ฝางซิงที่กล้าออกไปล่าสัตว์ในเวลางานก็เท่านั้น แต่ใครจะคิดว่าฝางซิงจะไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ และไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังกล้าทุบตีเขา อีกทั้งวางแผนการจนเขาดิ้นไม่หลุด ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือเด็กน้อยคนนี้ชนิดที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

 

เด็กคนนี้น่ากลัวอย่างที่สุด ไม่มีทางไหนที่ดีไปกว่า ยอมศิโรราบ !

 

นักพรตหยูรู้ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีสำหรับเขาที่จะเอาตัวรอด "ทั้งหมดเป็นแค่ความเข้าใจผิด ! พวกเราล้อเจ้าเล่นเท่านั้น อย่าไปทำให้ศิษย์พี่จากแผนกโอสถต้องกังวลเลย พวกเขางานยุ่งมากพออยู่แล้ว "

 

ครั้นได้ยินคำพูดของนักพรตอ้วน เด็ก ๆ ทุกคนต่างนิ่งอึ้งด้วยความประหลาดใจยกเว้นฝางซิง

 

ราวกับว่าเขาทำนายเรื่องนี้ได้ ฝางซิงยิ้มเย็นเยียบ เขาแสร้งทำเป็นพูดกับหวังจื้อ และพรรคพวกแต่ให้หยูซานเหลียงได้ยินด้วย "โอ้..ข้าทำให้ศิษย์พี่จู (ศิษย์พี่หมู) ไม่พอใจเสียแล้ว ข้าไม่ทราบว่าเขากำลังล้อเล่น ! เขาควรจะพูดออกมาก่อนหน้านี้ ! ไม่งั้นเขาคงไม่เจ็บตัวหรอกจริงไหม ? "

 

"ข้าแซ่หยู ไม่ใช่จู”

 

ยามนี้ หลังจากได้นั่งตัวตรง ๆ และเป็นอิสระจากเชือกแล้ว นักพรตอ้วนงุ่มง่ามก็เกิดความคิดขึ้นมาทันทีว่า 'ข้าไม่มีบาดแผลรุนแรงเลย...ครั้งที่แล้วเขาได้เปรียบเพราะลอบโจมตีข้า แต่ถ้าข้าโจมตีเขาตอนนี้...ล่ะ '

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาคิด เขาก็เห็นบางสิ่งที่ส่องประกายวาบวับ กริชแหลมคมพลันจ่อคอหอย สัมผัสเย็นเฉียบนั่น ปลุกนักพรตอ้วนให้ตื่นจากภวังค์ทันที เขาหายใจติดขัด

 

***จบบท ใส่ร้ายป้ายสี (1)***

รีวิวผู้อ่าน