px

เรื่อง : บัญญัติครองสวรรค์
บทที่ 10 : ใช่..ข้ากำลังตีเจ้า (1)


ในพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ อันเป็นสวนโอสถของสำนักชิงหยุน ได้เกิดเด็กชายจอมตะกละผู้มีชื่อเสียง นามว่า ฝางซิง

 

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ ฝางซิงได้บริโภคเนื้อสัตว์อย่างน้อย *10 จิน ทุกวัน ยังไม่รวมข้าว ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกทั้งบางครั้งเขาก็ซื้อพืชสมุนไพรบางชนิด และยาเสริมอาหารเพื่อช่วยบำรุงร่างกาย คนที่ต้องขอบใจเขาก็คือนักพรตน้อยทั้งห้า ที่ตอนนี้พวกเขาต่างก็อุดมไปด้วยชั้นของไขมัน มีคางสองชั้น และพุงพุ้ยไปตาม ๆ กันอย่างเห็นได้ชัด

*2 จิน = 1 กิโลกรัม

10 จิน = 5 กิโลกรัม

 

ถึงแม้ว่าฝางซิงจะกิน ๆ ๆ อาหารมากมายขนาดนั้น เขากลับยิ่งผอมลง ๆ

 

ตอนนี้เขาตัวบางจนเกือบเหมือนกระดาษที่เพียงสายลมพัดผ่านก็สามารถปลิวลอยไปได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตาม สภาพลมปราณของเขากลับสูงส่ง แววตาของเขาส่องประกายที่เปี่ยมไปด้วยพลัง

 

'พลังลมปราณของสำนักชิงหยุนมีประสิทธิภาพจริง ๆ แค่ฝึกเพียง 2 เดือนยังเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ ไม่น่าแปลกใจเลย ที่แม้แต่ท่านลุงเก้าผู้มีทักษะในการต่อสู้ดีเยี่ยม ยังไม่สามารถต้านทานชายคนนั้นได้...' นัยน์ตาของเขาจดจ่อไปที่กระต่ายย่างบนกองไฟราวกับว่าหิวกระหาย แต่ในใจของฝางซิงกลับล่องลอยไปคิดเรื่องอื่น

 

ในสองเดือนที่ผ่านมา พวกเขาใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่ออาหาร และเมื่อไม่มีตัวเลือกอื่น พวกเขาก็ต้องออกล่าสัตว์ อย่างไรเสีย ฝางซิงก็ไม่เคยขอให้พวกเขาขายตัว... ที่สำคัญ ดูจากรูปร่างหน้าตาของพวกเขาก็คงไม่มีใครอยากจะซื้อบริการพวกเขานักหรอก

 

โชคดีที่นิกายนี้ไม่ได้มีข้อจำกัดใด ๆ เกี่ยวกับการล่าสัตว์ป่าภายในภูเขา และตอนนี้ฝางซิงเองก็รู้สึกถึงการไหลเวียนของพลังลมปราณขั้นพื้นฐานแล้ว ตา และหูของเขาเห็นภาพที่คมชัดกว่าปกติ ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะล่ากระต่ายป่า และนก พวกเขามักเก็บก้อนหินไว้เต็มอ้อมแขน หากเจอสิ่งมีชิวิตเล็ก ๆ พวกนี้ในระยะ *30 จ้าง รับรองไม่พลาดเป้า

*1 จ้างประมาณ 2 เมตร

30 จ้างประมาณ 60 เมตร

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งฝางซิงเจอหมาป่า หลังจากได้สัตว์ตัวน้อยมา 2 ตัว เขาต่อสู้กับหมาป่า คว้าหางของมันเพื่อกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน เขาทุบหมาป่าที่น่าสงสารนั่นด้วยมือเปล่าจนกระทั่งหมาป่าตาย

 

หวังจื้อ และบรรดานักพรตน้อยที่เหลือต่างตกใจจนฉี่ราด เมื่อเห็นฝางซิงลากหมาป่ากลับไปยังกระท่อมไม้ของพวกเขา

 

จากนั้นมา ภาพฝางซิงในใจของพวกเขาดูราวเทพเจ้า ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในตัวฝางซิงว่าเป็นผู้นำ มันออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ นับจากวันนั้นเป็นต้นมา 'นายใหญ่ฝางซิง' ก็ไม่ได้เป็นเพียงชื่อที่พวกเขาถูกบังคับให้เรียก หากแต่พวกเขาเรียกออกมาจากหัวใจพวกเขาจริง ๆ

 

'ในที่สุด ข้าก็มีพลังลมปราณมากพอที่จะโคจรทั่วร่างได้หนึ่งโจวเทียน (Zhou'tian周天 โจวเทียน แปลว่า 'วงรอบฟ้าหรือสวรรค์' มันเป็นชื่อแนวคิดการไหลเวียนพลังผ่านเส้นลมปราณ โดยมีจุดเริ่มต้น และสิ้นสุด ณ บริเวณหน้าท้องส่วนล่าง หรือจุดตันเถียน Dantian) ข้าสงสัยว่าเช่นนี้นับเป็นขั้นแรกของระดับลมปราณหรือไม่นะ ?' ฝางซิงคิดกับตัวเอง ตามกฎของสำนักชิงหยุน เมื่อนักพรตน้อยฝึกถึงขั้นแรกของระดับลมปราณ พวกเขาจะไม่ต้องทำงานหนักใด ๆ และจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายแทนที่ พวกเขาจะกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักชิงหยุนซึ่งเรียกว่า ศิษย์นอก

 

ตำราเสริมสร้างพลังลมปราณของสำนักชิงหยุนไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับวิธีการที่จะแยกแยะความแตกต่างในแต่ละขั้น ดังนั้น ฝางซิงจึงได้แต่งุนงงไม่รู้ว่าเขาเข้าใกล้หรือไปไกลแค่ไหนกับขั้นแรกของระดับลมปราณนี่

 

"นายใหญ่ ! พวกเราหาฟืนกลับมาแล้ว..." เจ้าหน้าตกกระ และหวังจื้อยิ้มกว้าง แต่ละคนแบกฟืนไว้ด้านหลัง

 

แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นล่าสัตว์กันเอง แต่การทำงานที่สวนโอสถก็ยังคงต้องกระทำต่อ นักพรตน้อยทั้งห้าจึงผลัดกันออกล่าสัตว์กับฝางซิง และวันนี้ก็เป็นวันของเจ้าหน้าตกกระ และหวังจื้อ ฝางซิงบอกให้พวกเขาออกไปหาฟืน ก่อไฟ เพื่อทำอาหารที่เขาล่ามาได้สำหรับวันนี้

 

ครั้งที่หวังจื้อเป็นนายใหญ่ เขาแบ่งลำดับชั้นชัดเจนในกลุ่มคนทั้งห้าของพวกเขา หวังจื้อจะข่มขู่คนหนึ่ง และคน ๆ นั้นก็จะไปพาลพาโลกับคนถัดไปตามลำดับชั้นไปเรื่อย ๆ หากนับตั้งแต่ฝางซิงได้กลายมาเป็นนายใหญ่ ทุกคนต้องฟังฝางซิง จึงไม่มีการกลั่นแกล้งรังแกกันในกลุ่มคนทั้งหมดอีกต่อไป

 

ทุกครั้งที่หวังจื้อเผลอตัวออกคำสั่งกับเจ้าหน้าตกกระ หรือเจ้าหน้าผีให้ทำบางสิ่งบางอย่าง ฝางซิงจะเตะเขาทันที สามเดือนที่ผ่านมานี่ หวังจื้อจึงต้องซักถุงเท้าสกปรกของตนเอง

 

แน่นอนว่าถุงเท้าสกปรกของฝางซิงมีคนอื่น ๆ ซักให้

 

"ตัดฟืนแค่นี้ทำไมช้านัก ไฟจะดับแล้ว พวกเจ้ารีบเข้าหน่อย !" ฝางซิงกล่าวเร่ง ๆ เพื่อหยอกคนทั้งสอง

 

วิถีการดำเนินชีวิตของบรรดานักพรตน้อยต่างเรียบง่าย และสันโดษกันมาค่อนข้างเนิ่นนานมากแล้ว

 

หลังจากที่พวกเขาแบ่งสรรปันส่วนเนื้อกระต่ายปรุงสุกบนจานของแต่ละคนแล้ว ใครบางคนก็รีบวิ่งมาพร้อมกับส่งเสียงร้องดัง "นายใหญ่ ! มีศิษย์พี่ผู้ควบคุมสวนโอสถกลุ่มหนึ่งกำลังมาที่นี่ หนึ่งในนั้นถามหาท่าน เขาโกรธมากที่ไม่เห็นท่านในสวนโอสถ ! "

 

พวกเขาทั้งสามคนต่างจ้องมองสีหน้ากังวลใจของเจ้าหน้าผี ฝางซิงกล่าวอย่างประหลาดใจออกมาว่า “การตรวจการณ์ไม่ใช่วันพรุ่งนี้หรอกหรือ ? ทำไมพวกเขาถึงมาในวันนี้ ?”

 

***จบบท ใช่..ข้ากำลังตีเจ้า (1)***

รีวิวผู้อ่าน