px

เรื่อง : บัญญัติครองสวรรค์
บทที่ 6 : ตำราวิวรณ์ (1)


"อากาศร้อนชะมัด... "

 

เที่ยงวัน ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงจุดสูงสุดบนท้องฟ้า ฝางซิงนั่งไขว่ห้างผ่อนคลายอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ ขณะที่ในสวนโอสถ นักพรตน้อยที่เหลือต่างกำลังพยายามจับแมลงศัตรูพืชกันอย่างเต็มที่ ซึ่งจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อแดดเปรี้ยง ๆ ตอนดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดยามเที่ยงวัน เพราะดอกไม้เหล่านี้จะเบ่งบานเต็มที่ในชั่วโมงนี้ของวันเท่านั้น เมื่อดอกไม้บานแมลงศัตรูพืชที่แอบเข้าไปอยู่ภายในกลีบดอกของพวกมันในช่วงเวลากลางคืนจะบินออกมา และการควบคุมศัตรูพืชก็จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วงเวลานี้เหล่านักพรตน้อยต่างจับแมลงศัตรูพืชได้เป็นจำนวนมาก

 

แน่นอนว่า..ไม่มีเด็กน้อยกรรมกรเหล่านี้คนใดบอกให้ฝางซิงช่วยงานใด ๆ หลังจากที่มีการแทงหวังจื้อในคืนนั้น ซึ่งเป็นคืนแห่งความเป็นความตายจนทำให้เขาได้กลายเป็นนายใหญ่ของสวนโอสถแห่งนี้ ตอนนี้เขามีกระทั่งคนซักถุงเท้าสกปรกให้

 

ไม่ใช่ว่าหวังจื้อ และพรรคพวกไม่เคยพยายาม หลังจากที่หวังจื้อถูกแทงหน้าอกในคืนนั้น เขาก็ถูกแทงซ้ำอีกครั้งที่ขา เหตุเนื่องมาจากเขาจ้องมองฝางซิงด้วยเจตนาไม่ดี นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

 

ตอนนี้ฝางซิงกลายเป็น นายใหญ่ของนักพรตน้อยกลุ่มนี้อย่างแน่นอน หวังจื้ออาจเคยเป็นนายใหญ่ของสวนโอสถแห่งนี้ แต่หวังจื้อไม่เคยแตะต้องอาวุธใด ๆ หรือแม้แต่คิดจะทำร้ายใครเลย นักพรตน้อยที่เหลือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กชายหน้าตกกระจนถึงตอนนี้ก็ยังตัวสั่นเมื่อเห็นฝางซิง พวกเขาไม่กล้าจะเอ่ยขัดใด ๆ นอกจากเชื่อฟังฝางซิงนับจากคืนนั้น

 

ด้วยความเบื่อหน่าย ฝางซิงพลิกตำราเสริมสร้างพลังลมปราณของสำนักชิงหยุนอย่างไร้เป้าหมาย เขาไม่ได้อะไรจากตำราเล่มนี้เลย เขาพยายามนั่งสมาธิตามที่ตำราแนะนำไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ หลังจากพยายามอยู่หลายต่อหลายครั้ง เขาสรุปได้ว่าตำรานี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการหลอกลวง มันไม่ได้ผลใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ไม่เพียงแค่เขา หากแต่ไม่มีใครในสวนโอสถแห่งนี้รับรู้ถึงพลังลมปราณได้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่หวังจื้อซึ่งต่อมาก็ยอมรับว่าเขาแค่อวดอ้างเท่านั้น เมื่อเอ่ยกล่าวว่า เขารู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังลมปราณ..

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ฝางซิงยังไม่คิดจะละทิ้งมันไปง่าย ๆ เพราะเคยมีข่าวลือว่า มีนักพรตน้อยที่สามารถประสบความสำเร็จสามารถค้นพบพลังลมปราณขั้นพื้นฐานผ่านตำราเล่มเล็ก ๆ และกลายเป็นศิษย์นอกได้

 

ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นได้ยากมาก และมีจำนวนน้อยมากก็ตามที หากแต่ก็มีปรากฏขึ้นทุกปี ซึ่งเรื่องนี้กรอกหูของทุกผู้คน

 

"บางที..ข้าอาจจะเกิดมาโดยไม่มีความสามารถในเรื่องนี้" ฝางซิงถอนหายใจเอ่ยพึมพำก่อนจะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

 

ความสามารถที่ว่าก็คือ "พรสวรรค์" และมันก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินว่าคน ๆ นั้นจะมีค่าเป็นได้แค่เพียงคนธรรมดา ๆ หรือเป็นผู้นำตระกูลเพื่อจะนำความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วงศ์ตระกูลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะมีคำกล่าวว่า พรสวรรค์อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้นได้ หากคน ๆ นั้นมีความตั้งใจ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงดำเนินชีวิตของพวกเขากับสิ่งที่พวกเขามีมาตั้งแต่กำเนิด ไม่อาจจะหลุดพ้นจากชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เกิด คนที่มีพรสวรรค์ก็คล้ายกับผู้ได้พรวิเศษจากฟ้า พวกเขาจะเป็นที่ต้องการของทุกสำนัก แต่เป็นธรรมดาที่ต้องมีผู้ไร้พรสวรรค์ปะปนอยู่ในสำนักเช่นกัน

 

สุดท้ายฝางซิงก็ล้มเลิกความตั้งใจ เขาเก็บตำราเสริมสร้างพลังลมปราณของสำนักชิงหยุนลงในห่อผ้าของตน พลันเขาก็นึกถึงตำราอีกเล่มที่อยู่ในนั้นขึ้นมาได้ ตำราที่ลุงเก้าของเขามอบให้ไว้ก่อนตาย ตำราเล่มนี้มีเพียงไม่กี่หน้า แต่ก็เป็นเพราะตำราเล่มนี้ที่ทำให้คนสามร้อยกว่าคนในหุบเขากุ๋ยหยานต้องสิ้นชีพและทำให้เขาต้องสูญเสียลุงเก้าตลอดกาล

 

ฝางซิงเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากหุบเขากุ๋ยหยาน

 

แม้ฝางซิงจะรู้ว่า เหตุผลที่เขาสามารถหลบหนีภัยจากเสี่ยวเจี้ยนหมิงมาได้นั้น เป็นเพราะทุกคนต่างคิดว่าจอมโจรคนที่สิบจะต้องเป็นคนโตแล้วเฉกเช่นเดียวกับอีกเก้าชีวิตที่ล้มตายภายใต้คมดาบของเสี่ยวเจี้ยนหมิง

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าจอมโจรคนที่สิบนั้น จะเป็นเพียงเด็กชายอายุสิบขวบ

 

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมลุงเก้าถึงมอบตำราลึกลับเล่มนี้ให้แก่ฝางซิง ลุงเก้าบอกให้เขาวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ออกไปจากหุบเขากุ๋ยหยาน เมื่อตระหนักได้ว่าศัตรูที่มาทำร้ายพวกเขานั้นมีฝีมือเก่งกาจปานใด

 

ปกตำราสีม่วงมีชื่อเรื่องประทับไว้ด้วยตัวอักษรจีนโบราณที่เรียกว่า จ่วนชู (Seal Script) ลุงเก้าเคยสอนฝางซิงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าตำราวิวรณ์

 

ตำราในมือฝางซิงดูเหมือน ตำราธรรมดา ๆ เขาเปิดตำราก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาพยายามส่องมองลอดแสงแดดเพื่อดู เผื่อมันจะถูกเขียนจากหมึกล่องหน ที่ลุงสองของเขาชอบใช้เขียนเพื่อหลอกบรรดาพ่อค้าผู้ร่ำรวย

 

แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

'รอต่อไป มันไม่น่าจะใช่หมึกล่องหน เพราะหมึกล่องหนจะหายไปในช่วงเวลาไม่นาน.. ตำราเล่มนี้เห็นได้ชัดว่าอยู่มานานแล้ว..' ฝางซิงคิดกับตัวเองก่อนจะเก็บตำรากลับเข้าไว้ในห่อผ้า วางไว้ด้านบนของตำราเสริมสร้างพลังลมปราณของสำนักชิงหยุน ... จากนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ตัวอักษรค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ

 

***จบบท ตำราวิวรณ์ (1)***

รีวิวผู้อ่าน