px

เรื่อง : บัญญัติครองสวรรค์
บทที่ 5 : จอมโจรคนที่สิบ (2)


สวนโอสถกว้างมาก และด้วยพลังเวทวิเศษทำให้แม้ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง ต้นไม้ใบหญ้าในสวนโอสถแห่งนี้ก็ยังคงเขียวชอุ่ม ยืนยันได้ชัดถึงความแข็งแกร่งของสำนักชิงหยุนแห่งนี้

 

วันถัดมา ฝางซิงก็ต้องทำงานหนักอยู่ในสวนโอสถ พร้อมกับชายหนุ่มที่มีไฝ และคนอื่น ๆ รวม 6 คน โดยต้องดูแลสวนโอสถภายในรัศมี 10 ลี้ ตกกระน้อยรับหน้าที่สอนเขาเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ทั้งการให้น้ำ กำจัดวัชพืช พรวนดิน และจับแมลง สมุนไพรที่เรียกว่า ชิงหรุ่ยฮัว ต้องให้น้ำในตอนเย็นเมื่อพระอาทิตย์ตก ส่วนหญ้าโม่วหลิง ต้องให้น้ำในยามเช้าตอนรุ่งสางก่อนน้ำค้างจะระเหยหายไป

 

ฝางซิงอาจดูเป็นคนขี้ขลาด แต่เขาก็เรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว เขาสุภาพ และพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับทุกคนตลอดทั้งวัน ภายหลังจากกินอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว เขาก็หาบน้ำมาซักเสื้อผ้าให้กับทุกคน ก่อนจะตากไว้เพื่อใช้อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

 

การกระทำของฝางซิงสร้างความพึงพอใจให้กับนักพรตน้อยคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาต่างคิดกันว่าจะพยายามชี้แนะเรื่องต่าง ๆ ให้แก่ฝางซิงเป็นอย่างดีต่อไป

 

ฝางซิงเองก็ได้แต่ยิ้ม และกล่าวขอบคุณพวกนักพรตรุ่นพี่นั่น !

 

ยามดึกนักพรตน้อยทั้งหลายต่างเข้านอนกันแล้ว สำนักชิงหยุนเงียบสงัด

 

ฝางซิงหยิบกริชแหลมออกจากห่อผ้าของตน กริชนั่นแหลมคม และดูเหมือนจะยังไม่เคยเปื้อนเลือด นี่คือสิ่งที่ท่านลุงสามมอบไว้ให้กับเขา รวมทั้งสอนวิธีการใช้กริช และไหวพริบต่าง ๆ ในการต่อสู้ระยะประชิด

 

ในกระเป๋าใบนั้นยังมีของที่ระลึกอื่น ๆ อีก ฝางซิงค่อย ๆ หยิบมันออกมาทีละชิ้น ๆ ท่านลุงใหญ่ให้หนังเสือ ท่านลุงรองให้ยาบางชนิด ขวดควันของท่านลุงสี่ใช้เมื่อต้องการซ่อนตัว อาวุธใช้ยิงเข็มเหล็กของท่านลุงห้า ท่านลุงหกให้ภาพเขียนลามก ท่านลุงเจ็ดให้โสมป่าหายาก ท่านลุงแปดให้ขวดน้ำเต้าใส่เหล้า และที่สำคัญที่สุดคือ ท่านลุงเก้าให้ตำราลึกลับเล่มหนึ่งแก่เขา

 

นอกจากนี้ยังมีตั๋วทองของลุงสามซึ่งเขาใช้ซื้อชีวิตเสี่ยวหมั่นไปแล้ว

 

ปกติห่อผ้านี้ เสี่ยวหมั่น จะเป็นคนถือให้ แต่เมื่อเสี่ยวหมั่นจากไป เขาก็ต้องถือเอง

 

หลังจากสำรวจสิ่งของภายในห่อผ้าหมดแล้ว ฝางซิงก็ถอนหายใจ เมื่อรำลึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น เขาก็เก็บข้าวของใส่ห่อผ้าไว้อย่างเดิม

 

เขาหยิบกริชออกมาซ่อนไว้ข้างหลังเดินไปข้างเตียงของชายที่มีไฝ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า “พี่หวังจื้อ พี่หวังจื้อ..”

 

ชายหนุ่มไฝดำหาวหลังจากสะบัดตัวสองสามครั้ง เขาโวยวายอย่างโมโหใส่ฝางซิงที่ทำให้เขาตื่น “ดึก ๆ ดื่น ๆ เจ้าเรียกข้าทำไม ? อยากตายหรือไงหา ?”

 

ฝางซิงหัวเราะ “เจ้าต่างหากที่จะต้องตาย” สิ้นคำ กริชก็ถูกแทงเข้าไปในร่างของเขาจนมิดด้าม

 

“อา !”

 

ชายไฝดำร้องด้วยความเจ็บปวดเหมือนหมูถูกเชือดได้เพียงคำเดียว ปากของเขาก็ถูกปิดด้วยมือของฝางซิง

 

ฟังเสียงรอบข้าง เยี่ยมจริง ๆ มันช่างเงียบสงบ ก็ในรัศมี 10ลี้ (1 ลี้ = 500 เมตร) ไม่มีใครเลยนี่

 

หวังจื้อพยายามดิ้นรน แต่กริชที่อยู่ในท้องของเขา เหมือนกับตะปูที่ตอกบนเตียง ทำเอาเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะมันเจ็บมาก

 

คนที่เหลือในห้องต่างก็ตื่นขึ้นทันที พวกเขาเร่งไฟตะเกียง จึงเห็นกริชในท้องของหวังจื้อพร้อมกับรอยยิ้มโหดเหี้ยมของฝางซิง เด็กชายใบหน้าตกกระที่แสนขี้ขลาดถึงกลับร้องไห้ปากคอสั่นด้วยความหวาดกลัว

 

“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็จงหุบปาก และยืนขึ้น”

 

ฝางซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม น้ำเสียงนั่นดูเด็ก แต่ก็เต็มไปด้วยความมืดมน และโหดเหี้ยมอย่างไม่อาจจินตนาการได้

 

เจ้าหน้าตกกระที่อายุมากกว่าฝางซิงสองปีหยุดโวยวาย ขณะที่ของเหลวค่อย ๆ ไหลออกมาจากเป้ากางเกงของเขา

 

ฝางซิงค่อย ๆ ดึงกริชออกจากตัวหวังจื้อช้า ๆ ปล่อยหวังจื้อนอนกุมท้องตัวงอเหมือนกุ้งอยู่บนเตียง และร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เขาถือกริช ก้าวเดินช้า ๆ ไปหานักพรตน้อยที่เหลือ พร้อมกับจ้องหน้าพวกนักพรตน้อย เด็กน้อยใบหน้าตกกระใจเสาะเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

“ข้าเคยแต่ข่มขู่ผู้อื่น ไม่เคยมีใครกล้าข่มขู่นายน้อย พวกเจ้ารู้หรือไม่ ?”

 

ฝางซิงเริ่มใช้กริชของเขาแตะใบหน้านักพรตน้อย “ข้าจะบอกอะไรให้นะ จากนี้ไป ข้าคือพี่ใหญ่ ข้าบอกให้ไปตะวันออก ห้ามใครไปตะวันตก ข้าบอกให้ไปซ้ายก็ห้ามไปขวา ถ้าใครไม่เชื่อฟังข้า มือของข้าก็อาจจะลื่น และกริชในมือข้าก็คงเข้าไปอยู่ในตัวใครบางคนอีก ใครไม่รักชีวิตก็ลองดู คนอย่างข้าฆ่าได้ก็ฆ่า”

 

“เจ้ารู้ไหมน้องสาวของข้าเป็นใคร ? นางคือคนสนิทคนล่าสุดของศิษย์พี่หลิงหยุน ! นั่นหมายความว่า ต่อให้มีคนกล้าไปฟ้องเรื่องของข้า ก็ไม่มีใครสนใจพวกเจ้า”

 

เสียงของฝางซิงดังก้องห้องพัก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ยืนมองมืดสั้นที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

 

“ฝางซิง”

 

“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ ?”

 

“อา..ท่านฝางซิง ท่านโปรดช่วยพี่หวังจื้อก่อน เขากำลังจะตายแล้ว”

 

ฝางซิงเหลือบตามองหวังจื้อที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เขาหัวเราะขณะโยนกริชไปมา ก่อนจะเก็บมันเข้าฝัก จากนั้นก็พูดด้วยอาการดูหมิ่นว่า “ตายเรอะ ท่านลุงสามของข้าสอนวิธีการใช้กริชแก่ข้ามาว่าการแทงไปที่จุดเก๋อหยู ทะลุ ไปจุดปู้หลาง จะไม่ทำลายอวัยวะภายใน ดังนั้นเขาไม่ตายหรอก แต่ถ้าข้าช่วยเขาแล้วพลั้งมืออีกก็ไม่แน่ เพราะฉะนั้นพวกเจ้านั่นแหละไปดูแลเขา”

 

***จบบท จอมโจรคนที่สิบ (2)***

รีวิวผู้อ่าน