นายกเทศมนตรีเจียงจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนใจเย็น เขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ตกใจกับเรื่องใด ๆ เลย
หงเหว่ยกูจึงรู้สึกประหลาดใจมาก " พี่เจียง พี่ดูตกใจง่ายกว่าปกตินะ แม้ว่าต้าหลี่จะซื้อที่ดินเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่คิดว่าพี่จะตกใจมากขนาดนี้ ทำไมถึงออกอาการแบบนั้นเล่า? "
นายกเทศมนตรีเจียงวางปากกาแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาไม่ได้ตอบคำถามของหงเหว่ยกูโดยตรง แต่ได้ถามว่า " เรามาดูกันก่อนหงเหว่ยกู ถึงแม้ว่าต้าหลี่ซื้อที่ดินจำนวนมาก แต่ฉันไม่คิดว่านี้คือเหตุผลที่นายมาที่นี่เพื่อมาพบฉันหรอก? บอกฉันมาว่านายกำลังวางแผนจะทำอะไร? " การคาดการณ์ของหงเหว่ยกูในการทำธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นแม่นยำเสมอมา การที่เขามาเยี่ยมนายกเทศมนตรีเจียงในวันนี้ แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
" ไม่มีอะไรมากหรอก จริง ๆ แล้ว.. " หงเหว่ยกูยิ้มและพูดว่า " เพราะต้าหลี่ชอบใช้จ่าย ในฐานะคนเป็นพ่อ ผมก็ควรที่จะช่วยเขา พี่ก็รู้ใช่ไหมว่าร่างกายของเขาอ่อนแอแค่ไหน ภรรยาของผมและตัวผมไม่สามารถที่จะด่าหรือตีเขาได้ โชคดีที่การกระทำในครั้งนี้ของเขาไปในทางที่ดี ผมจึงวางแผนที่จะช่วยเขาอีกแรง ถ้าหากเขาต้องการ ผมก็อาจช่วยเขาด้วยการซื้อที่ดินทั้งหมดในสี่แยกนี้เลย "
หงเหว่ยกูหยุดพูดและถือถ้วยน้ำชาเบา ๆ และจิบชา ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า " ผมวางแผนที่จะลงทุนประมาน 1 ถึง 300 ล้านหยวน เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบเย่ไหลเซียง จริงๆแล้วผมแค่อยากลงทุนดูว่ามันจะมีความเสี่ยงมากแค่ไหน และผลกำไรจะเป็นอย่างไร พี่เจียง พี่คิดว่าไง? "
ด้วยความมั่งคั่งของหงเหว่ยกู การลงทุน 1 ถึง 300 ล้านหยวน เพื่อทดสอบพื้นที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น มันก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรสำหรับเขาเลย
แต่ใบหน้าของนายกเทศมนตรีเจียงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาทำหน้าเคร่งขรึมและเขากล่าวว่า " หงเหว่ยกู ปัญหาพวกนี้ ฉันคิดว่านายควรจะขอบคุณลูกต้าหลี่ของนายจริงๆนะ "
คำพูดของนายกเทศมนตรีเจียงนั้น ทำให้หงเหว่ยกูอยากรู้มากขึ้นไปอีก " โอ้ ทำไมล่ะ? เป็นไปได้ไหมว่าที่ดินเหล่านี้ที่ต้าหลี่ซื้อมามีมูลค่าของมันอยู่แล้ว? "
นายกเทศมนตรีเจียงยิ้มฝืดๆและพูดว่า " แต่ก่อนฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันไม่มีทางเลือก นอกจากจะเชื่อแล้วล่ะ " เมื่อเขาพูดแบบนั้น เขาก็ได้ยืนขึ้นแล้วหยิบเอกสารจากตู้หนังสือข้างหลังเขาและพูดว่า " ดูนี่สิ แล้วนายจะเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร "
" ดูเหมือนพี่จะทำอะไรแปลกๆนะ " หงเหว่ยกูได้รับเอกสาร เมื่อเขาเปิดดูเอกสารอย่างร่าเริง ทันใดนั้นดวงตาของหงเหว่ยกูก็เบิกกว้างขึ้นทันที " นี่…นี่มันไม่จริงใช่ไหม? ประเทศของเรากำลังวางแผนที่จะเวนคืนสี่แยกนี้ เพื่อเตรียมการพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ! "
“รัฐบาลตั้งใจจะทำแบบนั้น แต่นโยบายที่เหมาะสมยังไม่ได้ถูกอนุมัติ นายรู้หรือไม่ว่าเอกสารนี้ไม่ได้มีมูลค่าแค่นั้นหรอกนะ!” นายกเทศมนตรีเจียงนั่งลงอย่างช้า ๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม " ด้วยความสัมพันธ์ของเรา ฉันเลยบอกให้นายทราบ แต่เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ทำนโยบายนี้อย่างเป็นทางการ ดังนั้นในตอนนี้ฉันจึงตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ฉันไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ แต่ผู้คนในเมืองเทียนจิงมีไม่ถึงสิบคนที่รู้ถึงเอกสารนี้ " นายกเทศมนตรีเจียงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆและพูดต่อว่า “ ฉันไม่คิดเลยว่าต้าหลี่ลูกของนายในตอนนี้จะดวงดีได้ขนาดนี้ หรือพูดได้เลยว่าต้าหลี่คงจะได้สืบทอดการมองการณ์ไกลจากตระกูลหงเสียแล้วสิ "
" ด้วยการใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนั้นเนี่ยนะ " พ่อของหงต้าหลี่หัวเราะเสียงดัง " ผมไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้เจอกับสถานการณ์ที่บังเอิญแบบนี้ รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะเวนคืนที่ดินเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ ครอบครัวของผมก็จะมีโอกาสมากที่จะได้ไปพัฒนาที่ดินต่อ หากครอบครัวของผมได้รับสัญญาในการพัฒนาที่ดินผืนนี้ล่ะก็ "
หากรัฐบาลทำการเวนคืนที่ดินเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจจริง ๆ แล้ว ก็แสดงว่าที่ดินนี้มีที่ตั้งที่ดีที่สุดในพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ตราบใดที่เขามีเอกสารที่จะแสดงมูลค่าของพื้นที่นี้ ที่ดินแห่งนี้จะมีมูลค่าเป็นสองเท่าโดยไม่ต้องสงสัยทันที
นายกเทศมนตรีเจียงนั่งบนเก้าอี้และยิ้ม " เห้อ จริง ๆ แล้วฉันเคยสงสารนายนะ แต่ตอนนี้ฉันอิจฉานายแล้วล่ะ บางทีลูกต้าหลี่ของนายอาจสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่นายจริง ๆ เขาเกิดมาในครอบครัวที่ดีและมีพ่อแม่ที่รักในตัวเขาอย่างอบอุ่น แม้ว่าเขาจะถลุงเงินเสียบ่อยครั้ง แต่เขาก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลย ได้มาหลายร้อยล้านหยวนในเวลานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับคนแบบนี้ สามารถพูดได้เลยว่าไม่มีบรรพบุรุษคนไหนหรือผู้สืบทอดคนไหนหรอกที่ทำแบบนี้ได้ "
เมื่อได้ยินคำพูดของนายกเทศมนตรีเจียง พ่อของหงต้าหลี่ก็รู้สึกมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน " ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นคุณสมบัติที่เขาเก็บซ่อนไว้อย่างแน่นอน เขาเป็นลูกชายของผมนะ! " เขาหัวเราะเสียงดัง " ดูเหมือนว่าการเดินทางในวันนี้ไม่ได้เสียเปล่าแล้ว ผมได้รับข้อมูลที่มีค่ามาก เอาล่ะ ผมจะลงทุนสักสองสามร้อยล้านหยวนเพื่อซื้อที่ดินแถวนั้นโดยเร็วที่สุดเอง ผมจะลองลงสนามดูแล้วกัน "
" อ๋อ อย่าลืมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย เพราะมันยังไม่ได้เป็นข้อสรุปของทางรัฐบาลหรอกนะ " นายกเทศมนตรีเจียงเตือนเขา
" พี่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นหรอก " หงเหว่ยกูกล่าว " ผมเองก็ไม่อยากที่จะมีคู่แข่ง โอเค ผมจะกลับแล้ว เวลาไม่เคยรอใคร ผมคงต้องเตรียมการให้เร็วที่สุด มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่ผมสามารถใช้ต้าหลี่เป็นข้ออ้างในการซื้อที่ดินพวกนั้นได้โดยไม่มีใครสงสัย ฮ่าฮ่า! "
…
เมื่อหงเหว่ยกูยินดีออกจากสำนักงานของนายกเทศมนตรี หงต้าหลี่กำลังงีบหลับอย่างมีความสุขในชั้นเรียน ...
ก่อนหน้านี้เขาได้ขอให้จิจือยั่วนำกระเป๋ามาวางไว้ที่โต๊ะให้ก่อน ดังนั้นเมื่อหงต้าหลี่เข้ามาในห้องเรียน เขาจึงหาที่นั่งได้ง่าย จากนั้นเขาก็เริ่มงีบหลับ ศีรษะของเขาพิงบนโต๊ะโดยไม่ต้องกังวลใจอะไรอีกต่อไป จริง ๆ แล้วเขาแสร้งทำเป็นหลับไป เพื่อที่เขาจะได้ไม่สนใจเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบตัวเขา ในระหว่างนี้เขากำลังรวบรวมข้อมูลจากสิ่งที่เขาได้ยิน เพื่อหาชื่อของเพื่อนร่วมชั้นและก็เพื่อที่จะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่นในห้องเรียนด้วย
ตัวอย่างเช่น ผู้ชายที่อยู่ข้างเขาคือ ฉินลีปัง เขาเป็นคนที่ชอบเล่นเกมและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกม หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา คือ หงวอนใบ งานอดิเรกของเธอ คือ การแต่งตัวตามเทรนด์แฟชั่นล่าสุดและอื่น ๆ
ด้วยประวัติและฐานะครอบครัวของเขา ไม่มีครูคนไหนกล้าว่าหงต้าหลี่ที่นอนในห้องเรียน ครูคนอื่น ๆ ถึงขนาดขอให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ลดระดับเสียงลงเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของเขา ดังนั้นเมื่อโรงเรียนถึงเวลาเที่ยงวัน หงต้าหลี่ก็ได้เข้าใจสถานการณ์และข้อมูลของคนทั้งชั้นอย่างคร่าว ๆ
ในกลุ่มของชั้นเรียนห้องมรณะ มีทั้งหมด 42 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 24 คน ในวงกว้าง ๆ การพูดคุยกันนั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
หัวหน้าฝ่ายชาย คือ ฝางหยูเฉิง ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของเหมืองสี่แห่งใกล้กับเมืองเทียนจิงและมีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 500 ล้านหยวน เขาเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ในมาตรฐานการใช้เงินเขาดูฟุ่มเฟือยพอตัวและมีผู้สนับสนุนมากมาย ผู้นำของฝ่ายหญิงคือ ดิงหยังเหมิง ครอบครัวของเธอสร้างอาณาจักรขึ้นมาจากอสังหาริมทรัพย์และมีมูลค่าสุทธิประมาณ 600 ล้านหยวน จากคำพูดของเธอก่อนหน้านี้ เธอมีพฤติกรรมโดยรวมจากการคุยกับผู้คนสามารถอธิบายได้ว่าเธอเป็นทอมบอย เธอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะมีความสัมพันธ์แบบพี่น้องกับเขา
นอกจากนี้หงต้าหลี่ยังได้ยินข่าวสำคัญบางอย่าง อย่างคลุมเครือ มีข่าวว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมีฉายาว่า "ยัยผีบ้า" ที่ไม่ค่อยเข้าเรียน อย่างไรก็ตามเธอเป็นผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เพียงแต่ในชั้นเรียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั้งโรงเรียนด้วย ประวัติของเธอเป็นปริศนา ผู้คนต่างบอกว่าทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เลือดจะหลั่งไหล มีผู้ชายหลายคนถูกเฆี่ยนตีโดยเธอ เธอจะเฆี่ยนจนกว่าพวกเขาจะเสียเลือด ดังนั้นเธอจึงมีฉายาว่า "ยัยผีบ้า"
เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของเด็กผู้หญิงคนนี้ หงต้าหลี่ก็คงต้องการอยู่ให้ห่างจากเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าคะแนนสถานะด้านสุขภาพของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 45 แต่ก็ยังห่างไกลจากคนทั่วไปมาก
เขาไม่ได้วางแผนที่จะตายก่อนถึงเวลาตายหรอกนะเห้ย
ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญที่หงต้าหลี่ใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายในการรวบรวม จากนั้นเขาก็ได้ใช้เวลาพักทานอาหารกลางวันอย่างมีความสุข ...