px

เรื่อง : ดวงตาเทพเหนือโลก
ตอนที่ 41 เหนือความคาดหมาย


ตอนที่ 41 เหนือความคาดหมาย

 

ผ่านไปสักพัก เขาก็ได้ยินของฮงเหมยดังมาจากด้านใน เธอพูดว่า “เฮอะให้คุณเข้ามางั้นหรอ คุณจะมาเพื่อพูดเรื่องนี้ซินะ ฉันเข้าใจละ” เมื่อคนที่อยู่ด้านนอกอย่างซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดเช่นนี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดใจ คำพูดของฮงเหมยทำให้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก หลังจากทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงของฮงเหมยที่อยู่ด้านในพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณจะพูดไหมฮะ! ถ้าไม่พูดก็กลับไป! เดี๋ยวฉันออกไปถามท่านประธานจางเองก็ได้!” น้ำเสียงของเธอฟังดูเด็ดขาดและเครียดมาก

ซ่งลุ่ยที่อยู่ด้านนอกได้ยินฮงเหมยพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรงเช่นนั้น ตัวเขาก็ทรุดฮวบลงทันที ตอนนั้นเขาจึงคิดว่าจะพูดกับฮงเหมยด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่นุ่มนวล หรือแม้กระทั่งใช้การอ้อนวอนในการช่วยพูด “เอ่อ ฮงเหมย! เปิดประตูหน่อย คือฉันมีเรื่องบางอย่าง อยากจะคุยกับเธอน่ะ เป็นเรื่องสำคัญที่ด่วนมาก ดังนั้นรีบเปิดประตู คุยตรงนี้มันไม่ค่อยสะดวก ถ้าคุยตรงนี้ คนทั้งตึกจะต้องได้ยินเรื่องนี้แน่!” เมื่อพูดจบเขาก็ไม่เปล่งเสียงใดๆอีก รอเพียงการตอบกลับของฮงเหมยเท่านั้น

และนั้นก็เป็นการเงียบนิ่งอีกครู่หนึ่ง ซ่งลุ่ยกำลังจะถามอีกรอบ ทันใดนั้นเขาก็เห็นประตูถูกเปิดออก มันไม่ได้ถูกเปิดออกทั้งหมด เปิดแง้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งลุ่ยจึงใช้มือผลักประตูให้เปิดออก และเดินเข้าไปในห้องทำงานของฮงเหมย หลังจากที่ซ่งลุ่ยเข้ามาถึงห้องทำงาน เขาก็เดินตรงเข้าไป แน่นอนคนที่อยู่หลังประตูนั้นก็คือฮงเหมย หลังจากที่เธอเห็นว่าเขาเข้ามาแล้วเธอก็ปิดประตูลงทันที เธอพูดกับซ่งลุ่ยจากทางด้านหลังของเขา และการพูดคุยนี้เธอไม่ได้หลงเหลืออารมณ์ที่ขุ่นเคือง เธอพูด

“นายมีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ดังนั้นอย่ามาทำให้ฉันเสียเวลา” เมื่อเธอพูดจบก็ไม่สนใจซ่งลุ่ยอีก เธอเดินตรงไปที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง เมื่อมาถึงเธอก็นั่งลงทันที และก้มหน้ามองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ

ซ่งลุ่ยฟังน้ำเสียงของฮงเหมยออก เขารู้สึกได้ถึงลางร้าย ฮงเหมยกำลังโกรธอยู่แน่ๆ แต่ทำไมถึงโกรธนั้น ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน บางทีเรื่องนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อว่าของประธานจาง แต่ในเวลานี้น้ำเสียงของฮงเหมยก็เย็นชาด้วยเช่นกัน น้ำเสียงเช่นนี้ทำให้เขาไม่อาจรับได้ แต่เนื่องจากเขาคิดขึ้นได้ว่าไหนๆตัวเองก็มาแล้ว และยังเตรียมใจมาแล้วด้วย ดังนั้นจะมายอมแพ้และถอยกลับเพราะเรื่องขุ่นเคืองเล็กๆนี้ไม่ได้

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซ่งลุ่ยก็ไม่ลำบากใจอีกต่อไป ตอนนี้ เขาจึงเผยรอยยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดบนใบหน้าของตัวเอง ใช้คำพูดที่สุภาพมากในการพูดกับฮงเหมย “ฮงเหมย เธอเป็นอะไรไปงั้นหรอ เมื่อกี้ในห้องทำงานของประธานจางตัวเธอยังอารมณ์ดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆเธอก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ล่ะ! ถ้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้โมโหเธอระบายให้ฉันฟังได้นะ!” บนใบหน้าของเขายังคงเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุด และนอกจากนี้เขายังมองฮงเหมยด้วยสายตาที่อ่อนโยน

เดิมทีฮงเหมยทั้งอารมณ์เสีย โมโห และเรื่องยังเกิดตรงกับตอนที่ซ่งลุ่ยมาถึงพอดี ไหนๆเขาก็เปิดช่องทางระบายอารมณ์ให้กับฮงเหมย ดังนั้นเธอจึงพูดออกมาด้วยความโมโห

“นายมีเรื่องอะไรรึป่าว ถ้ามีก็พูด ถ้าไม่ก็เชิญออกไป นายกำลังขัดขวางการทำงานของฉัน ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ!” เมื่อพูดจบเธอก็ไม่เหลียวมองซ่งลุ่ยเลยสักนิด เธอฟุบลงกับโต๊ะทันที จากนั้นก็เริ่มทำงานของตัวเองต่อไป

ซ่งลุ่ยได้รองรับไฟแห่งความโกรธอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะใช้ความกล้าในแบบยิ่งผิดก็ยิ่งกล้าหาญ เหลือเพียงความหน้าด้านเท่านั้นที่ใช้ได้ ความผิดหวังเล็กๆน้อยๆนี้สำหรับเขาแล้วมันไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงยอมที่จะถอยให้เธอเพื่อจะได้ตั้งหลักใหม่ เพื่อเตรียมใจจะทำศึกรอบสองกับฮงเหมยอีกครั้ง!

เมื่อเตรียมพร้อมเรียบร้อย อารมณ์ที่เคยยุ่งเหยิงของเขาเมื่อครู่ ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นลมหายใจที่ผ่อนคลาย เขาหันไปพูดกับฮงเหมย “ฮงเหมย เมื่อกี้ฉันเพิ่งเห็นเธอเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยความโกรธ ดังนั้นหลังออกจากห้องทำงานของท่านประธานจางฉันก็รีบมาที่นี่เป็นที่แรกเลยนะ ฉันอยากจะมาขอโทษเธอน่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ไม่ว่าฉันจะทำอะไรผิดไปหรือไม่ ยังไงฉันก็อยากจะมาขอโทษเธอ”

หลังจากซ่งลุ่ยพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ทันทีว่านี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่นา หลังพูดจบตัวเองก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจถึงเหตุผลข้อหนึ่งขึ้นมา ตัวเองไม่จำเป็นต้องมาประจบฮงเหมยแบบนี้เลย! ใช่! ถึงตัวเขาจะยอมรับว่าฮงเหมยช่วยเหลือไว้มากก็จริง และตนเองก็จำมันขึ้นใจเสมอ และแน่นอนว่าต่อไปตัวเองจะต้องตอบแทนบุญคุณฮงเหมย แต่มันไม่ได้หมายความว่าตัวเองจะต้องมาประจบประแจงเธอนี่ เผชิญหน้ากับเธอด้วยการประจบเนี่ยนะ ตัวเขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง และก็มีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง

หลังจากคิดเรื่องนี้ได้จนกระจ่างแล้วซ่งลุ่ยก็ไม่หันไปมองฮงเหมยด้วยสีหน้าประจบสอพลอเหมือนก่อนหน้านี้อีก เขาเลือกโค้งคำนับให้กับฮงเหมย จากนั้นกลับมายืนตัวตรงและพูดกับฮงเหมยว่า

“ฮงเหมย เมื่อก่อนเธอเคยช่วยฉันไว้มาก เรื่องนี้ฉันรู้ดี และฉันเองก็จำมันได้อย่างขึ้นใจต่อไปฉันจะตอบแทนเธออย่างแน่นอน” หลังพูดจบเขาก็หมุนตัวและเดินตรงไปยังประตู

ฮงเหมยสับสนกับการกระทำในครั้งนี้ของซ่งลุ่ย เมื่อกี้เขายังดีๆอยู่เลย ทั้งยังประจบตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ใช้ก็อ่อนโยน ทำไมระหว่างนั้นถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ! แม้แต่น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ท่าทางก็เด็ดเดี่ยว ไม่เหมือนกับซ่งลุ่ยที่ตัวเองรู้จักเลยสักนิด! หรือว่าเมื่อกี้คำพูดสองประโยคนั้นของตัวเองจะไปทำร้ายจิตใจของซ่งลุ่ยเข้า ตอนนี้ฮงเหมยย้อนกลับไปคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับคำพูดสองประโยคนั้นของตัวเอง เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงที่ใช้พูดสองประโยคนั้นมันก็ไม่ค่อยถูกต้องซะทีเดียว แต่เมื่อเห็นซ่งลุ่ยหันหลังและเดินออกไป ใจของฮงเหมยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอรีบพูดกับซ่งลุ่ย

“นายรอเดี๋ยว อย่าพึ่งไป!”

ฮงเหมยทั้งพูด และลุกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปทางซ่งลุ่ย เธอวิ่งด้วยความรวดเร็วจนมาถึงด้านหน้าของซ่งลุ่ย เธอพยายามยืนขวางไม่ให้ซ่งลุ่ยเดินออกไปได้ เธอพูดกับซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าที่จริงใจ

“เมื่อกี้ฉันผิดเอง น้ำเสียงของฉันอาจจะฟังดูรุนแรงไปหน่อย คำพูดที่ใช้ก็ไม่ค่อยเหมาะสม ทำให้นายต้องเสียใจทั้งที่นายปรารถนาดีแท้ๆ ดังนั้นตอนนี้ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริงๆ” เมื่อพูดจบ เธอก็มองซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยที่แฝงด้วยการขอโทษ เพื่อรอคอยการตอบกลับมาของซ่งลุ่ย

ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดเช่นนี้ ก็ถึงกับตกตะลึง ที่ซ่งลุ่ยตกใจนั้นเป็นเพราะ เมื่อครู่ตัวเองพึ่งทำทุกวิถีทางเพื่อประจบประแจง และแสดงสีหน้าที่จริงใจ เพื่อเปลี่ยนใบหน้าเย็นชาที่ฮงเหมยปฏิบัติต่อเขา และยังคำพูดที่เย็นชาเหล่านั้นอีก จนสุดท้ายตัวเองก็เลือกที่จะไม่ยอมทำต่อไป แต่ฮงเหมยกลับปฏิบัติต่อตัวเองอย่างอบอุ่นแบบนี้ ท่าทีก็เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน นี่ยิ่งทำให้ซ่งลุ่ยสับสนยิ่งกว่าเดิม

แต่แล้ว ใจของซ่งลุ่ยก็เต็มไปด้วยความรู้สึกดูแคลนฮงเหมย เมื่อกี้ตอนพูดเธอก็ไม่สนใจตัวเอง ตอนนี้ท่าทางของตัวเองเปลี่ยนมาแข็งกร้าวขึ้นแล้ว เธอกลับเปลี่ยนมาขอร้องตัวเองเนี่ยนะ ตัวเองจะพูดว่ากลับไปก็ทำไม่ได้ เพราะนั่นมันไม่ทำให้เกิดเรื่องดีๆแน่ ในขณะที่ซ่งลุ่ยกำลังคิด ใบหน้าของเขาก็ยังคงเรียบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาฟังอย่างเงียบๆจนฮงเหมยพูดจบ เขาก็พูดกับฮงเหมย

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ในเมื่อฉันมาขอโทษเธอ ฉันก็เตรียมใจจะมารองรับการกระทำที่เย็นชาของเธออยู่แล้ว ตอนนี้ภารกิจฉันก็ลุล่วงแล้ว ไม่ทราบว่าเธอพูดจบรึยัง ถ้าพูดจบแล้วก็รบกวนหลีกทางให้ฉันหน่อย ฉันยังต้องไปทำงานอีกน่ะ!”

เมื่อพูดจบเขาก็เดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง และยังไม่หันมามองฮงเหมยเลยแม้แต่น้อย

รีวิวผู้อ่าน