ตอนที่ 36 กำลังดำเนินการ
ตอนที่ดึงซุนหย่านเข้ามาในห้องต้องทำให้พวกเขาเห็นแน่นอน คงคิดว่าเขาและซุนหย่านต้องมีความสัมพันธ์อย่างว่ากันแน่นอน การกระทำแบบนี้แน่นอนว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าพวกเขาแค่ไม่รู้! ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับข่าวซุบซิบนินทานี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขาเองก็เพิ่งมาใหม่! เพิ่งจะเข้ามาทำงานก็สร้างระเบิดตู้มใหญ่ในที่ทำงานแล้ว สำหรับผลกระทบต่อเขาแค่คิดก็ไม่ยากที่จะรู้ผลลัพธ์ว่าเป็นยังไง!
ในใจของซ่งลุ่ยก็เข้าใจปัญหาของเรื่องนี้อย่างชัดเจน ใบหน้าก็ปรากฏความเคร่งขรึมออกมา เมื่อมองไปรอบห้องทำงานก็เห็นว่าซุนหย่านมองมาที่เขาที่กำลังแสดงใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามซ่งลุ่ย
“เป็นอะไรเหรอพี่ซ่ง? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยิน ความเคร่งขรึมบนใบหน้าก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ขมฝาดของความกลัดกลุ้มใจแทน เขาจึงบอกซุนหย่านในสิ่งที่เขาเห็นและสิ่งที่เขาคิด เธอก็ตื่นตระหนกทันที่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งลุ่ยบอก คิดว่าเธอเป็นส่วนที่ทำให้ซ่งลุ่ยตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ เป็นการแสดงออกว่าทำผิด
ซ่งลุ่ยเห็นสีหน้าของซุนหย่าน ทันในนั้นก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าซุนหย่านกำลังคิดอะไรอยู่ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปที่ด้านข้างของซุนหย่านแล้วโอบกอดเธออย่างเบาๆ เขาพูดกับซุนหย่านอย่างเงียบๆว่า
“ยัยเด็กโง่ จะเป็นความผิดเธอได้ยังไงหล่ะ? ไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”เขาปลอบโยนเธอด้วยคำพูดเช่นนี้
ซุนหย่านที่อยู่ในอ้อมกอดของซ่งลุ่ยก็รู้สึกอบอุ่นมากในเวลานนี้ เพราะเธอหลังจากที่โตมาก็ไม่เคยสนิทสนมกับซ่งลุ่ยขนาดนี้ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้เหมือนเดิมจนทำให้เธอคิดถึงและโหยหามันอย่างมาก! ในเวลานี้ซุนหย่านไม่รู่ว่าเธอคิดอะไรอยู่และทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อออกมา
ซ่งลุ่ยพูดปลอบโยนซุนหย่า ในขณะที่คิดเกี่ยวกับแผนรับมือว่าเขาควรจะทำอย่างไรให้เธอไปดี ถ้าหุนหันพลันแล่นให้เธออกไปตอนนี้จะต้องถูกคนที่อยู่ด้านนอกนั่นเห็นเข้าแน่ๆ ซ่งลุ่ยมองไปรอบๆห้องทำงานของตนเอง ก็พบว่ามีเสื้อผ้าของตนเองอยู่ไม่กี่ชุด ใจก็เต้นระรัวและคิดวิธีดีๆออก ไม่มีอะไรดีเท่ากับว่าให้ซุนหย่านปลอมตัวเป็นผู้ชาย ในตอนที่เขาเดินออกไปข้างนอก เขาจะเดินไปทางกลุ่มคนพวกนั้นแต่ให้ซุนหย่านเดินไปทางตรงกันข้ามและไม่ต้องหันหลังกลับมา แบบนี้พวกเขาก็จะให้ความสนใจมาที่เขาและไม่หันไปสนใจซุนหย่าน! มันควรจะเป็นแบบนี้!
ซ่งลุ่ยตัดสินใจพูดปัญหาที่เขาคิดได้ในใจออกมา ดังนั้นเขาจึงพูดกับซุนหย่านไนอ้อมอก “ซุนหย่าน เมื่อกี้เรื่องที่เกิดขึ้นเธอก็รู้ เสียงที่ดังมาจากด้านนอก ทางด้านนั้นก็คือห้องทำงานของประธานจาง ตอนนี้เธอกับฉัน….พวกเราสองคนไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ฉันต้องรีบไปหาประธานจาง ที่นี่มีเสื้อผ้าของฉันอยู่ไม่กี่ชุด เธอปลอมตัวสักหน่อย อีกสักพักพวกราจะออกไปข้างนอกพร้อมกัน ฉันจะไปทางห้องประธานจาง เธอไปทางตรงข้าม ใครเรียกก็เอย่าหันมาเด็ดขาด เข้าใจแล้วใช่มั้ย?” พูดจบเขาก็จ้องมองซุนหย่านที่อยู่ในอ้อมอกด้วยใบหน้าที่จริงจัง
ซุนหย่านที่อยู่ในอ้อมอกของซุงลุ่ยได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเล เธอพยักหน้า และทำตามที่ซ่งลุ่ยบอกและจัดเตรียมการไว้ เธอเริ่มปลอมตัว ในความเป็นจริงเสื้อผ้าไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่เสื้อคลุมหนึ่งตัว กางเกงหนึ่งตัว หมวกหนึ่งอัน เมื่อส่วมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็มัดผมแล้วสวมหมวกทับลงไปอีก ดังนั้นเมื่อทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงมายืนที่ด้านหน้าของซ่งลุ่ยแล้วถามว่า
“ฉันดูเป็นอย่างไรบ้าง? ใช้ได้หรือยัง!ดูไม่ออกแล้ว!” พูดจบ ก็มองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยความหวัง
ซ่งลุ่ยพยักหน้าอย่างช้า ๆ หลังจากที่เห็น เขาก็อยากที่จะชื่นชมซุนหย่าน แต่ในเวลานี้ซ่งลุ่ยก็ได้ยินเสียงข้างนอกค่อยๆดังมากขึ้น! ซ่งลุ่ยเลยตัดสินใจทันทีอย่างไม่ลังเลแล้วออกแรงดึงไหล่ของซุนหย่านเดินไปที่ประตูเพื่อจะออกไปด้านนอก เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูเขาพูดกับซุนหย่านว่า
”เธอต้องจำไว้ให้ดี ว่าให้เดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับฉัน ใครเรียกก็อย่าหันกลับมา เข้าใจมั้ย!”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ซุนหย่านอย่างจริงจัง เมื่อเห็นซุนหย่านพยักหน้าสองสามครั้ง เขาก็รู้สึกโล่งใจและเริ่มนับเบาๆว่า "สาม สอง หนึ่ง ไป!" ทันทีที่คำพูดจบลง ซ่งลุ่ยก็เปิดประตู ทั้งสองเดินออกจากประตูด้วยกัน เหมือนกับที่ซ่งลุ่ยได้วางแผนไว้และซุนหย่านก็เดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับซ่งลุ่ย ใครเรียกก็ไม่หันหลังกลับมา!
จางชูหยาที่กำลังตำหนิฮงเหมยในห้องทำงาน ไม่ใช่เพราะฮงเหมยทำเรื่องอะไรผิด แต่ตอนที่จางชูหยาพูดคุยกับฮงเหมย ก็พบว่าเสื้อผ้าของฮงเหมยไม่เรียบร้อย ใบหน้าแดงกล่ำ แววตาลุกลี้ลุกลน ดังนั้นเธอ จึงถามฮงเหมยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าฮงเหมยกลับไม่ยอมตอบ จางชูหยาเค้นถามฮงเหมยสี่ถึงห้ารอบ ฮงเหมยถึงจะยอมปริปากบอกสาเหตุ
เมื่อจางชูหยาได้ยินแล้วก็โกรธขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างถูกพรากไปจากเธอแล้วก็พอดีกับที่ว่าฮงเหมยลืมไปจัดการธุระแทนจางชูหยา ดังนั้นจางชูหยาจึงตำหนิฮงเหมย ฮงเหมยในเวลานี้ก็รู้สึกคับอกคับใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าตัวเองแค่ลืมจัดการธุระหรอกเหรอ? ทำไมวันนี้ประธานจางถึงหงุดหงิดใส่เธอขนาดนี้ แน่นอนว่าฮงเหมยไม่กล้าปริปากส่งเสียงออกมา แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ ถึงอย่างไรมันก็เป็นมันก็เป็นความผิดของเธอเอง ถึงอย่างไรประธานจางก็เป็นเจ้านายเธอ ดังนั้นเธอจึงน้อมรับคำตำหนิโดยไม่พูดอะไรออกมา จางชูหยาสังเกตจากสีหน้าและคำพูดก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้ แน่นอนว่าเธอมองความคิดของฮงเหมยออก ดังนั้นเมื่อยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ! ยื่นมือออกไปหยิบเอาแก้วน้ำของตนเองเขวี้ยงลงพื้น!
ตอนที่จางชูหยากำลังตำหนิฮงเหมยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาดังมาจากด้านนอกห้องทำงานของเธอ ตอนนี้เธอไม่สนใจฮงเหมยแล้ว เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูห้องทำงานพลางเดินไปโกรธไป และอยากจะระบายความโกรธที่มีอยู่ท่วมตัวออกไป! ฮงเหมยที่ได้ยินเสียงนี้ก็ทำเช่นเดียวกับประธานจาง เธอมองดูร่างของประธานจางที่เดินออกไปด้านอก ในใจแม้จะไม่ค่อยสมัครใจ แต่ก็ยังคงเดินตามประธานจางออกไป
หลังจากจางชูหยาเปิดประตูออกมาเธอก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังซุบซิบอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานเธอ! เธอแค่อยากจะดุพวกเขาดัง ๆ แต่พบว่าหลังจากที่ได้เห็นพวกเขาก็หันมาทักทายทีละคนแล้วก็หันไป! อาจพูดได้ว่าก่อนที่จางชูหยาจะได้ดุพวกเขา พวกเขาก็รู้ตัวว่าใครมา และค่อยๆหายกันไปทีละคน!
ภาพเบื้องหน้าที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของจางชูหยา จะพูดก็ไม่ได้ จะไม่พูดก็ไม่ได้ ความโกรธทั้งหมดจุกขึ้นมาที่ลำคอ กำลังเตรียมที่จะระบายอารมณ์ออกมา กลับพบว่าเป้าหมายที่จะระบายอารมณ์กลับหายไปแล้ว ในตอนที่จางชูหยามีท่าทางที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาดังมาจากที่ไกลๆ ทางที่ดีที่สุดของจางชูหยาในตอนนี้คือต้องระงับความโกรธของตนเองเอาไว้ก่อน ปรับท่าทางและอารมณ์ให้ปกติ! รอคอยคลื่นลูกใหม่อย่างเงียบๆ!