px

เรื่อง : ดวงตาเทพเหนือโลก
ตอนที่ 35 ข่าวลือ


ตอนที่ 35 ข่าวลือ

 

ซุนหย่านหยิบปากกาไวท์บอร์ดขึ้นมาและเริ่มสร้างสรรค์ลวดลายลงไปบนใบหน้าของซ่งลุ่ย หลังจากที่เธอบรรจงวาดอย่างจริงจังแล้ว เมื่อมองดูผลงานชิ้นเอกของเธอ เธอก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจกับผลงานมาก แต่ในใจเธอกลับมีความสงสัยเกิดขึ้น! ซ่งลุ่ยไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ตลอดเวลานี้ ถ้างั้นแล้วทำไมเขาถึงยังได้ยืนอยู่ตรงนี้หล่ะ? มีธุระเหรอ? ในใจก็ยังคงนึกไม่ออกอยู่ดี! ซ่งลุ่ยที่ยืนอยู่ตรงนี้ แม้แต่คำพูดสักประโยคเดียวเขายังไม่สนใจฉันเลย เพราะแบบนี้มันเลยทำให้ซุนหย่านรู้สึกอึดอัดมาก! บนใบหน้าก็ค่อยๆปรากฏความโกรธออกมา! ในเวลานี้ซุนหย่านก็เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับซ่งลุ่ย แล้วพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“ได้ ซ่งลุ่ยได้ นายก็ไม่ได้สนใจฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนิ!” พูดจบเธอก็หมุนตัวแล้วเดินจากไป ไม่ทันรอให้ซ่งลุ่ยตอบกลับ

ในใจของซ่งลุ่ยกำลังส่งเสียงเรียกอย่างขมขื่น นี่เธอพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย! เดิมที่เขาไม่ใช่แค่อยากจะเห็นฉากที่มันน่าสนใจก็เลยเปิดระบบมองทะลุและแอบดูสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าจะทำให้เขาติดแหง็กอยู่ตรงนี้  บังเอิญที่ซุนหย่านผ่านมาที่นี่ ไอ้ระบบบ้าพูดว่าที่ไหนมันเหมาะสมกันละ ทุกอย่างก็เรื่องบังเอิญ บังเอิญพบกัน แบบนี้จะฆ่าฉันให้ตายเร็วขึ้นนะสิ ! พูดจบรอยยิ้มอันขมขื่นก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา!

เดี๋ยวก่อนๆ รอยยิ้มอันขมขื่น! ในเวลานี้ซ่งลุ่ยดึงสติกลับมาอย่างช้าๆต่อการแสดงออกของเขาแบบนี้น่าจะสามารถเดินไปได้อย่างช้าๆแล้ว ดังนั้นซ่งลุ่ยจึงค่อยๆยกเท้าของเขาขึ้นอย่างช้าๆ ผลลัพธ์คือมันสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว! ซ่งลุ่ยหันไปมองทางซุนหย่านอย่างรวดเร็ว แต่พบว่าซุนหย่านยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของฮงเหมยในมือถือเอกสารอยู่และกำลังเคาะประตู สายตาก็มองมาที่เขาด้วย ซ่งลุ่ยที่เห็นฉากนี้ ก็รีบใช้มือทุบขาของเขาที่เพิ่งจะขยับได้เมื่อครู่และเดินกะโผลกกะเผลกไปหาซุนหย่าน

ซุนหย่านที่อยู่ห่างจากซ่งลุ่ยก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะตอนนี้เธอรู้สึกตัวเธอเองหุนหันพลันแล่นเกินไป เมื่อเห็นแบบนี้มันจะต้องมีเหตุผลแน่นอน  เธอที่ทำไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ถ้าซ่งลุ่ยเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา เธอจะทำอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เธอยืนอยู่หน้าประตูและเคาะประตูไปแล้ว ถ้าหากฮงเหมยออกมาแล้วไม่เจอเธอแบบนั้นเธอคงจบเห่เหมือนกัน!

ในขณะที่จิตใจซุนหย่านกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่นั้น หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นซ่งลุ่ยกำลังเดินขาเป๋มาหาเธอ ดังนั้น ซุนหย่านจึงก็รีบถลันไปข้างหน้าเพื่อประคองซ่งลุ่ย และใช้น้ำเสียงที่เป็นห่วงซ่งลุ่ยอย่างมากถามขึ้นว่า

“พี่ซ่ง เมื่อกี้พี่เป็นอะไร ฉันคิดว่าพี่ไม่สนใจฉันแล้ว” พูดจบสีหน้าเศร้าโศกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

เมื่อซ่งุล่ยได้ยินซุนหย่านเรียกชื่อเล่นของเขา ในใจก็อดที่จะรู้สึกอบอุ่นไม่ได้และพูดกับซุนหย่านด้วยรอยยิ้ม "ไม่มีอะไรไม่ได้เป็นอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจมันเลย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?

"ฉันจะไปมีเรื่องอะไร ถ้ามีเรื่องอะไรก็คือเรื่องการทำงานนั่นแหละ มีเอกสารที่ต้องเอามาส่งให้ผู้ช่วยฮงตรวจสอบ ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่ไงหล่ะ”

"เรื่องนี้นี่เอง ตอนนี้ฮงเหมยไม่อยู่ในห้องทำงาน ประธานจางเรียกเธอไปพบ เอกสารอะไร? ให้ฉันสิ ให้ฉันก็เหมือนที่ให้ฮงเหมยนั่นแหละ”

หลังจากที่ซ่งลุ่ยพูดจบเขาก็ขยับขาและพูดกับซุนหย่านว่า "อย่ายืนโง่อยู่ข้างนอกตรงทางเดินนี่เลย ไปเถอะ ไปห้องทำงานของฉันก่อน”พูดยังไม่ทันจบ เขาก็ยื่นมือขวาไปจับมือซ้ายของซุนหย่านและไม่รอให้ซุนหย่านตอบสนองอะไร เขาก็ดึงซุนหย่านไปที่ห้องทำงานของเขา ซุนหย่านที่ถูกซ่งลุ่ยปฏิบัติแบบนี้ก็เขินอายจนใบหน้าแดง แม้ว่าจะขัดขืนบ้างแต่ก็ยอมเดินตามซ่งลุ่ยไปแต่โดยดี ในขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขิน

ในเหตุการณ์นี้ซ่งลุ่ยไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรและซุนหย่านเองก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามสายตาของผู้คนรอบข้างไม่เป็นเช่นนั้น เพราะพวกเขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง พวกเขาเห็นแค่ผู้ช่วยคนใหม่ดึงหญิงสาวที่หน้าแดงเขินอายเข้าไปที่ห้องทำงานอย่างรีบร้อนและก็ไม่เห็นเหตุการณ์อะไรต่อแล้ว แต่แค่ที่พวกเขาเห็นนั้นก็มีความสุขมาก! พวกเขาจะอดกลั้นความคันปากอยากนินทาแล้วเก็บเอาไว้แค่คนเดียวได้อย่างไรกันหล่ะ? ดังนั้นจากเรื่องนี้ก็ผ่านหูจากคนคนเดียวไปสิบคน จากสิบไปร้อย ผ่านไปไม่นาน พนักงานในชั้นนี้และชั้นอื่นๆ ก็รู้ข่าวลือนี้ทั้งหมด  

คนที่ได้เห็นสถานการณ์ด้วยตาตนเองก็คิดว่าตัวเองโชคดี  คิดว่าตนเองเหนือชั้นกว่าผู้อื่น โอ้อวดและแสดงสีหน้าลำพองใจ แต่ว่าส่วนผู้ที่ไม่ได้เห็นเล่า? ในใจก็อยากจะเห็นกับตาตัวเอง ดังนั้นจึงพากับบุกไปที่ห้องทำงานของซ่งลุ่ย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ ได้แค่อยู่ไกลๆแล้วกระซิบกระซาบกัน ด้านหลังมีคนเดินเข้ามาร่วมขบวนการอีก เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากลุ่มค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยในชั่วพริบตา!

ห้องทำงานของฮงเหมยกับซ่งลุ่ยอยู่ไม่ไกลกันมาก ดังนั้ซ่งลุ่ยจึงรีบพาซุนหย่านเข้าไปที่ห้องทำงานของเขา หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้ว ซ่งลุ่ยก็ปล่อยมือของเธอออกและพูดกับเธอว่า

“นั่งก่อนสิ อยู่ในพื้นที่ของฉันแล้วก็ทำตัวตามสบายเถอะ”พูดจบเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตนเอง

ซุนหย่านสังเกตเห็นว่าเมื่อซ่งลุ่ยปล่อยมือของเธอออกก็รู้สึกว่าในใจของเธออ้างว้างเหงาหงอย แต่ในตอนนั้นเองก็ได้ยินซ่งลุ่ยพูด เธอจึงถามเขาด้วยความสงสัย “ห้องทำงาน พี่ซ่ง พี่มีห้องทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่าพี่คือผู้ช่วยซ่งคนใหม่ ” พูดจบเธอก็มองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ

ซ่งลุ่ยมองซุนหย่านที่มองดูตนเองด้วยสายตาแบบนั้น ในใจก็อดที่จะรู้สึกภูมิใจในตนเองไม่ได้ ซ่งงลุ่ยพูดอย่างโอ้อวดกับซุนหย่าน “ผู้ช่วยอะไรก็ไม่สำคัญหรอก ดวงดีก็เท่านั้นเอง ซุนหย่าน ดูห้องทำงานนี่สิเป็นไงบ้าง มันพอจะอยู่ในสายตาเธอได้มั้ย! ” แม้ว่าน้ำเสียงจะดูเฉยๆ มาก แต่ความภาคภูมิใจในใบหน้าของเขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้!

เมื่อซุนหย่านได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนี้กับเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะทำตาโตให้กับซ่งลุ่ย อีกทั้งยังมองไปรอบๆห้องทำงานของซ่งลุ่ยอีก เธอพยักหน้าอย่างชื่นชมเขาไม่หยุด!

ซ่งลุ่ยมองดูท่าทางของซุนหย่านในตอนนี้ ที่มีการแสดงออกอย่างไม่คาดไม่ถึง เขาแค่กำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับซุนหย่าน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตู! จิตใต้สำนึกสั่งเขาให้ยืนขึ้นในทันที เพื่อไปเปิดประตูดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก แต่แล้วความคิดนี้ก็หายไป เขาจึงเปิดระบบมองทะลุแล้วมองออกไปทางนอกห้องทำงานของเขาแทน  

เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างจากห้องทำงานเขากำลังชี้มาที่ห้องทำงานของเขา มีเสียงกระซิบกระซาบและยังมีคนตามมาสมทบกับกลุ่มคนพวกนี้และชี้มาที่ห้องทำงานของเขาอีก แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน?

สถานการณ์ที่สะดุดตานี้ ทำให้ซ่งลุ่ยสับสนมาก มีอะไรผิดปกติกับพวกเขา? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ในขณะที่ซ่งลุ่ยกำลังคิด ทันใดนั้นหางตาเขาก็เหลือบมาเห็นซุนหย่าน !  คิดอย่างละเอียดก็นึกถึงการกระทำที่ทำหลังจากเจอซุนหย่าน ทันใดนั้นคำตอบก็ผุดขึ้นในใจของเขา!

รีวิวผู้อ่าน