px

เรื่อง : ดวงตาเทพเหนือโลก
ตอนที่ 31 แผนของตนเอง


ตอนที่ 31 แผนของตนเอง

 

ซ่งลุ่ยที่เข้ามาในห้องทำงานแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน กางเอกสารที่เหลืออยู่ของเขาก่อนหน้านี้ก่อนจะแสแสร้งทำเป็นจริงจังกับงาน ผ่านไปไม่นาน ซ่งลุ่ยก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงย่ำลงบนพื้นจากที่ไกลมาใกล้ ค่อยๆเดินเข้ามา ในตอนที่เสียงนั้นมันถึงหน้าประตูห้องของเขา ทันใดนั้นเจ้าของเสียงนั้นก็หยุดลงที่หน้าประตูห้องทำงานของเขา 

ซ่งลุ่ยแอบพูดอย่างเบา ๆ แย่จริงๆ พูดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆเลย! ยังไม่ทันให้เวลาซ่งลุ่ยดึงสติกลับมา ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงอันทรงเสน่ห์ดังลอดมาจากด้านนอกประตู

"ผู้ช่วยซ่ง ฉันฮงเหมย รบกวนเปิดประตูหน่อย ฉันมีเรื่องเลยมาหาคุณ!”

หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินเสียงนี้ เขาก็จัดแจงท่าทางของตัวเอง ลูบหน้าตนเองและปรับเปลี่ยนสีหน้าของตนเองให้เป็นสีหน้าของความเต็มใจ ก่อนจะเปิดประตู เขามองฮงเหมยที่ยืนอยู่หน้าประตูและถามด้วยความประหลาดใจ

”ฮงเหมย! มีเรื่องอะไรถึงมาเหรอ? เข้ามาก่อน!” พูดจบก็ไม่รอให้ฮงเหมยตอบกลับ เขาก็ดึงฮงเหมยให้เข้ามาในห้อง

ซ่งลุ่ยดึงฮงเหมยเข้ามาในห้องทำงาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล รอให้ฮงเหมยเข้ามาให้ห้องทำงานอย่างเรียบร้อย ในชั่วพริบตาเดียว ซ่งลุ่ยก็ปิดปะตูดัง “ปัง”อย่างรวดเร็ว เขากดฮงเหมยไว้ที่หลังประตู สองมือดันไหล่ฮงเหมยไว้ที่กำแพง !

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็กัดฟันของเขาแล้วมองไปที่ฮงเหมยแล้วพูดกับเธอด้วยความนุ่มนวล “เอ่อ  ฮงเหมย วันนี้เธอมีเรื่องอะไรถึงมาหาฉันเหรอ? หรือว่ามีความหมายอย่างอื่น?” พูดจบเขาก็แสแสร้งจ้องมองไปที่ฮงเหมยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง 

เมื่อฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยถามเธอแบบนั้น เธอก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วใช้ตาคู่นั้นมองไปที่ซ่งลุ่ย เธอพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“ประธานจางให้ฉันมาอธิบายบางอย่างให้นายฟัง เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าเรื่องที่จะต้องมาพูดนี่ซิ ฉันดันลืมมันไปซะได้ คิดยังไงก็คิดไม่ออก”มันติดอยู่ที่มุมปากนึกยังไงก็นึกไม่ออก แต่ว่าบนใบหน้ากลับไม่มีความร้อนรนเลย เธอมองดูซ่งลุ่ยด้วยสายตาที่มีเสน่ห์ราวกับว่ากำลังถ่ายทอดข่าวสารบางอย่าง

หลังจากที่เคยพูดคุยที่คลุมเครือกับฮงเหมยมาก่อน ซึ่งซ่งลุ่ยเคยได้เห็นสัญญาแบบนี้แล้วและคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของฮงเหมย  ซ่งลุ่ยไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าพูดอะไรในตอนนี้มันก็ไม่ช่วยอะไร แค่แสดงให้เห็นก็ดีแล้ว เขาจึงใช้มือทั้งสองข้างดึงใบหน้าของฮงเหมยเข้ามาแล้วจูบลงไป เป็นการจูบแบบดูดดื่มที่ยาวนานเลยทีเดียว!

ทั้งสองคนจูบอย่างนี้เป็นเวลานานจนริมฝีปากของพวกเขาแดงระเรื่อและบวมเจ่อเล็กน้อย! ซ่งลุ่ยขยับปากออกแล้วจูบฮงเหมยอีกครั้ง ริมฝีปากของทั้งสองคนตอดรัดกันด้วยความเร่าร้อนจนส่งเสียง “จ๊วบ”ออกมา เห็นได้ว่าจูบของพวกเขาทั้งสองคนดุเดือดมากแค่ไหน!

จูบของฮงเหมยล้วนมีแต่ความหลงใหล สายตาของเธอพร่ามัวจนไม่ได้สนใจที่จะมองซ่งลุ่ยเลย ซ่งลุ่ยมองท่าทางของฮงเหมยในตอนนี้ก็รู้สึกว่าใช้ได้เลยทีเดียว บรรลุถึงเป้าหมายที่ตนเองอยากจะทำแล้ว เขาพูดกับฮงเหมยด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

”เป็นไงบ้าง? เธอพอจะนึกออกบ้างหรือยัง ฉันยังช่วยเธอนึกได้อยู่นะ!” พูดจบซ่งลุ่ยก็ยื่นมือไปดึงใบหน้าของฮงเหมยเข้ามาแล้วทำท่าทางอยากจะบรรจงจูบลงไปอีกครั้ง

ในเวลานี้ฮงเหมยสังเกตเห็นการกระทำของซ่งลุ่ย เธอก็รีมเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการกระทำของซ่งลุ่ย มันไม่ใช่ว่าฮงเหมยไม่ต้องการ แต่เธอกลัวว่าเธอจะทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆและในไม่ช้าเธอก็จะไม่สามารถหยุดยั้งตัวเธอได้จนลืมทุกอย่าง รวมไปถึงสิ่งที่ประธานจางให้มาบอกซ่งลุ่ยด้วย

“เอาหล่ะ พอแล้วๆ ฉันนึกออกแล้ว ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการมันแค่ชั่วคราว เดี๋ยวค่อยมาต่อ ต้องบอกเรื่องที่ประธานจางฝากมาบอกนายก่อน!”พูดจบเธอก็เอามือปิดปาก เกิดอาการกลัวว่าซ่งลุ่ยจะจูบเธอ

ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนั้นด้วยท่าทางที่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เขาหยุดปิดปากฮงเหมยและปล่อยเธอจากการจับเธอไว้กับกำแพง ซ่งลุ่ยหมุ่นตัวแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างโต๊ะทำงาน เขานั่งลงไปแล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พยุงศีรษะด้วยมือข้างเดียวมองไปที่ฮงเหมย รอฟังสิ่งที่ฮงเหมยคิดจะบอก

ฮงเหมยมองไปที่ใบหน้าของซ่งลุ่ยแล้วมองไปที่การกระทำของซ่งลุ่ยต่อ ในใจอดไม่ได้ที่จะคิดว่าซ่งลุ่ยไม่ควรจะโกรธ! เมื่อมองไปที่สีหน้าของเขาที่ดูเคร่งขรึมและเย็นชา กับเขาคนเมื่อกี้แตกต่างกันราวเป็นคนละคนกันเลย! นี่ทำให้เธอมั่นใจความคิดภายในใจของเธอมากยิ่งขึ้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮงเหมยก็เดินไปที่ด้านข้างของซ่งลุ่ย แล้วนั่งไปบนตักของซ่งลุ่ยก่อนจะเอื้อมมือออกไปกอดซ่งลุ่ยและบังคับให้ร่างกายท่อนบนของเธอเบียดยัดเยียดไปในอ้อมแขนของซ่งลุ่ย เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของซ่งลุ่ยแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองซ่งลุ่ยด้วยตาโตๆของเธอ เธอพูดกับซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย

"นายโกรธเหรอ? ไม่เอาอย่างนี้สิ! ฉันไม่ได้ตั้งใจขัดขืนนาย  นายดูประธานจางสิ เขาฝากฉันมาบอกเรื่องสำคัญกับนายนี่นา พวกเราค่อยมาทำต่อหลังจากฉันบอกธุระกับนายก็ได้นี่ ดูนายสิ อย่าทำหน้าบูดแบบนั้น ยิ้มหน่อย! ยิ้มหน่อยน้า  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป!”

ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนั้น ดอกไม้ในใจก็ผลิบานแล้วแต่ใบหน้าของเขายังคง เสแสร้งทำเป็นเสียใจและโกรธอยู่ เขามองไปที่ดวงตาของฮงเหมย หลังจากนั้นก็เบนสายตามองไปทางอื่นแทน  

เมื่อเห็นท่าทางที่แสดงออกของซ่งลุ่ย ฮงเหมยก็กัดฟันของเธอ ถ้าหากไม่ใช่เพื่ออนาคตที่สดใสของเธอแล้ว นายได้ตายเพราะน้ำมือฉันแน่ๆ ฮงเหมยถอนหายใจยาวๆออกมา เฮ้อ ฉันต้องอดกลั้นต่อไป! ในใจของฮงเหมยเต็มไปด้วยความรู้สึกและแผนการต่างๆนาๆ เธอที่อยู่ในอ้อมกอดของซ่งลุ่ยและพูดกับเขาว่า

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะนาย เพราะว่าประธานจางฝากเรื่องที่จะต้องบอกนาย งั้นพวกเราเข้าเรื่องเลยเถอะ ฉันกลัวว่าจะลืมมันอีก ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องสำคัญของประธานจาง พวกเราทั้งสองคนจะทำเรื่องอะไรอย่าลืมคำนึงถึงผลที่ตามมา เรื่องอื่นค่อยว่ากันเถอะ นายอยากจะทำตอนไหนก็ทำตอนนั้นแหละ ดีไหม? “

เมื่อซ่งลุ่ยเห็นฮงเหมยพูดประโยคนั้นออกมา ก็พอดีกับที่ซ่งลุ่ยเลิกแสแสร้งพอดี เขาจะแสแสร้งทำเป็นไม่ยกโทษให้ต่อไปทำไมกันหล่ะ ซ่งลุ่ยเรียบเรียงคำพูดอยู่ภายในใจและแสดงทีหน้าท่าทางออกมาทันที ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดสียใจออกมาอย่างชัดเจน ถือโอกาสพูดกับฮงเหมยว่า

“ยังคงเป็นฮงเหมยที่ยังคงหลักแหลมเหมือนเดิม ไม่เหมือนฉันที่ใช้ความต้องการของตนเองมาบังคับเธอ ขอโทษนะ! ดูๆแล้วฉันคงต้องหาเวลามาชดใช้ให้เธอแล้วหล่ะ ได้มั้ย? หรือไม่นอกจากนี้ เธอมีวิธีที่ชดใช้แบบอื่นมั้ยหล่ะ หึหึหึ” พูดจบซ่งลุ่ยก็ยิ้มแบบชั่วร้ายให้ฮงเหมย 

ฮงเหมยที่เห็นการแสดงออกของซ่งลุ่ยและเธอไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เธอมีความรู้สึกที่น่ารังเกียจเกิดขึ้นในใจของเธอไม่มีความกระตือรือร้นแบบเมื่อก่อนเลย หรือบางทีซ่งลุ่ยอาจจะน่ารังเกียจจริงๆ! ฮงเหมยถูกอารมณ์แบบนี้ของซ่งลุ่ยปะทุขึ้นและเธอก็หมดอารมณ์ที่จะทำต่อกับเขาทันที ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่มีอารมณ์แล้ว แต่ตอนนี้ก็ต้องรีบพูดเรื่องที่ประธานจางฝากมา หลังจากนั้นก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ!

รีวิวผู้อ่าน