px

เรื่อง : ดวงตาเทพเหนือโลก
ตอนที่ 26 หน้าประตูห้องทำงาน


ตอนที่ 26 หน้าประตูห้องทำงาน

 

หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินแบบนั้นก็ซ่งลุ่ยก็รีบหยุดพวกเขาอย่างรวดเร็ว ล้อกันเล่นน่า ถ้าให้พวกเขาส่งไปเองแล้วเขาจะวิ่งมาที่นี่เพื่ออะไรกันหล่ะ ? เขาจะพูดเหตุผลอะไรเมื่อเข้าไปในห้องทำงาน แล้วจะอธิบายอะไรให้ประธานจางฟัง

ดังนั้นเขาจึงรีบพูดกับเหลาหลี่ว่า “ไม่ ไม่ ไม่ เหลาหลี่ เหลาหลี่ นายอย่าเพิ่งเรียกคนอื่น นายฟังฉันก่อน ก่อนฟังฉันก่อนนายคิดดูสิ นายเพิ่งจะบอกว่าการที่ฉันมาที่นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วตอนนี้ฉันก็มาที่นี่แล้ว นายยังไม่ให้ฉันเอาถังน้ำกลับไปอีกเหรอ นายยังคงอยากให้คนอื่นเอาไปส่งให้ฉัน  งั้นการออกกำลังกายของฉันมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลยนะสินะ? แบบนี้นายกับฉันก็ไปด้วยกันไม่ได้แล้วหล่ะ” เขาก็แกล้งโกรธแล้วมองไปที่เหลาหลี่

เหลาหลี่เมื่อได้ยินก็เกาหัวยิกๆ  การกระทำเหลาหลี่เห็นได้ชัดว่าอยากจะช่วยเหลือเขา แต่การช่วยเหลือของเหลาหลี่กลับเปลี่ยนไป หรือนี่เป็นตรรกะอะไร เหลาหลี่สับสนทันที เหลาหลี่เหลือบมองไปที่ซ่งลุ่ย ช่างมันเถอะ ไม่ให้ช่วยก็ไม่ช่วย ถ้าเขาอยากจะขนย้ายมันด้วยตนเองก็ปล่อยให้เขาขนไปเถอะ  

เหลาลี่คิดอยู่พักหนึ่งและเขาไม่ต้องการที่จะพยามเข้าใจว่าซ่งลุ่ยกำลังมีลูกไม้อะไรอยู่  แต่เขากลับทำตามที่ซ่งลุ่ยบอก เขามองไปที่ซ่งลุ่ยแล้วพูดว่า

“ได้ได้ได้ ผู้ช่วยซ่ง คุณจะจัดการยังไงผมก็ว่าอย่างงั้น” พูดจบเขาก็เรียกเด็กคนหนึ่งให้ไปนำถังน้ำออกมา เหลาหลี่มองไปที่ซ่งลุ่ยและพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

“ผู้ช่วยซ่ง น้ำมาแล้ว คุณยังมีอะไรที่ต้องการอีกไหม?”

ซ่งลุ่ยมองชายหนุ่มคนหนึ่งวางถังน้ำลงไปที่พื้น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ! จริงๆแล้วถ้าถังน้ำมันหนักขนาดนี้ เขาจะแบกมันด้วยตัวเองได้เหรอ? แต่ว่าเมื่องมองไปที่คนรอบข้างที่จับตาดูเขาอยู่ เขาก็กัดฟันและแบกถังน้ำเอาไว้บนบ่า เขาพูดอะไรเล็กน้อยและโบกมือลากับเหลาหลี่

เหลาลี่ถอนหายใจขณะที่เขามองดูซ่งลุ่ยกำลังเดินจากไป ในใจก็อดได้ที่จะอุทานออกมา เขาไม่รู้ว่าซ่งลุ่ยโง่หรือฉลาด เห็นได้ชัดว่ามีคนอื่นสามารถช่วยเขาขนย้ายได้ แต่เขากลับขนด้วยตัวเอง เขาไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจจริง ๆเหลาหลี่ส่ายหัวของเขาในขณะที่มองดูด้านหลังของซ่งลุ่ย แล้วก็หันหลังกลับเข้าไป

ซ่งลุ่ยแบกถังน้ำที่เดินออกมาได้ไกลแล้ว ตอนแรกที่เดินออกมาเขารู้สึกว่าไม่เลวเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเองยังไหวอยู่ แต่ว่าซ่งลุ่ยไม่ได้สนใจระยะทางที่ไกลนี้ อีกทั้งยังมีเนินสูงๆต่ำๆ เดินขึ้นเดินลง เมื่อเขาเดินได้ครึ่งทางซ่งลุ่ยก็หมดแรงแล้ว เขาหอบหายใจแฮกๆ ถ้าหากเขารักชีวิตเขาต้องทำให้ได้อย่างเด็ดขาด เร่งฝีเท้าอีกนิดก็ใกล้จะถึงแล้วแต่ว่าถังน้ำนี่ทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะเร่งฝีเท้า แต่ว่าเขาก็ทิ้งมันไม่ได้เพราะอีกสักพักเข้าต้องใช้มันเป็นอุปกรณ์การแสดง คิดไปคิดมา เขาก็อยากที่จะทิ้งมันไปแต่ถ้าเอามันไปกับเขาน่าจะดีที่สุดแล้ว

ซ่งลุ่ยคิดไปคิดมา แต่ว่าเขากลับไม่มีวิธีดีๆในการแบกถังน้ำไปเลย แล้วจะทำยังไงดีหล่ะ ซ่งลุ่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ถ้าหากเขาสามารถแบกมันไปได้ก็ดีนะสิ! หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ใช่แล้ว! เขาไม่ได้มีดวงตาคู่เหรอ ก่อนหน้านี้เขามีทักษะที่เรียกว่าพื้นที่ของตัวเอง มันเหมือนจะสามารถว่างสิ่งของไว้ในนั้นได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ซ่งลุ่ยก็ยืนที่ข้างถนนและเปิดคลังไอเทมของดวงตา ตั้งแต่เขาได้รับทักษะนี้มาเขาก็ยังไม่ได้ลองใช้มัน หลังจากนั้นเมื่อคลังไอเทมก็ปรากฏออกมา  มันควรจะใส่ของในนี้ได้ทุกสิ่งแต่จะใส่เข้าไปได้อย่างไร นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง!

ซ่งลุ่ยดูคลังไอเทมอย่างละเอียด มองไปมองมา แต่ในใจเขากลับพยามคิดหาวิธีเก็บถังน้ำนั่น  ในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะสามารถย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ในนั้นได้ จู่ๆถังน้ำนั้นก็ไปปรากฏอยู่ในช่องแรกของคลังไอเอมอย่างไม่คาดคิด ทำให้ซ่งลุ่ยตกใจจนหน้าเหวอไปเลย!

เกิดอะไรขึ้น? เขาเองก็ไม่ได้คิดถึงรหัสผ่านและสูตรอะไรเลย เพียงแค่คิดถึงมันแค่แวบเดียว ถังน้ำก็เขาไปอยู่ในนั้นแล้ว หรือว่ามันควบคุมด้วยความคิดเหรอ? ถ้าหากว่าเป็นการควบคุมด้วยความคิดอย่างที่พูดไป ถ้าตอนนี้เขาอยากเอาออกมาก็เอาออกมาได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่งลุ่ยก็คิดภายในหัวว่าจะเอาถังน้ำออกมาอย่างเงียบ ๆ ! ดวงตาของจ้องมองที่คลังไอเทม และเป็นไปตามที่คิดไว้ ทันใดนั้นถังน้ำที่ปรากฏขึ้นมาในตอนแรก มันก็หายวับไปราวกับว่ามันไม่ได้ขยับ  แม้แต่น้ำในถังน้ำก็ขยับแค่เล็กน้อย

ในเวลานี้ซ่งลุ่ยก็เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ เอาเข้าเอาออก เอาเข้าเอาออก  ทำจนเชี่ยวชาญมากๆ ซ่งลุ่ยอดไม่ได้ที่จะ ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เขาเพิ่งจะรู้ว่ามันใช้งานได้ดีและก็เพิ่งจะใช้ครั้งแรกด้วย ทำไมจะต้องมาเหนื่อยแบบนั้นด้วย ช่างเป็นเวรกรรมแท้ๆ!

ซ่งลุ่ยยกแขนมาแล้วมองนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถปล่อยให้ประธานจางรอนานขนาดนั้น มองไปรอบๆก็ไม่มีใคร เขาจ้องมองไปที่ถังน้ำ ตั้งจิตใจให้แน่วแน่ ทันใดนั้นถังน้ำก็หายวับไป ยังไม่ทันที่เขาจะได้ภาคภูมิใจในตนเอง ก็ต้องรีบวิ่งไปทางห้องทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว 

เพิ่งจะเดินไปที่ใต้ตึกอาคารสำนักงานของ เขาพอคิดดูอีกที ถ้าเขาเพิ่งจะวิ่งมาถึง ทุกคนด้านในก็จะเห็น แต่ว่าไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรมา ดังนั้นตั้งแต่ที่ใต้ตึกสำนักงานเขาจึงต้องแบกถังน้ำไว้บนบ่าเพื่อแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเขาไปทำอะไรมา แถมทั้งยังสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีของการออกกำลังกายอีกด้วยไม่ใช่เหรอ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาหามุมเล็กที่ไม่มีใครตรงใต้ตึกและมองไปรอบๆก็พบว่าไม่มีใคร แต่ว่ามีหนึ่งคน ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปข้างในอีกก็พบกับที่เงียบสงบไม่มีผู้คนและนำถังน้ำออกมา ซ่งลุ่ยก้าวไปข้างหน้าและแบกถังน้ำขึ้นมาไว้บนบ่า แล้วเดินออกจากตรอกเล็กๆนั่น  

ซ่งลุ่ยแบกถังน้ำไปที่ประตูห้องทำงานของเขา เขากำลังจะเปิดประตู ในใจเขาก็คิดว่ามันก็ผ่านนานมากแล้วถ้าประธานจางออกไปแล้วหล่ะ? ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาลงทุนทำไปทั้งหมดก็เสียเปล่านะสิ? 

ด้วยเหตุนี้ ซ่งลุ่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็เปิดระบบมุมมองทะลุของเขาแล้วมองไปในห้องทำงาน ก็ยังคงเห็นประธานจางนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเหมือนเก่า ดูแล้วไมรีบร้อนไปไหน แต่ว่าซ่งลุ่ยใส่ใจในรายละเอียดของเธอ ประธานจางมักจะกำมือของเธอเอาไว้แน่น  แสดงถึงอารมณ์ภายในใจที่ไม่สงบ

ซ่งลุ่ยพูดอย่างลับ ๆ ในใจ ไม่ดี ดูเหมือนว่าประธานจางจะเริ่มโกรธเข้าให้แล้ว บางทีเธออาจจะพร้อมที่จะระเบิดความโกรธสุดๆแล้วก็ได้ ในเวลานี้ซ่งลุ่ยไม่ลังเลอีกต่อไป แบกถังน้ำและผลักประตูเพื่อเข้าไปทำท่าทำทางเหมือนมองไม่เห็นประธานจาง  เดินตรงไปที่ตู้น้ำเพื่อจะเปลี่ยนน้ำ โบกมือไปมาและบิดตัวกลับมา เขาเดินไปสองสามก้าวก็ถึงด้านหน้าของประธานจาง และถามด้วยความเคารพว่า “ประธานจาง ลมอะไรพัดคุณมาทีนี่ครับ”พูดจบก็มองจางชูหยาด้วยสายตาที่ประจบสอพล

รีวิวผู้อ่าน