ครั้นหลิวจ่งเทียนหันมาเห็นบุรุษผู้มีท่าทีเจ้าเล่ห์แสนกลแฝงความร้ายกาจก็ให้เอือมระอา มิเห็นน่าจะมีข่าวดีอันใด เช่นนั้นท่านอ๋องหนุ่มจึงตอบรับด้วยท่าทีแสนเย็นชา
“หรือเป็นได้ว่าอู๋เจียนจวิน สู้อุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยเดินทางมาไกลเพียงพ่นวาจาไร้สาระ ? เปิ่นหวางต้านศึกอยู่แนวหน้ายังจะมีข่าวดีอันใดได้กระนั้นหรือ ?”
“กระหม่อมนำข่าวดีมาแจ้งจริงพ่ะย่ะค่ะ !”
กล่าวจบ อู๋จงอวี้ก็นำราชโองการออกมา พร้อมมายืนอย่างนอบน้อมเบื้องหน้าท่านอ๋องสาม “ท่านอ๋องสามโปรดรับราชโองการ !”
หลิวจ่งเทียนยิ่งให้รู้สึกกังขา ใบหน้าของอู๋จงอวี้บ่งแสดงชัด…ว่าข้อความในราชโองการต้องมีปัญหา เขาคุกเข่าลงทั้งยังรู้สึกคลางแคลงใจ บรรดาทหารรอบลานฝึกต่างพากันคุกเข่าน้อมรับราชโองการ ผู้ใดเล่าจะล่วงรู้ว่าฝ่าบาทมีพระราชโองการใด ?
อู๋จงอวี้แย้มยิ้มจนแก้มแทบปริ ภายในใจแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง หลิวจ่งเทียนเอ๋ยหลิวจ่งเทียน เจ้ามันหยิ่งทระนงถือว่าตนเก่งกาจสามารถ เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ทว่าเจ้านั้นหรือจะหาญเทียบกับฝ่าบาท ครานี้ฝ่าบาทไม่ทรงไว้ไมตรีกับเจ้าแล้ว เช่นนั้นท่านผู้ตรวจการทัพจึงประกาศราชโองการเสียงก้องดังด้วยท่าทีจองหอง
“โองการสวรรค์ถูกลิขิต ในวันนี้ฝ่าบาททรงมีพระกระแสรับสั่งให้ประกาศราชโองการ เพื่อให้เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน เนื้อความในราชโองการมีดังนี้ ด้วยท่านอ๋องสามหลิวจ่งเทียนผู้กรำศึกปราบอริราชศัตรูเสียสละเพื่ออาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ด้วยความกล้าหาญเป็นผู้สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงให้แก่แผ่นดินจนเป็นที่ประจักษ์ ทำให้เจิ้นรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละ และทุ่มเทของท่านอ๋องสามเป็นที่ยิ่ง ทั้งยังเป็นที่ทราบกันว่า โย่วเจียงจวินเว่ยชีชีผู้เป็นกำลังหลักสำคัญยิ่งในการปราบปรามชนชาวซุยงหนูสร้างความชอบอย่างใหญ่หลวงในครานี้คืออิสตรี เมื่อนาง และท่านอ๋องสามล้วนต่างก็มีความรู้สึกอันแนบแน่นลึกซึ้งต่อกัน เจิ้นย่อมเข้าใจ และซาบซึ้งในความผูกพันของทั้งสอง เช่นนั้นเจิ้นจึงพระราชทานสมรสให้แก่ทั้งคู่ นับแต่วันนี้ เว่ยชีชี นั้นคือ พระชายาเว่ยแห่งหลิวจ่งเทียนอ๋อง พิธีอภิเษกสมรสจะจัดให้มีขึ้นในวันนี้ จบราชโองการ !”
สิ้นสุดการประกาศราชโองการ ทั่วลานฝึกทหารล้วนเงียบกริบจนน่าใจหาย ทั้งที่ตะวันยังลอยตัวอยู่เหนือศีรษะ ทว่าค่ายทหารอันยิ่งใหญ่กลับเงียบสงัดจนน่าตื่นกลัว
ทันทีที่อู๋จงอวี้อ่านราชโองการจบ เขาก็แหงะมองหลิวจ่งเทียนด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง ทว่าเมื่อได้เห็นสายตาแห่งความเกรี้ยวกราดเย็นชาของอีกฝ่าย เขากลับตื่นกลัวจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น เขาพยายามหักห้ามใจให้สงบ ปรับน้ำเสียงให้หายสั่นเครือ
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องสาม รับราชโองการ !”
หลิวจ่งเทียนลุกขึ้นรับราชโองการด้วยสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ก่อนจะกระชากคอเสื้ออู๋จงอวี้ขึ้นมา “ฝ่าบาททรงทราบได้อย่างไรว่าเว่ยชีชีคืออิสตรี ?”
“ท่านอ๋อง ฝ่าบาทจะทรงทราบได้อย่างไรนั้นหาได้สำคัญไม่ ที่สำคัญนั้นคือพระองค์มิอาจขัดราชโองการ หาไม่แล้ว เห็นทีศีรษะของเว่ยชีชีคงได้หลุดจากบ่า ทั้งพระองค์ยังได้ชื่อว่าขัดพระราชบัญชา ฝ่าบาทยังทรงตั้งพระทัยรอฟังข่าวมงคลจากพระองค์อยู่นะพ่ะย่ะค่ะ” เพราะเหตุใดมิอาจทราบได้ ทว่าหลิวจ่งเทียนกลับรู้สึกคลายใจยิ่งนัก
“ชั่วช้า !” ท่านอ๋องหนุ่มทิ้งร่างของอู๋จงอวี้ คว้าราชโองการก้าวฝ่าเท้ายาวกลับไปยังกระโจมโดยไม่หันกลับมามองอีกฝ่ายเลย
บรรดาทหารน้อยใหญ่ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ชีเจียงจวินผู้เป็นที่ชื่นชมของพวกเขาแท้จริงคืออิสตรี
ทว่าไยนางจึงเป็นสตรีที่อัปลักษณ์ได้อย่างน่าสะพรึงถึงเพียงนั้น นั่นมันน่าสยองเกินกว่าจะบรรยายเสียด้วยซ้ำ หากทว่านางอัปลักษณ์กลับสามารถสยายปีกทะยานขึ้นฟ้ากลายเป็นนางหงส์ผู้สูงสง่า… พระชายาเว่ยแห่งท่านอ๋องสามผู้รูปงามเหนือคำบรรยาย ช่างเหลือเชื่อเหนืออื่นใด
รองผู้บัญชาการหลิวมึนตึ้บจนประติดประต่อเรื่องราวไม่ได้จริง ๆ เขายืนนิ่งอึ้งค้างกว่า10 อึดใจ ครั้นแล้วก็ยกมือขึ้นตบหัวตนผ่างเข้าให้ เข้าใจแล้ว ! มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมร่วมนอน ไม่อาบน้ำร่วมกับพวกเขา ทั้งรูปร่างก็แลดูบอบบางอ่อนแอไร้แรงกำลัง ท่อนแขนข้อมือนั้นเล่าก็เล็กกระจิดริดแค่เพียงหยิบมือ มิน่า ! นางคืออิสตรีนี่เอง !
ครั้นเมื่อหันมาเห็นบรรดาทหารต่างวางมือหยุดระงับการฝึกแล้วหันมาจับกลุ่มตั้งวงโต้คารมกันอย่างมันปาก เสียงร้องตะโกนสั่งจึงดังก้อง “ไปฝึกต่อได้แล้ว !”
เหล่าทหารรีบหยุดฝีปากตนในทันที หากทว่าทั่วทั้งลานฝึกกลับมิอาจอยู่ในความสงบได้อีก ก็เรื่องนี้มันใหญ่โตน่าตกใจเสียยิ่งกว่าไอ้ระเบิดน้ำมันปลาเมื่อคราวก่อนเสียอีกท่านรองหลิว !
เว่ยชีชีเตะเท้าเดินกลับค่ายพักด้วยความเบื่อระอา ทว่าเพียงถึงที่หมายเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ สายตาที่บรรดาทหารทั้งหลายมองมาที่เธอมันแหม่ง ๆ ชอบกล เธอหันขวับจ้องกลับ พวกทหารกลับหลบตา นี่มันอะไรกัน ?
หญิงสาวทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำเดินไปเรื่อยไม่สนใจ ทว่าเมื่อถึงมุมอับ เธอกลับคว้าคอเสื้อนายทหารผู้หนึ่งที่แอบลอบมองอยู่มาประจันหน้า
“บอกมา นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้น ? เหตุใดทุกคนจึงดูแปลก ๆ ไป ? พวกเจ้ามองข้าทำไม ไง ? วันนี้ข้าเกิดหล่อเหลาขึ้นมาหรือไร ?”
“ชี… ชีเจียงจวิน !” นายทหารผู้นั้นก้มหน้างุด
“ไม่พูดใช่หรือไม่ ดี งั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง !” เธอเงื้อมือขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด นายทหารผู้นั้นตาหูเหลือกรีบหลบเป็นระวิงด้วยความตื่นกลัว
รองผู้บัญชาการหลิวเดินผ่านมาพอดีจึงช่วยนายทหารผู้นั้นไว้ได้ ส่วนชีชีก็ได้หัวโจกตัวใหญ่ไว้ในมือ มีหรือที่เธอจะยอมปล่อยรองผู้บัญชาการท่านนี้ไปง่าย ๆ
“บอกมาเดี๋ยวนี้ มีเรื่องสนุกอันใดกัน ?”
“ก็เรื่องดีอยู่…” เสียงตอบกระอ้อมกระแอ้มเหลือใจ
“ก็มันดีอย่างไรเล่า ? รีบ ๆ เล่ามาเสียทีสิ อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้ น่ารำคาญ !”
“ท่านกำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาพระราชทาน !” ครานี้หลิวอวิ๋นเน้นเสียงเสียสูงจนน่าตื่นใจ ทว่าเพียงคำว่า พระชายาพระราชทานกระแทกใส่หู ชีชีกลับตกใจแทบลมใส่ เธอฟังผิดไปใช่ไหม ?
“ผู้ใดกัน ? ผู้ใดจะได้เป็นพระชายาอันใดรึ ?”
***จบตอน นี่มันเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าระเบิดน้ำมัน !***