“ส่งมาให้หมด เปิ่นหวางช่วยสะพายเอง เจ้าจะดื่มเมื่อไรค่อยมาเอา !” เขายื่นมือออกมาปลดน้ำเต้าออกจากเอวนาง เพื่อนำมาสวมรอบเอวตนเอง
เว่ยชีชีหันมาจ้องอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง นี่เขารู้จักมีน้ำใจไมตรีตั้งแต่เมื่อไรกัน รู้จักช่วยแบกน้ำให้ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน ? แต่แหม ! ไอ้ความรู้สึกไม่มีอะไรถ่วงให้หนักนี่มันช่างสบายเสียจริง ครานี้ชีชีเดินง่ายขึ้นไม่ค่อยเหนื่อยเหมือนเมื่อครู่แล้ว
ทัพเดินเท้ามาตลอดช่วงเวลาสองมัน กระทั่งที่สุดจึงประชิดค่ายซุยงหนูก่อนอาทิย์ตกดินตามกำหนดการ ชีชีซ่อนตัวอยู่หลังเนินทราย เธอทอดสายตาสอดส่องมองค่ายขนาดใหญ่ของซุยงหนู ค่ายสว่างไสวไปด้วยคบเพลิงจำนวนมาก ทหารติดเกราะของพวกซุยงหนูเดินลาดตระเวนไปทั่ว พวกมันดูจะเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทว่าผู้ใดจะคิดเล่าว่าจู่ ๆ ข้าศึกจะตะลุยมาประจันบานถึงนี่
“กลางดึก เปิ่นหวางจะนำทหารบุกทะลวงเข้าไป ชีเจียงจวินจะคอยป้องกันหลัง !” หลิวจ่งเทียนออกคำสั่งชัดเจน
ชีชีหันขวับมาทันที ทว่ากลับได้พบแววตาแฝงความห่วงใยของอีกฝ่าย นั่นทำให้เธอรีบเบือนหน้าหลบมองเลี่ยงไปทางอื่น
“ท่านคือท่านอ๋อง มิอาจให้เกิดสิ่งใดขึ้นได้ ข้าจะไปเอง ! อีกอย่างข้ายังมีอาวุธลับที่ซ่อนไว้อีก !”
“เปิ่นหวางคือผู้บัญชาการสูงสุด คำสั่งของเปิ่นหวางถือเป็นประกาศิต !”
“เท้าของข้า ท่านเกี่ยวอันใดด้วย !”
“นี่เจ้ากำลังจะขัดคำสั่งทัพ !”
“เช่นนั้นก็ตัดหัวข้าเลยสิ !” พร้อมกันนั้นชีชีก็เชิดหัวขึ้นทั้งที่ยังอยู่ในท่าคว่ำร่างราบกับพื้นทราย ไม่เชื่อหรอกว่าท่านอ๋องขี้เต๊ะผู้นี้จะกล้ากุดหัวนางจริง
“เว่ยชีชี !” หลิวจ่งเทียนเอามือกดหัวนางลงกับผืนทรายด้วยความเดือดดาล ครั้นเมื่อชีชีเงยหน้าขึ้นมาอีกครา เขาก็หายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว ให้ตายเถอะ ! ทรายเปื้อนเลอะหน้าเลอะปากไปหมด หญิงสาวลุกขึ้นปัดฝุ่นทรายพร้อมหันไปมองทางด้านหลัง ท่านอ๋องหนุ่มผู้นั้นกำลังปรึกษาบางสิ่งกับแม่ทัพชือ เห็นท่าคงจะกำลังสั่งงานกันอยู่ซ้ำยังไม่ยอมให้เธอเข้าร่วมวงเสียอีก
หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อร้องขอ “ใช้อาวุธลับของข้าดูก่อน”
“อาวุธลับ ?” แม่ทัพชือ และหลิวจ่งเทียนต่างหันมามองด้วยความงุนงง
ชีชีควักบางสิ่งซึ่งมีสีดำขนาดประมาณเท่าฝ่ามือออกมา “เท่าที่ข้าเห็น พวกซุยงหนูเองก็เตรียมการรับมือเป็นอย่างดี หากพวกเราบุกเข้าไปซึ่งหน้าอาจตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ พวกเราควรใช้เจ้าสิ่งนี้จัดการพวกมันก่อน เมื่อพวกมันแตกตื่นระส่ำระสายพวกเราค่อยตีกระหน่ำซ้ำในทันที ! เช่นนี้ ท่านอ๋องควรอยู่รั้งหลังรอข้าเปิดทางให้ก่อน !”
แม่ทัพชือมองชีชีด้วยท่าทีวิตกกังวล เขาเอ่ยถามด้วยความกังขา “เจ้ามั่นใจกระนั้นหรือ ? หากภารกิจของเจ้าล้มเหลว เจ้าอาจตายได้ !”
“ข้าไม่ห่วง ! ก็แค่ชีวิตเส็งเคร็ง ! บางที หากข้าตาย อาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง !” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย หากเธอตายในสมรภูมิรบจริง ร่างไร้วิญญาณของเธออาจเดินทางข้ามมิติกลับคืนสู่โลกยุคปัจจุบันก็เป็นได้ใช่ไหม ? เฮ้อ ! ทำอย่างไรได้ หากสามารถกลับไปได้ด้วยร่างที่มีจิตวิญญาณย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว
“เจ้ามั่นใจหรือ ?” แม่ทัพชือยังไม่วางใจ หากนางทำพลาดอาจพลิกสถานการณ์ให้พวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ด้วยแรงระเบิดจะดึงความสนใจจากพวกซุยงหนูในทันที
“มั่นใจอย่างที่สุด คราก่อนข้าก็ทำสำเร็จมิใช่หรือ ? หรือท่านแม่ทัพไม่เชื่อฝีมือข้า ?”
“มิใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน !” แม่ทัพชือผงกศีรษะด้วยความชื่นชมในความกล้าหาญของชีชี ผู้เป็นแม่ทัพควรมีใจห้าวหาญเด็ดเดี่ยว พร้อมลุยฝ่าไปข้างหน้าเยี่ยงเว่ยชีชี เขาได้พบแม่ทัพที่ยอดเยี่ยมอีกผู้หนึ่งแล้ว
ชีชีหันหลังกลับไปเตรียมตัว ทว่ากลับถูกหลิวจ่งเทียนคว้าแขนไว้
“ให้พวกนายทหารไป !”
“แน่นอน ต้องใช้ทหารประมาณ 100 นาย ข้าไม่อาจลงมือเพียงลำพังได้”
“เปิ่นหวางหมายถึงมิให้เจ้าไป !” เขาคว้าร่างนางเข้ามาในอ้อมแขน เว่ยชีชีถูกรวบกายสวมกอดในทันที
เสียงหัวใจของเธอเต้นถี่ ใบหน้าร้อนผะผ่าว น้ำเสียงของท่านอ๋องหนุ่มแสนจะอ่อนโยน ยามนี้สุ้มเสียงนั้นไม่เหลือคราบแห่งฉายาท่านอ๋องสามผู้ไร้หัวใจเลยสักนิด
“เปิ่นหวางไม่อาจคลายใจ !”
“ข้าต้องไปด้วยตัวเอง งานครานี้สำคัญยิ่ง…” เธอก้มหน้าหลบตา
“ชีชี เปิ่นหวางไม่อยากให้เกิดเหตุไม่คาดฝันกับเจ้า…”
“บางทีหากข้าตาย … อาจได้รับการปลดปล่อย !”
“ชีชี !” เขากอดกระชับร่างเธอแน่น “จงปลอดภัยกลับมา หากเจ้าไม่กลับมาภายในครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) เปิ่นหวางจะออกไปตามตัวเจ้า !”
“ท่านอ๋อง…” เธอจ้องเขาด้วยความฉงน เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่มากล้นไปด้วยความห่วงใยของอีกฝ่าย เธอจึงรีบดีดตัวออกมา “ข้าคือจอมอึดเว่ยชีชี มีหรือที่จะตายง่าย ๆ !”
หญิงสาวหลีกหลบออกมาด้วยความรู้สึกปั่นป่วนภายในใจ อันใดกันนี่ จู่ ๆ ไยท่านอ๋องเกิดนึกพิศวาสห่วงใยเธอขึ้นมา ซ้ำยังดึงเธอมากอดเสียตัวกลมเช่นนั้นอีกด้วย ? อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องเป็นพวกนิยม…อึ๋ย… ขนลุกไปหมดแล้ว ท่านอ๋องมาอารมณ์ไหนกันเนี่ย สงสัยจะเป็นเกย์แหง ๆ
เว่ยชีชีรวบรวมกำลังทหารหนึ่งร้อยนาย และเริ่มอบรมสั่งการ
***จบตอน อึ๋ย…ขนลุกไปหมดแล้ว***