“เอ๋ ?” ครั้นเมื่อเธอยกมือขึ้นดู จึงเห็นคราบเขม่าเต็มมือ เสียงหัวเราะเจื่อน ๆ ของเธอจึงดังขึ้นด้วยสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่รองผู้บัญชาการเว่ยบัญชาการ !” หลิวจ่งเทียนประกาศกร้าวต่อหน้าเหล่าทหารทุกนายอย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะตรงเข้ามาเอ่ยถ้อยคำกับหนุ่มน้อยอัปลักษณ์ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เจ้าทำสำเร็จแล้ว ทว่า ออกมานอนนอกกระโจมดังเช่นเมื่อคืนย่อมล้มป่วยได้ง่าย หากเจ้าไม่คุ้นชินนอนเบียดเสียดกับเหล่าทหาร ก็กลับมานอนที่กระโจมข้า !” กล่าวจบเขาก็เดินนำเหล่าทหารจากไปทิ้งให้ชีชียืนงงอยู่เช่นนั้น เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอออกมานอนนอกกระโจม ? นี่เขาแอบย่องมาดูเธอกลางดึกกระนั้นหรือ ?
ทันทีที่ท่านอ๋องสามหลีกไปจากที่นั้น บรรดาทหารน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างเข้ามารุมยกตัวชีชีโยนลอย พลางส่งเสียงเฮสนั่นในฐานะผู้กล้าประจำทัพ
“พาท่านรองเว่ยไปอาบน้ำเสียก่อน เนื้อตัวมอมแมมแย่แล้ว พวกเรามาช่วยกันจับท่านรองเว่ยถอดเสื้อผ้าอาบน้ำให้สะอาดเอี่ยมไปเลยดีไหม ?”
“ไปเลย !”
เว่ยชีชีตกใจจนเหงื่อแตกท่วมหัว เพียงกระโจนลงจากมือไม้ของทุกคนมาได้เธอก็วิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว เจ้าคนพวกนี้ทำกับเธอเฉกเช่นบุรุษจริง ๆ นี่ถึงกับคิดจะเปลื้องผ้าแช่น้ำกันเลยทีเดียว ขืนเป็นเช่นนั้นเธอจะเอาหน้าที่ไหนไปพบผู้คนได้เล่า ?
ยิ่งอีกฝ่ายวิ่งหนี ทุกคนก็ยิ่งนึกว่าเล่นด้วย แต่ละคนต่างวิ่งไล่กวดส่งเสียงตะโกนไล่หลังเธออย่างสนุกสนาน
“จับท่านรองเว่ยแก้ผ้า ! ทุกคน ใครจับท่านรองเว่ยไปอาบน้ำได้ ผู้นั้นมารับรางวัลใหญ่ไปเลย !”
“ไม่เอา ไม่เอา !” เธอตกใจจะบ้าตายอยู่แล้ว เธอยิ่งควบฝีเท้าหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ร่างน้อย ๆ หลบหลีกผ่านกระโจมน้อยใหญ่มุ่งหน้าเข้าหากระโจมของหลิวจ่งเทียนในทันที ไม่ต้องรั้งรอนึกคิดอันใดอีกแล้ว เมื่อร่างบางเคลื่อนหายไปในกระโจมใหญ่อย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งที่คาดการณ์ไว้นั้นคือ มีเพียงกระโจมของหลิวจ่งเทียนผู้เดียวเท่านั้นที่จะหยุดยั้งความบ้าระห่ำของสหายร่วมทัพของเธอได้
เมื่อบรรดาทหารทั้งหลายเห็นชีชีหนีเข้าไปในกระโจมท่านอ๋อง ทุกฝีเท้าพลันหยุดชะงัก ต่างคนต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะถอยกลับอย่างเงียบเสียง ผู้ที่กล้าแหย่หนวดเสืออย่างท่านอ๋อง คงมีเพียงพวกที่อยากศีรษะหลุดจากบ่าเท่านั้น
หลิวจ่งเทียนเห็นเว่ยชีชีผู้วิ่งพรวดเข้ามากำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ทั้งใบหน้าทั้งศีรษะเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำเลอะเทอะสีดำในสภาพน่าเวทนาอย่างที่สุด สองแขนท้าวอยู่บนหัวเข่าทั้งสอง ปากอ้ากว้างหายใจอย่างหนักหน่วงบ่งชัดว่าเจ้าหนุ่มน้อยวิ่งหนีบางสิ่งมาอย่างสุดใจขาดดิ้น
ท่านอ๋องหนุ่มลุกขึ้นจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกทะแม่งชอบกล เจ้าหนุ่มผู้นี้ เมื่อไหร่จะรู้จักเดินเหินให้ถูกกาละเทศะเสียบ้าง นี่ถึงกับก้าวพรวดพราดเข้ามาในกระโจมใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั่วทั้งค่ายทหารนี้ เห็นจะมีเพียงเจ้าหนุ่มนี่ผู้เดียวเท่านั้นที่ขวัญกล้ากระทำเช่นนี้
ชีชีหอบหายใจกว่าค่อนวัน* กว่าลมหายใจจะสงบเป็นปกติ เธอชี้ออกไปนอกกระโจม “เจ้าพวกนั้นมันบ้าไปแล้ว พวกมันจะ…”
*ค่อนวัน หมายถึง นานมาก
เธอจ้องหน้าหลิวจ่งเทียนด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “เอ่อ… ที่ท่านกล่าวเมื่อครู่ ยังจะเป็นไปตามนั้นอยู่หรือไม่ ?”
“เรื่องใด ?”
“ก็ที่บอกว่าข้าอยากมานอนที่กระโจมใหญ่เมื่อไรนั้นย่อมได้อย่างไรเล่า !”
ชายหนุ่มผงกศีรษะรับคำ เว่ยชีชีดีใจจนเนื้อเต้น “เยี่ยมไปเลย ! ท่านรู้ไหม กลิ่นเท้าของทหารท่านเหม็นบรรลัยจนข้านอนไม่ได้เลยทีเดียว หากจะเปรียบกันแล้ว ผ้าปูพื้นนี้ยังจะดีกว่ากันแยะ !”
เว่ยชีชีก้มลงมองฝ่ามือทั้งสอง แล้วมองไล่ไปตามเนื้อตัว ทั้งน้ำมันทั้งฝุ่นทรายมืดตึ้บพวกนั้นกระเด็นมาใส่ร่างเธอ ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยต้องอยู่ในสภาพน่าทุเรศเช่นนี้มาก่อน เช่นนั้นหญิงสาวจำต้องกัดฟันเดินเข้าไปหาหลิวจ่งเทียน “ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากเอ่ยขอ”
“พูดมา !” เขาหย่อนกายนั่ง
“ขอข้าอาบน้ำที่นี่ได้ไหม ?”
“เพียงเปิ่นหวางผู้เดียวเท่านั้นสามารถชำระกายในที่นี้ได้ พวกทหารต้องไปอาบน้ำที่แม่น้ำด้านนอก !” เสียงตอบเย็นชาอย่างที่สุด
“เฮ้ ๆ ! หลิวจ่งเทียน อย่างนี้มันไม่ขี้ตืดไปหน่อยรึ !”
คิ้วคมเข้มของท่านอ๋องหนุ่มจิกเข้าหากันในทันที “เปิ่นหวางเคยบอกแล้วว่า อย่าได้เอ่ยเรียกนามเปิ่นหวาง เรียกเปิ่นหวางว่าท่านอ๋อง !”
“หลิวจ่งเทียน !” ชีชียังก้าวตรงเข้าหา ทั้งยังยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาแทบจะชิดหน้าอีกฝ่าย ยิ่งในระยะใกล้ หน้าตาเลอะเทอะมอมแมมของเจ้าหนุ่มอัปลักษณ์ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผงริ้วน้ำสีดำก็ยิ่งน่าขบขันนัก
“อยากจะเดินออกไปเอง หรือจะให้เปิ่นหวางหิ้วปีกออกไป !” กล่าวพลางเขาก็ม้วนเก็บแผ่นกระดาษในมือ ก่อนจะหันมากระชากคอเสื้อชีชี ครั้นเมื่อหญิงสาวเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเกรี้ยวกราดเข้าจริง ๆ น้ำเสียงของเธอจึงอ่อนลงในทันที
“ท่านอ๋องจะกลับคำมิได้ ท่านบอกให้ข้ามานอนที่นี่ได้ หากข้าชำระกายมิได้ก็แล้วไปเถิด จะอย่างไรข้าก็ไม่ยอมไปอาบน้ำที่แม่น้ำอย่างแน่นอน ปล่อยให้ตัวเหม็น ๆ อย่างนี้ล่ะ ! ถึงตอนนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าตัวเหม็นคลุ้งไปทั่วกระโจมก็แล้วกัน”
หลิวจ่งเทียนคลายมือออกก่อนจะชี้ไปที่อ่างไม้ “ชำระกายเรียบร้อยแล้วก็อย่าลืมทำความสะอาดให้แห้งเรียบร้อยเสียด้วยเล่า !”
“รับทราบ ท่านอ๋อง” ชีชีหันไปมองอ่างไม้ด้วยความตื้นตันใจก่อนจะฉุกคิดบางสิ่งขึ้นได้ หญิงสาวหันกลับมาจ้องหน้าท่านอ๋องหนุ่มอีกครา
“วันนี้ท่านอ๋องจะไม่ออกไปสำรวจด้านนอกเสียหน่อยหรือ !”
“มิต้อง แม่ทัพชือออกสำรวจมาเรียบร้อยแล้ว !”
“ไม่อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้างหรือ ?”
“เปิ่นหวางเพิ่งกลับเข้ามา”
“อ้า ! งั้นไปดูเหล่าทัพตระเตรียมระเบิดน้ำมันปลาสิ !”
เซ้าซี้มากความเสียจนท่านอ๋องหนุ่มเริ่มจะฉุน “นี่เจ้าจะกล่าวอันใดกันแน่ ? ไปชำระกายเสีย !”
ชีชียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยท่าทีเขินอาย “ก็ข้าไม่คุ้นชินที่มีคนคอยจ้องยามอาบน้ำเช่นนี้สิ !”
“ยุ่งจริง แล้วไยไม่พูดให้มันชัด ๆ เสียแต่แรก !” หลิวจ่งเทียนขยับลุกให้ “เปิ่นหวางจะออกไปสำรวจด้านนอก อีกชั่วยาม*ให้หลังเปิ่นหวางจะกลับมา ! รีบไปชำระกายให้เรียบร้อยเสีย !”
*1 ชั่วยามคือ 2 ชั่วโมง
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง….” เธอก้มศีรษะโค้งให้อย่างงดงามก่อนจะแอบหัวเราะคิกคัก
เว่ยชีชีผู้ถูกถีบส่งมายังยุคสมัยฮั่นที่น่าชังแห่งนี้จะได้แช่น้ำให้สะใจเสียที
หญิงสาวชำระกายอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะผลัดเปลี่ยนใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์และรองเท้าสนีกเกอร์ แล้วกลับต้องทอดถอนใจ หากรองเท้าคู่นี้ฉีกขาดไป เธอคงไม่มีโอกาสได้สวมใส่มันอีกครา หวังว่ามันจะไม่พังก่อนเธอจะกลับคืนสู่โลกปัจจุบันได้ล่ะนะ
บางทีอาจมีสักวันที่สายฟ้าฟาดผ่ากลางวันแสก ๆ และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครา เธออาจพบตนเองกลับไปนั่งอยู่บนรถคันงาม ตรงหน้ายังคงเป็นหนังตลกชวนขบขัน แต่หากได้กลับไปอีกครา เธอคงคิดถึงที่นี่ คิดถึงท่านอ๋องหนุ่มผู้แสนเย็นชาคนนี้อย่างแน่นอน
เมื่อหลิวจ่งเทียนกลับมาพบเว่ยชีชีแต่งกายสะอาดเรียบร้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าหนุ่มน้อยชำระกายเสียเอี่ยมอ่องทุกซอกมุมแล้ว “ไยเจ้ายังแต่งกายแปลกประหลาดเยี่ยงนี้อีก ?”
“แหม นี่ข้ากำลังคิดอยู่ว่าหากท่านมาสวมใส่อาภรณ์แปลกตาเยี่ยงนี้จะเป็นเช่นไร !” กล่าวไปเธอก็เดินไปจับเข็มขัดของท่านอ๋องหนุ่ม “นี่หากท่านมาสวมกางเกงยีนส์คงดูหล่อระเบิดไปเลย !
“สามหาว !” หลิวจ่งเทียนยุดมืออีกฝ่ายเหวี่ยงออกด้วยบันดาลโทสะ “คราหน้าจงอย่าได้แตะต้องกายเปิ่นหวางอีก !”
“ท่านนี่มันนิสัยเสียจริง ๆ !” กล่าวจบ ชีชีก็ลงนั่งในกระโจมใหญ่ทั้งเริ่มลงมือซักผ้าอยู่กลางกระโจม
ขณะที่หลิวจ่งเทียนกำลังเดินกลับไปที่ชั้นหนังสือ เสียงซักผ้าก็กระทบโสตประสาท เขาขยับถอยกลับมาดูเว่ยชีชีด้วยความสนใจใคร่รู้ “เห็นทีต่อไปเปิ่นหวางคงมิต้องเรียกใช้ผู้ใดเข้ามาเก็บอาภรณ์ในกระโจมใหญ่ เจ้าควรเป็นผู้ซักให้ทั้งหมด !”
“ว่าไงนะ ?” หนุ่มน้อยชีชีลุกพรวดขึ้นทันที ทว่ายังมิทันได้ขยับปาก เสื้อผ้าอาภรณ์ของหลิวจ่งเทียนก็ถูกโยนส่งมาให้ตรงหน้า
“ซักให้สะอาดทั้งหมด !”
“นี่ ! หลิวจ่งเทียน !”
“เรียกข้าว่าท่านอ๋อง !” เขาเผยรอยยิ้มบางก่อนจะเดินกลับไปยังชั้นหนังสือ และเริ่มตั้งหน้าตั้งตาอ่านแผ่นกระดาษที่ม้วนเรียงเป็นตั้ง ทว่าสายตายังแอบคอยเหลือบชำเลืองมองเจ้าหนุ่มอัปลักษณ์เป็นระยะ
เว่ยชีชีซักผ้าไปจ้องกระโจมด้านนอกไปด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด เพิ่งได้ที่พักพิงพอสะอาดก็กลับต้องกลายมาเป็นทาสรองมือรองเท้าให้ท่านอ๋องขี้เต๊ะผู้นี้อีก โธ่ สวรรค์ นี่มันเกิดเหตุผิดพลาดประการใด ? ไยท่านจึงปล่อยให้ทายาทผู้นั่งนอนอยู่บนกองเงินกองทองต้องตกต่ำน่าสมเพชถึงเพียงนี้ ? ครั้นเมื่อมองดูผืนผ้าในมือ ในใจกลับหวนนึกถึงสบู่แสนหอมในยุคปัจจุบัน หากได้สบู่หอมก็คงดีไม่น้อย แล้วยิ่งหากสาวใช้ที่บ้านมาติดอยู่ที่นี่ด้วยกัน ก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
เมื่อผ้าในมือไม่ยอมสะอาดเอี่ยมเสียทีไม่ว่าเธอจะพยายามขัดถูสักเพียงไร เว่ยชีชีจึงตัดสินใจวิ่งออกไปหาหัวหน้าหน่วยทหารเพลิง เพื่อจะขอน้ำมันหมูกับด่าง จากนั้นหญิงสาวจึงเริ่มกระบวนการจัดสรรทุกอย่างผ่านความร้อน เติมเกลือลงในส่วนประสม หัวหน้าหน่วยเพลิงจับจ้องตามด้วยความสงสัยในสิ่งที่หนุ่มน้อยกำลังกระทำ
“สำเร็จ ! สบู่ !” ชีชีกระโดดกระเด้งด้วยความดีใจ
หัวหน้าหน่วยเพลิงจ้องก้อนแข็งสีเหลืงในมือของชีชีพลางเอ่ยถามด้วยความกังขา “ท่านรองเว่ย สิ่งนี้คือ ?”
“สบู่ !” ตอบจบเธอก็วิ่งพรวดพราดออกไปด้วยอารามตื่นเต้นยินดี
ครั้นเมื่อกลับถึงกระโจมใหญ่ หญิงสาวจึงเริ่มลงมือซักผ้าต่อด้วยความเริงร่า หลิวจ่งเทียนนึกสงสัยจึงเดินมาดู ทว่าคิ้วทั้งสองของท่านอ๋องหนุ่มกลับต้องจิกลึกเมื่อได้เห็นถังไม้เต็มไปด้วยฟองลอยฟ่อง ขณะที่เจ้าหนุ่มอัปลักษณ์ยังนั่งร้องเพลงซักผ้าอย่างสุขใจ
“นี่มันอันใดกัน ?”
“อ้อ ! สบู่อย่างไรเล่า ! คิกคิกคิก !” พร้อมกันนั้น เธอก็ลุกขึ้นยกเสื้อให้อีกฝ่ายได้ชมอย่างเต็มตา “ท่านอ๋อง เป็นอย่างไรเล่า สะอาดเอี่ยมเลยใช่ไหม !”
หลิวจ่งเทียนจ้องเธอ จ้องสบู่สีเหลืองที่ถูกวางไว้ข้างกาย เต็มไปด้วยความฉงนภายในใจ ไยเว่ยชีชีผู้นี้นิสัยประหลาดนัก ?
เขายกผืนผ้าที่หนุ่มน้อยลงมือซักขึ้นมาดู
“คราหน้า เจ้าควรช่วยซักผ้าให้หมดทั้งฐานทัพ !”
“ไงนะ ? ว่า..อย่างไรนะ ?” ผู้รับฟังพูดจาติดอ่างในทันที
“หากเจ้าไม่อยากซักเอง ก็มอบสบู่ของเจ้าให้พวกทหารเป็นค่าตอบแทนช่วยซักได้ !”
เว่ยชีชีเข้าใจความหมายในทันที เช่นนี้เอง ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จะให้สอนวิธีทำสบู่ก็ยังได้เลย จากนั้นหญิงสาวไม่รอช้ารีบฉวยโอกาสเอ่ยปากกับท่านอ๋องหนุ่มผู้กำลังจะหลีกไปในทันที
“เช่นนั้น อาภรณ์ของท่าน ข้าไม่ซักจะได้ไหม ดูมือข้าสิ !” พร้อมกันนั้น ฝ่ามือทั้งสองของเธอก็ยื่นแผ่ออกคล้ายจะช่วยปากยื่นปากยาวฟ้องกันระงม
ท่านอ๋องสามหลิวจ่งเทียนยิ่งให้รู้สึกว่าฝ่ามือเบื้องหน้าคู่นี้ ทั้งขาว ทั้งบอบบางกว่าปกติทั่วไป เขารีบเบือนหน้าหนีด้วยความขัดเขินอย่างไม่อาจหาคำอธิบาย
“ได้ ! ไม่ต้องก็ได้”
“OK ไม่มีปัญหา !”
***จบตอน พวกเรา ! จับท่านรองเว่ยแก้ผ้าอาบน้ำ !***