“เมื่อไม่อาจฝึกปรือกองทัพให้ปรับตัวเข้ากับการรบในทะเลทรายได้ เช่นนั้นเราจำต้องป้องกันจุดยุทธศาสตร์ไว้ให้มั่น มิให้สูญเสียกำลังทหารไปแม้เพียงนายเดียว !” หลิวจ่งเทียนกล่าวอย่างแข็งขัน
“เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปได้ยากพ่ะย่ะค่ะ ! การรบในทะเลทรายนับเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง กระทั่งการป้องกันฐานที่มั่นไว้ยังมิใช่เรื่องง่าย !”
“ข้ามีหนทาง !” ชีชีโพล่งออกมาในทันใด
“หืม ?” แม่ทัพชือหันมามองชีชี ส่วนท่านอ๋องสามหลิวจ่งเทียนก็หันมาหาเว่ยชีชีด้วยท่าทีนึกฉงนเช่นกัน เจ้าหนุ่มผู้นี้จะมีหนทางใด ? เขาเป็นแค่รองผู้บัญชาการฝ่ายขวาผู้มีวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น
“เราต้องสร้างเกราะกำบัง !”
“หากพวกมันได้กินแนวระเบิดปราการเข้าไปล่ะก็ พวกมันต้องพ่ายยับ ทั้งเชื่อว่ากระทั่งพวกท่านฟาดฟันมันจนเหลือเพียงวิญญาณแล้ว พวกมันก็จะไม่กล้ายื่นหน้ากลับมาอีกอย่างแน่นอน !”
หลิวจ่งเทียนลุกพรวดขึ้นทันที “นี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย หาใช่สถานที่ซึ่งเจ้าจะมาพูดเล่นได้ !”
“พูดเล่นอันใดกัน นี่ท่านไม่เชื่อข้ากระนั้นรึ ? ท่านอ๋องสาม นี่มิเท่ากับท่านกำลังดูถูกผู้อื่นอยู่กระนั้นรึ !” ชีชีจ้องเขม็ง อย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่าย
แม่ทัพชือรีบกระตุกแขนหนุ่มอัปลักษณ์คล้ายเป็นเชิงเตือนให้เจ้าหนุ่มน้อยรู้ตัวว่าคำกล่าวของเขาออกจะกร่างจนเกินเลยไปเสียแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“วันพรุ่งข้าจะให้พวกท่านทั้งหมดได้เปิดหูเปิดตา ! พวกท่านจะได้รู้ว่ากลวิธีของข้านั้นทรงพลังเพียงไร !”
“ได้ วันพรุ่งเปิ่นหวางจะรอดูสิว่าเจ้าจะทำให้เปิ่นหวางปักใจเชื่อได้อย่างไร !” หลิวจ่งเทียนจ้องเธอกลับด้วยสายตาที่เย็นชา
ขณะที่เว่ยชีชีเองก็ทำตาเขียวใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมลดราวาศอกทั้งที่ภายในใจยังขมขื่น ครานี้ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ หากล้มเหลวไม่ได้ความคงถูกอ๋องขี้เต๊ะผู้นี้ดูถูกไปทั้งชีวิต
“วันนี้พอแต่เพียงเท่านี้ก่อน ทุกคนแยกย้ายกลับไปพักผ่อนได้ ! เว่ยชีชี เจ้าอยู่ก่อน !” หลิวจ่งเทียนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ท่านแม่ทัพชือ และรองผู้บัญชาการหลิวลุกขึ้นหลีกออกไปจากกระโจมใหญ่ ส่วนเว่ยชีชียังคงจ้องท่านอ๋องหนุ่มด้วยสายตาแปลกพิกล ยังนึกสงสัยไม่คลายว่าครานี้จะมีเรื่องประหลาดใดมาหาเธออีก ไยเขาจึงรั้งตัวเธอไว้แต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้
“มานวดขาให้เปิ่นหวาง คืนนี้เปิ่นหวางอยากพักให้เต็มตื่นเสียหน่อย” กล่าวจบ เขาก็เอนกายลงกับที่นอน
“ยามนี้ข้าหาใช่ทหารปลายแถวคอยรองมือรองเท้าท่านเสียเมื่อไร ไยท่านยังคอยเรียกใช้ข้ามานวดขาให้อีกเล่า !” เว่ยชีชีเอ่ยประท้วง
“ตกลงจะนวดหรือไม่ ?”
“นวดก็ได้…” เธอหย่อนกายลงนั่งทั้งที่ยังเจ็บใจ ฝ่ามือน้อย ๆ เริ่มนวดเฟ้นอีกฝ่ายอย่างไม่ใคร่เต็มใจ
“เท่าที่เปิ่นหวางเห็น เจ้ามีนิสัยชอบเอาชนะ !” หลิวจ่งเทียนชิงเปิดปากก่อนในทันที
“ก็แล้วอย่างไรเล่า ข้ามิได้ไประรานผู้ใดเสียหน่อย !”
“มันจะนำปัญหามาให้ตัวเจ้าเองเสียมากกว่า ! วันพรุ่ง หากเจ้าทำผิดพลาด เจ้าต้องกลับมาเป็นอารักขาส่วนตัวรับใช้ข้างกายเปิ่นหวาง คอยนวดขาให้เปิ่นหวางทุกวันเช่นนี้ !”
ถ้อยคำเผด็จการของเขายิ่งทำให้เธอฮึดฮัดไม่พอใจ แรงบีบนวดถูกกดหนักมือขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัวกระทั่งหลิวจ่งเทียนยังอดหัวเราะขันมิได้
“เจ้านี่ช่างเหมือนอิสตรีเสียจริง…”
มือเธอกระตุกกึก ก็แท้จริง เธอคือสตรีอย่างไรเล่า อยากรู้เสียจริงว่า หากค่ายทหารฮั่นปรากฏสตรีขึ้นจะเกิดสิ่งใด หากเรื่องที่เธอคืออิสตรีถูกเปิดโปงจะเป็นเช่นไร ?
“ท่านอ๋อง… ค่ายทัพฮั่นนี้จะมีทหารเป็นสตรีเพศเข้าร่วมต่อสู้โรมรันฟันข้าศึกศัตรูได้หรือไม่ ?”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นมิได้อย่างแน่นอน เพราะหากมีทหารหญิงปรากฏขึ้นจริง เปิ่นหวางจะเป็นผู้บั่นศีรษะนางเอง !”
เพียงได้ยินชีชีก็หวาดกลัวจนมือสั่น
***จบตอน แนวระเบิดปราการ***