หลิวจ่งเทียนจ้องมองเว่ยชีชีผู้กำลังยิ้มระรื่น รอยแผลเป็นริ้วรายทางสีเหลืองบนใบหน้ากับดวงตาคู่นั้น ช่างไม่เข้ากันเอาเสียเลย ความเคลือบแคลงสงสัยปลุกเร้าอยู่ในใจ คล้ายนึกบางสิ่งขึ้นได้เขาจึงเอ่ยปากถาม
“ใบหน้าของเจ้าได้รับบาดเจ็บมากระนั้นหรือ ?”
“บาดเจ็บ ?” ชีชียกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตนเอง ดารดาษไปด้วยปุ่มตม ! นี่หากเขาไม่ทักถาม เธอคงลืมสนิทไปแล้ว ชีชีหันหน้าเลิ่กลั่กกวาดตาไปมาคล้ายกำลังหาบางสิ่ง “ที่นี่ไม่มีกระจกกระนั้นหรือ ?”
“กระจกคือสิ่งใด ?”
“กระจกไง เอ๊ย ! ลืมไป ๆ คันฉ่องทองเหลืองน่ะ !” เพิ่งนึกได้ว่ายามนี้เธอยังอยู่ในยุคสมัยฮั่น จะมีกระจกแต่ที่ใด
“ที่นี่ไม่มีสตรี เจ้าจะเอาคันฉ่องทองเหลืองไปเพื่อการใด ?” หลิวจ่งเทียนเก็บกระบี่คืนใส่ด้ามฝัก
ไม่มีอิสตรี เช่นนั้นแล้วเธอเล่า เป็นตัวอะไร ? บุรุษงั้นรึ ? อ้าว…เออใช่ ! พวกเขาเข้าใจว่าเธอเป็นบุรุษมาโดยตลอดนี่ คิดแล้วก็นึกปลื้มใจในภาพลักษณ์ของตนเอง เห็นทีจะเป็นเพราะผมซอยสั้นนี้กระมัง ? พวกเขาจึงเข้าใจว่าเธอเป็นบุรุษมาโดยตลอด เอ…ทว่าบุรุษในยุคสมัยนี้ล้วนไว้ผมยาวกันทั้งสิ้นนี่
ฉับพลันชีชีก็นึกถึงเป้กระเป๋านักเรียนขึ้นมาได้ ในนั้นน่าจะมีกระจกแต่งหน้า ! ที่สุดเธอก็ค้นกระจกใบน้อยในเป้เจอ ฮ่าฮ่าฮ่า แจ่มจริง ! นึกว่าจะทำหล่นหายไปไหนเสียแล้ว ทว่าเพียงได้เห็นภาพสะท้อนผ่านกระจกเงา…
เสียงร้องไห้จ้าดังลั่นสนั่น กระทั่งท่านอ๋องสามหลิวจ่งเทียนยังใจหายวาบ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้าหนุ่มอัปลักษณ์นั่น ? ท่านอ๋องหนุ่มรีบเข้ามาดูจึงพบชีชีกำลังนั่งนิ่งอึ้งตะลึงค้างอยู่กับที่ สองมือของหนุ่มน้อยจอมหาเรื่องยังกุมถือบางสิ่งซึ่งมีลักษณะทรงกลมแลดูประหลาดตา
“เกิดอันใดขึ้น ?” หลิวจ่งเทียนรีบถามไถ่
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจับจ้องร่างของเขา พร้อมเสียงกล่าวเศร้าสร้อยที่น่าเห็นใจยิ่ง “ไยข้าจึงกลายเป็นคนอัปลักษณ์เยี่ยงนี้ ?” หยาดน้ำตาร่วงผล็อยไหลพรากลงมาตามแนวหน้าเรียว
“เจ้าเป็นบุรุษ จะอัปลักษณ์หรือหล่อเหลาแล้วจะอย่างไร ข้ามิเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอันใด ! ดูแต่เจ้าเถิด ไยจึงร่ำไห้น้ำหูน้ำตาพรากราวอิสตรีเยี่ยงนี้ ?” เขาเอื้อมมือออกไปด้วยสัญชาตญาณอย่างลืมตัว ฝ่ามือกว้างตรงเข้าช่วยปาดเช็ดหยาดน้ำใสที่ไหลอาบลงสองแก้ม “พอแล้ว พอได้แล้ว ข้าไม่อยากได้ทหารขี้แยเป็นเด็กน้อยไว้ข้างกาย”
เธอจ้องหน้าเขาด้วยใบหน้าที่อาบหยาดน้ำตา “ท่านลองมาเป็นข้าดูบ้างสิ ท่านคงได้ร่ำไห้หนักกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ !”
มิรู้ว่าเขาควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ใบหน้าของคนเราล้วนเป็นสิ่งที่บิดามารดามอบให้นับแต่ถือกำเนิด ไยเจ้าหนูจึงต้องโศกเศร้าเสียใจหนักหนาถึงเพียงนี้
ชีชีรู้ดีว่าเขาไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่เธอเอ่ยกล่าว เธอจึงรีบเก็บกระจก สูดหายใจลึก ๆ รับอากาศบริสุทธิ์เข้าให้เต็มปอด หลิวจ่งเทียนเห็นท่าทางอีกฝ่ายดูลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบกล จึงคว้ามือเธอขึ้นมา
“เว่ยชีชี นั่นเจ้าซุกซ่อนสิ่งใดไว้ ?”
“ข้ามิได้ซุกซ่อนอันใดเสียหน่อย !”
“เอาออกมาเดี๋ยวนี้ !” หลิวจ่งเทียนรั้งแขนเธอดึงเป้ใบนั้นออกมา ทว่ามีหรือที่ชีชีจะยอมมอบกระจกให้ หากเขาเห็นของสิ่งนี้คงมอบข้อต้องสงสัยประหลาดให้กับเธออีกเป็นแน่ เธอแค่อยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว
ทว่ากำลังของหลิวจ่งเทียนนั้นมหาศาล ทั้งร่างกายก็ใหญ่โตกำยำ ชีชีจึงไม่อาจเลี่ยงหลบหลีกหนีได้ กระนั้นเธอก็ยังกอดเป้แน่น ด้วยเกรงอีกฝ่ายจะแย่งกระจกไปได้ ยิ่งเก็บงำ ยิ่งซ่อนเร้นก็ยิ่งน่าสงสัย
หลิวจ่งเทียนอยากรู้ยิ่งนักว่าแท้จริงเธอซุกซ่อนสิ่งใดไว้ภายในกันแน่
เว่ยชีชีหลบไปมาจนหงุดหงิดจึงเตะขากวาดใส่ท่อนขาอีกฝ่าย ส่วนท่านอ๋องหนุ่มก็ไม่ทันคิดว่าเจ้าหนูข้างกายตนจะคิดหาญกล้าถึงกับลอบทำร้ายเขา เมื่อแข้งถูกตวัดเตะใส่ เขาผู้ไม่ทันตั้งตัวจึงล้มถลาลงไป ขณะที่เว่ยชีชีก็หนีไม่ทันจึงถูกกดลงไปนอนแผ่หราอยู่กับพื้น ริมฝีปากของท่านอ๋องสามประกบทาบทับริมฝีปากของชีชี รสความหวานอันล้ำลึกตลบอบอวลไปทั่วทั้งปาก ส่งให้เลือดในกายของท่านอ๋องหนุ่มเดือดพล่านร้อนรุ่ม เมื่อสายตาของเขาประสานกับดวงตาคู่งามของชีชี ชายหนุ่มกลับหลงลืมทุกสิ่งคล้ายถูกดูดกลืนให้จมหายไปกับแววตาคู่นั้นอย่างมิทันรู้ตัว
ชีชีรีบผลักอีกฝ่ายออกด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ส่วนหลิวจ่งเทียนก็ยอมขยับริมฝีปากของตนออกมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ จากนั้นจึงรีบสาวเท้ากลับไปที่ด้านหลังฉากบังตาในมุมกระโจมของตน
ชีชียกมือขึ้นจับริมฝีปากด้วยความตื่นตระหนก จุมพิตแรกของเธอ เว่ยชีชี กลับต้องมามอบให้เจ้าโหดเลือดเย็น เจ้าอ๋องหน้าเหม็นผู้นี้เนี่ยนะ หญิงสาวยกมือปาดเช็ดริมฝีปากด้วยท่าทีฮึดฮัด ก่อนจะปั้นสีหน้าท่าทางคล้ายไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น จากนั้นก็รีบคว้าเป้ขึ้นสะพายหลังวิ่งพรวดพราดหนีออกไป ให้บังเอิญไปชนกับรองผู้บัญชาการหลิวที่กำลังจะเข้ามาในกระโจมพอดี
“เกิดอันใดขึ้น ?” ท่านรองหลิวช่วยพยุงเธอขึ้น
“ท่านอ๋องรังแกผู้อื่น เขาพยายามแย่งของ ๆ ข้า !” พร้อมกันนั้นชีชีก็รีบหลบไปซุกตัวอยู่หลังผู้บัญชาการหลิว ทั้งยังแอบลอบชำเลืองมองไปที่หลิวจ่งเทียน
ท่านอ๋องหนุ่มเพิ่งคืนสติ และนึกได้จึงรีบกลับมานั่งที่หน้าโต๊ะหนังสือดังเช่นเคย เขาเหลือบสายตาขึ้นมองเว่ยชีชี เกิดอันใดขึ้นกับเขา ? เจ้าเด็กนี่เป็นแค่หนุ่มน้อยจอมหาเรื่องผู้มีใบหน้าอัปลักษณ์ ไยเขาจึงมีปฏิกิริยากับเจ้าหนุ่มนี่ราวกับสตรีเพศ ? หรือเขา หลิวจ่งเทียนผู้นิ่งสงบ ทรงความภาคภูมิในตนมาโดยตลอดจะโหยหาสตรีเพศ กระทั่งเริ่มฟุ้งซ่านไปเช่นนั้นหรือ ?
แม้เขาพยายามฝืนบังคับแนวสายตาให้จรดอยู่กับม้วนกระดาษเบื้องหน้า ทว่ากลับมิอาจบังคับความคิดที่ยังคงหลั่งไหลไม่หยุดหย่อนได้เลย ชายหนุ่มแอบเหลือบมองชีชีอย่างไม่ทันรู้ตัว ไยริมฝีปากคู่นั้นจึงนุ่มนิ่มนัก ? หรือท่านอ๋องสามผู้เกรียงไกรแห่งอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่เช่นตัวเขานี้จะติดใจในรสริมฝีปากของบุรุษด้วยกันเอาเสียแล้ว ?
***จบตอน จุมพิตแรกของข้า !***