เว่ยชีชี คือสาวน้อยวัย 17 ทายาทหญิงแต่เพียงผู้เดียวแห่งบริษัทเว่ย ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้คุณหนูตัวน้อยผู้นี้เพิ่งตื่นผวากับฝันร้ายเจือความหวานที่คละเคล้ากันอย่างน่าใจหาย
ฝันผวานั้นคือ : หนอนตัวเบียนเหลือง*จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังไต่ยั้วเยี้ยอยู่ตามร่างกายของเธอ มันคืบคลานไต่ตามใบหน้า กัดกินเลือดเนื้อ ชอนไชลงไปใต้ผิว เจ็บปวดทรมานอย่างเหลือจะทน
*หนอนตัวเบียนคือหนอนของแมลงเบียนซึ่งจะถูกฝังไข่ไว้ในร่างของเหยื่อจากนั้นตัวอ่อนในไข่จะอยู่ร่วมกับเหยื่อ กินเหยื่อเป็นอาหารกระทั่งเหยื่อตายมันก็จะเข้าสู่สภาพของดักแด้ และเติบโตกลายเป็นแมลงที่โตเต็มวัย โดยแมลงเบียนตัวหนึ่งสามารถวางไข่ได้จำนวนมาก ดังนั้นเมื่อเหยื่อถูกแมลงเบียนวางไข่ นั่นหมายความว่าเหยื่อจะมีไข่แมลงเบียนอยู่ในตัวแทบนับจำนวนไม่ถ้วน ไข่พวกนี้จะเติบโตเป็นหนอนเจาะกินเหยื่อจนตาย และเติบใหญ่ดังกล่าว
ส่วนฝันหวานอันแสนสุขนั้นคือ : บุรุษหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งกำลังตระกองกอดเธอไว้ด้วยความรักเปี่ยมเสน่หาภายในอ้อมแขนท่ามกลางผืนทะเลทรายที่กว้างใหญ่เวิ้งว้าง สัมผัสอ่อนนุ่มประทับลงเมื่อริมฝีปากอบอุ่นของเขากดลงบนเรียวปากนุ่มของเธอ จุมพิตที่ร้อนแรงด้วยเพลิงตัณหาปลุกเร้าคลื่นอารมณ์ของเธอให้โหมกระพือพลุ่งพล่าน
มันคือฝันร้ายแสนหวานที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กัน ฝันประหลาดครานี้ทำให้ภายในหัวเธอยุ่งเหยิงสับสนทั้งหนักใจ ทว่าถึงอย่างไร หญิงสาวยังคงตั้งตารอคอยบุรุษผู้ปรากฏกายในความฝัน ชีชีไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าความฝันกระชากความรู้สึกเสมือนจริงในครานี้คือลางบอกเหตุอาคมขลังอานุภาพร้ายจากแผ่นดินสยาม
ณ หมู่บ้านเซียเจียงถู หมู่บ้านที่ห่างไกลไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนักบนผืนแผ่นดินไทย ยังคงมีแม่หมออาคมขลังผู้มีนามว่า เฉ่ากุ้ยโป ผู้ได้รับการสืบทอดวิชาอาคมของแม่มดหมอผีต่าง ๆ มาอย่างโชกโชน
สตรีวัย 50 ปี ผู้มีเรือนผมยาวดวงหน้างดงามเปี่ยมเสน่ห์จากจีนแผ่นดินใหญ่ผู้ที่เฉ่ากุ้ยโปรอคอยได้มาถึงแล้ว
ในมือของแม่หมอผู้เปี่ยมอาคมคือกล่องโบราณที่บรรจุหนอนตัวเบียนเหลืองนับจำนวนไม่ถ้วนที่กำลังไต่ยั้วเยี้ยปีนป่ายกันไปมา เพียงเห็นก็ให้รู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียนกับสภาพน่าสะอิดสะเอียนที่ปรากฏแก่สายตา แม่หมอคว้าหนอนตัวเบียนเหลืองที่น่าขนลุกออกมาจากกล่อง พลางผายฝ่ามือออกส่งให้สตรีผมยาวผู้มีเสน่ห์ดึงดูดใจที่ยืนอยู่ข้างกัน
“เจ้าหนอนพวกนี้สามารถดูดซับรับรู้พลังของสิ่งที่มันแตะต้องสัมผัสได้อย่างชัดเจน เรื่องนี้ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน คุณนายเว่ยไม่ต้องห่วง ว่าแต่ท่านนำเลือดนางเด็กนั่นมาด้วยหรือไม่ ?”
“อยู่นี่แล้ว !” สตรีลึกลับผู้นั้นหยิบขวดใบน้อยส่งให้แม่หมอเฉ่ากุ้ยโปพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ และเสียงหัวเราะแสนร้าย
“หากการคาดการณ์ของข้าไม่ผิดพลาด เมื่อนางเด็กนั่นถูกส่งไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้ว มันย่อมไร้สิ้นหนทางจะคืนกลับ !”
“เฉดหัวมันไปให้ไกล ๆ ข้าชังน้ำหน้านางเด็กนั่น ! อยากให้ชั่วชีวิตของมันมีเพียงความอัปยศ หากเจ้าส่งมันไปยุคสงครามที่มีเพียงการรบพุ่งไม่จบไม่สิ้นได้ยิ่งดี !”
ประกายตาประหลาดชวนขนลุกขนพองของเฉ่ากุ้ยโปฉายขึ้นวูบหนึ่งเมื่อนางเหลือบแลมองอีกฝ่าย “เงินห้าแสนเตรียมไว้พร้อมหรือยัง ?”
“นี่ อยู่นี่ ข้านำมาให้แล้ว เฉ่ากุ้ยโป แม้เจ้าจะส่งมันไปในยุคสงครามนองเลือดเช่นนั้นข้าก็ยังมิอาจวางใจ ข้าไม่อยากให้มันได้เสวยสุข ยังมีอาคมใดที่สามารถกำกับให้มันต้องทุกข์ทรมานอีกหรือไม่ ?
แม่หมอยกมือขึ้นลูบคาง ริมฝีปากเผยอกว้างเผยรอยยิ้มชั่วช้า “ความงาม…”
“อีกห้าแสน !” พร้อมกันนั้น เฉ่ากุ้ยโปก็ยื่นมือออกรอรับ
“มันจะเป็นของเจ้าทันทีที่เจ้าทำสำเร็จ !”
สตรีสูงวัยปรายตามองกล่องโบราณบรรจุกลุ่มหนอนเบียนที่แฝงความร้ายกาจพร้อมเอ่ยถามด้วยท่าทีไม่มั่นใจ “แล้วหากเจ้าหนอนพวกนี้ตายไปเสียก่อน นางเด็กนั่นก็กลับมาได้เช่นนั้นสิ”
เฉ่ากุ้ยโปถ่มน้ำลายลงพื้นพร้อมเอ่ยกล่าวด้วยสีหน้าน่าสะพรึง “เรื่องนั้นย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น เพียงรูปโฉมของมันอาจคืนสู่สภาพเดิมได้ !”
แค่เท่านั้น ผู้รับฟังก็หวั่นใจ ก่อนจะรีบจี้ถามด้วยอาการร้อนรน “มีวิธีถอนมนตร์กระนั้นรึ ?”
“ถูกต้อง หากโชคชะตาพลิกผันให้มันบังเอิญมอบราตรีแรกแห่งพรหมจรรย์แก่บุรุษผู้มีรักแท้ มนตราสาปรูปโฉมจะสลาย แต่เรื่องเช่นนี้คงได้เพียงคิดฝันไปเท่านั้น !”
สตรีสูงวัยจากแผ่นดินใหญ่หยิบซองใส่แบงค์ที่อัดแน่นจนตุงออกมาจากกระเป๋าหนัง “เช่นนั้นจงใช้อาคมทั้งสองบทนี้ ! ข้าอยากให้มันหายไปจากโลกนี้ ทั้งอยากให้มันอยู่ในวงจรชีวิตแสนอุบาทว์ ประสบชะตากรรมที่น่าสังเวชไปตลอดกาล…”
สายตาของสตรีผู้นั้นไม่เคยละไปจากหมู่หนอนที่พากันไต่ยั้วเยี้ยอยู่ในกล่องรูปทรงโบราณ ภายในใจยังหัวเราะหยัน เว่ยชีชี หากจะโทษ ก็จงโทษตัวเองเถิดที่ถือกำเนิดมาเป็นทายาทเพียงผู้เดียวแห่งตระกูลเว่ย แม้นฉันจะเป็นแค่เพียงแม่เลี้ยง ฉันก็จะทำให้ลูกสาวของฉันทวงทุกสิ่งที่ควรจะเป็นกลับคืนมาให้ได้…
***จบตอน อาคมขลัง แผ่นดินสยาม***