ตอนที่ 20 ทำอาหาร
ซ่งลุ่ยรีบเดินเข้าไปช่วยถือของในมือของหลินหลิน เขาอุ้มหลินหลินขึ้บแบบเจ้าหญิงและเดินเข้าไปในหอพัก พลางเดินไปด้วยบ่นไปด้วย
“เธอซื้อของอะไรมา อยากได้อะไรทำไมไม่บอกฉัน ฉันจะไปซื้อมาให้เธอเอง” ไม่สนใจว่าหลินหลินจะฟังอยู่หรือเปล่า เขาก็เพียงแค่บ่นไม่หยุดกับหลินหลินนั่นเอง
หลินหลินที่อยู่ในอ้อมอกของซ่งลุ่ยฟังคำบ่นของเขา เธอไม่ได้รู้สึกรำคาญเขาเลย ในใจกลับรู้สึกถึงความอบอุ่น เพราะว่าหลินหลินรู้ว่าซ่งลุ่ยแสดงออกมาด้วยความห่วงใยเธอ หลินหลินมักจะจินตนาการว่าอยากจะมีคนทำแบบนี้กับเธอ แค่นั้นเธอก็พอใจแล้ว แต่ตอนนี้ ความฝันนั้นก็กลายเป็นจริงอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้ว!
ซ่งลุ่ยมองหลินหลินในอ้อมแขนของเขาที่กำลังแสดงท่าทางว่า “เธอรู้สึกผิดไปแล้ว” เขาหยุดพูดไปไม่นาน ก็เดินมาถึงหน้าประตูห้อง เขาวางหลินหลินลง สองมือพยุงไหล่ของหลินหลินเอาไว้และพาเธอเดินไปข้างหน้า เขามองหน้าหลินหลินแล้วพูดว่า
“หลินหลินฉันรู้ว่าเมื่อก่อนเธอมีความคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียว อยู่ๆก็มีคนอื่นเข้ามาในชีวิตเธออีกหนึ่งคนอาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่ชิน แต่ว่าโชคชะตาก็เป็นแบบนี้แหละ มันผูกเราสองคนเอาไว้ด้วยกันแล้ว เธอรู้อะไรไหม ตอนที่ฉันเพิ่งจะพบเธอ ฉันกังวลใจเกี่ยวกับเธอมาก หลังจากนี้ควรทำอย่างไรถึงจะดีต่อเธอ” พูดจบก็มองไปที่หลินหลินด้วยความจริงจัง
หลินหลินมองใบหน้าที่จริงจังของซ่งลุ่ยและทันใดนั้นเองเธอก็พูดอะไรไม่ออก เธอโถมตัวเข้าไปกอดซ่งลุ่ย ซุกหัวอยู่ในอ้อมอกของซ่งลุ่ยและพูดเบาๆว่า
“อือ ฉันรู้แล้ว”
ซ่งลุ่ยที่ถูกกอดด้วยความฉับพลันนี้ก็ตกใจ แต่เมื่อเขาได้ยินที่หลินหลินพูด เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและในเวลาเดียวกันเขาก็กอดหลินหลินกลับ ทั้งสองคนจึงตกอยู่ในภวังค์แห่งความสุข
หลังจากผ่านไปซักพัก หลินหลินก็ดิ้นออกมาจากแขนของซ่งลุ่ย เธอหยิบกุญแจห้องออกมาและเปิดประตูห้องพักโดยไม่ได้พูดอะไร และรีบเดินนำเข้าห้องไปก่อน ซ่งลุ่ยเองก็ไม่มีอะไรจะพูด ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วจริงๆ เพิ่งจะสนใจเขาอยู่แท้ๆ ตอนนี้กลับไม่สนใจเขาขึ้นมาทันทีทันใด แปลกดีจริงๆ
ซ่งลุ่ยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหิ้วสิ่งของที่หลินหลินซื้อมาตามเธอเข้าไปในห้อง ซ่งลุ่ยปิดประตูและถามหลินหลิน
“หลินหลิน เธอซื้อของพวกนี้มาทำอะไรเหรอ? แถมยังซื้อมาเยอะมากอีกด้วย”หลินหลินที่ได้ยินซ่งลุ่ยถามแบบนั้น เธอก็คว้าเอาของในมือของซ่งลุ่ยมาและพูดด้วยท่าทางที่โกรธ
“ฉันจะทำอาหารให้หมากิน” พูดจบก็ไม่สนใจซ่งลุ่ยและหันกลับมาทำธุระของตัวเอง
หลังจากที่ได้ฟังในใจของซ่งลุ่ยก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ที่แท้เธอก็จะทำอาหารให้เขากินนั่นเอง ถึงกับไม่สนใจอาการเจ็บปวดของตัวเอง ตื่นขึ้นมาแล้วก็ไปซื้อของ ในตอนเที่ยงเขาเพียงแค่พูดว่าจะทำอาหาร ให้เธอแต่เธอกลับจำได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ทำให้ในใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา แต่ในระหว่างนั้น ซ่งลุ่ยก็เหมือนตนเองลืมเรื่องอะไรไป ทันใดนั้น เขาก็คิดออกมาในทันทีทันใดว่าคือเรื่องอะไร เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาหลินหลินแล้วพูดว่า
“ดูเธอสิ ฉันนี่โง่เง่าจริงๆ ฉันลืมไปว่าเธอยังไม่สบายอยู่ เธอออกไปเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง” หลินหลินที่ได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น ในใจก็รู้สึกอบอุ่นก่อน ต่อจากนั้นก็ตอบว่า
“ไม่เป็นไร นายนั่นแหละออกไปเถอะ ฉันจัดการได้อยู่!” พูดจบเธอก็ดันตัวซ่งลุ่ยออกไป แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ร่างกายส่วนล่างของเธอที่ฉีกขาดเจ็บแปลบขึ้นมา
หลินหลินขมวดคิ้วและร้องเสียงต่ำในปากของเธอ แต่ก็ถึงยังไงก็ยังถูกซ่งลุ่ยได้ยินอยู่ดี ซ่งลุ่ยที่เห็นท่าทางแบบนั้นของหลินหลิน ก็อุ้มหลินหลินขึ้นมาแบบเจ้าหญิงแล้วเดินออกไปที่เตียง ก่อนจะวางหลินหลินลงบนเตียงด้วยความนุ่มนวลและอ่อนโยน เขาก็มองหลินหลินด้วยสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธและบอกกับหลินหลินว่า
“แบบนี้ดีแล้ว! เชื่อฟังฉัน!”
หลังจากที่ซ่งลุ่ยพูดจบ เขาก็หมุนตัวกลับและเดินไปที่ในครัว หลินหลินที่นอนอยู่บนเตียงมองไปที่ด้านหลังของซ่งลุ่ยที่กำลังเดินออกจากห้องนอนไป ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอุ่นใจ เธอหลับตาและคิดถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพวกเขาในอนาคต!
หลังจากผ่านไปไม่นาน กลิ่นอาหารก็ลอยออมาจากในครัว ขนาดหลินหลินที่นอนอยู่บนเตียงยังได้กลิ่นหอมนี่ ท้องก็เริ่มหิวขึ้นมาทันที เพราะว่าเขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำอาหารให้เธอกิน ในใจของหลินหลินในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความคาดหวังในการทำอาหารของซ่งลุ่ย !
ซ่งรุยอยู่ในครัวเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ ผ่านไปไม่นานอาหารก็ทำเสร็จ เขาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าต่อจากนั้นก็นำจานที่เตรียมไว้ออกมา ค่อยจัดวางอาหารจนทุกอย่างเสร็จหมด ถอดผ้ากันเปื้อนออก เช็ดมือแล้วเดินไปที่เตียง
ซ่งลุ่ยนั่งลงบนเตียงแล้วมองหลินหลินบนเตียง เขาพูดด้วยความอ่อนโยนกับหลินหลินว่า
“ไปกินข้าวกันเถอะ ลองชิมฝีมือการทำของฉันว่าเป็นอย่างไงบ้าง?” หลินหลินได้ยินก็ส่งเสียง “เอ่อ” แล้วก็ดิ้นเพื่อลุกขึ้นจากเตียง ซ่งลุ่ยหยุดดูการกระทำของเธอ ในทันใดนั้นเขาก็อุ้มหลินหลินขึ้นมาอีกครั้งแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร เมื่อถึงโต๊ะก็วางหลินหลินลงด้วยความอ่อนโยนแล้วตักข้าวให้หลินหลิน
ซ่งลุ่ยแอบมองดูหลินหลินที่ดูจะไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าไหร่นัก ก็เลยเอ่ยปากถามเธอ
“เป็นอะไรเหรอ? ไม่อร่อยเหรอ? หรือว่าฉันทำไม่ดี ”เขาจ้องมองหลินหลินด้วยใบหน้าที่ดูกังวล หลินหลินรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ จะเป็นแบบนั้นได้ไง เพียงแค่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้ฉันมาก่อน ก็เลยรู้สึกไม่ชินนิดหน่อย”
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินก็พูดว่า “นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นและไม่ต้องคิดอะไรมาก ต่อไปฉันจะทำบ่อยมากขึ้น อนาคตเธอก็จะค่อยๆชินไปเอง เอาหล่ะ รีบชิมฝีมือการทำอาหารของฉันว่าเป็นอย่างไงบ้าง?”
เมื่อหลินหลินได้ยินก็พยักหน้าแล้วหยิบตะเกียบไปคีบกับข้าวในจานใส่ปากของเธอแล้วกลืนมันลงไป จากนั้นเธอก็ตอบว่า “อร่อยมาก เยี่ยมไปเลย นายทำอาหารได้ไม่เลวเลยทีเดียว!” หลังจากพูดจบเธอก็ไม่รอให้เคี้ยวกับข้าวในปากเสร็จก็คีบกับข้าวอีกอย่างแล้วกินต่อ
ซ่งลุ่ยมองท่าทางของหลินหลินก็อดที่จะภาคภูมิใจ และพูดคุยโวโอ้อวดด้วยความภาคภูมิใจว่า
“อาหารที่ฉันทำต้องอร่อยอยู่แล้ว ฉันใส่หัวใจลงไป 100 ดวง เธอระวังด้วยหล่ะ อย่ากลืนลิ้นของตัวเองลงไปด้วยก็พอแล้ว”พูดจบก็มองไปที่หลินหลินแล้วหัวเราะออกมา
หลินหลินได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น ก็เหลือบมองดูเขาอย่างเหยียดๆแวบหนึ่งแล้วก็กลับไปให้ความสำคัญกับอาหารบนโต๊ะต่อ ซ่งลุ่ยมองหลินหลินที่ไม่ได้ตอบสนองต่อตนเอง ก็ยักไหล่แล้วกินข้าวไป ผ่านไปไม่นานอาหารมื้อใหญ่บนโต๊ะก็ถูกความพยายามของคนทั้งสองคนทำลายจนหมดสิ้น!
หลังจากที่กินเสร็จแล้ว ซ่งลุ่ยได้กินอาหารไปเยอะพอสมควรก็ลุกขึ้นยืน เตรียมพร้อมเก็บจานบนโต๊ะ เมื่อหลินหลินเห็นท่าทางของเขาก็อยากจะลุกขึ้นยืนเพื่อหยุดเขา แต่คิดไม่ถึงว่าว่าตัวเองที่เพิ่งจะลุกขึ้นจะทนความเจ็บปวดจากความเจ็บของร่างกายส่วนล่างไม่ไหวจนขาไร้เรี่ยวแรงจนนั่งลงไปที่เดิม ซ่งลุ่ยที่เห็นท่าทางของหลินหลินก็พูดกับเธอว่า
“เธอทำไม่ได้แต่ยังอวดเก่งอีก นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆเถอะ” พูดจบเขาก็ไม่สนใจหลินหลินแล้วจัดการจานบนโต๊ะอาหาร
หลินหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้และนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมที่เก้าอี้ใกล้กับโต๊ะอาหาร เธอมองดูซ่งลุ่ยที่ตั้งใจทำงานอย่างเงียบๆ ในใจพูดไม่ออกบอกไม่ถูกถึงความรู้สึกที่ทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป