ตอนที่ 18 คำติฉินนินทา
การกระทำทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหลินหลินทั้งสิ้น ภายในจิตใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำอาหารให้เธอมาก่อนและมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ
ในไม่ช้า ซ่งลุ่ยก็ทำอาหารเสร็จ เขานำอาหารมาวางไว้ตรงหน้าหลินหลิน เธอจ้องมองไปที่อาหารร้อนๆตรงหน้าของเธออยู่นาน
เมื่อซ่งลุ่ยมองหลินหลินที่ทำแบบนี้ก็รู้สึกงงงวย จึงเอ่ยปากถาม
“เป็นอะไรเหรอหลินหลิน หรือว่าเธอไม่ชอบกินอาหารแบบนี้?”
หลินหลินไม่ตอบ แต่มองดูอาหารตรงหน้าเธอ ผ่านไปสักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองซ่งลุ่ยและพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ต่อไปนี้นายจะมาทำอาหารให้ฉันแบบนี้เหรอ?” พูดจบก็ใช้สายตาที่เฝ้ารออย่างมีความหวังมองไปที่ซ่งลุ่ย
สีหน้าของซ่งลุ่ยชะงักไปด้วยความมึนงง ในใจก็ปรากฏความเห็นอกเห็นใจ ในตอนนั้นเขาจึงตอบออกไปอย่างไม่ต้องคิด
“แน่นอนสิ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ? เธอคงจะไม่คิดที่จะได้ใหม่ลืมเก่าหรอกนะ?! ”
เมื่อหลินหลินได้ยินซ่งลุ่ยพูดอย่างนี้ เธอก็ร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งรอยยิ้ม ซ่งลุ่ยอดไม่ได้ที่จะเห็นใจเธอ ในตอนนั้นเองท้องของหลินหลินก็ส่งเสียงร้องจ๊อกจ๊อกออกมาทำลายความเงียบสงัดนี้ ทั้งสองมองหน้ากัน ทันใดนั้นก็หัวเราะฮ่าๆออกมา!
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว เนื่องจากร่างกายหลินหลินยังคงไม่ดีขึ้น ซ่งลุ่ยจึงจัดการเอาชามและตะเกียบไปวางไว้ในห้องครัว ตอนที่หมุนตัวออกมาจากห้องครัวก็พบว่าหลินหลินหลับไปแล้ว ในขณะที่เขากำลังเช็ดมือก็มองไปที่หลินหลินทีกำลังหลับอยู่บนเตียง ในใจก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้งแล้วหมุนตัวเพื่อที่จะเดินออกจากห้องไป เขาหยุดคิดถึงทางที่จะไปห้องทำงานของเขาอยู่ตรงหน้าประตู
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินมาถึงที่ประตูของห้องทำงาน เขาผลักประตูและเดินเข้าไปจัดการเอกสารสักหน่อย กำลังเตรียมตัวที่จะทำงาน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองลืมบางสิ่งบางอย่าง พอมาคิดอย่างละเอียดแล้ว ใช่แล้ว เมื่อตอนเช้าประธานจางเพิ่งจะมอบหมายหน้าที่ให้ไปเก็บค่าเช่า การจะทำเรื่องนี้ต้องไปเรียกฮงเหมยมาแล้วปรึกษาเธอดูสักหน่อย ว่าตัวเขาควรจะทำอย่างไร เมื่อคิดถึงฮงเหมย ซ่งลุ่ยก็ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ ตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวที่จะเจอกับฮงเหมยมาก แต่ว่าไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงก็ต้องไปหาเธอ!
ซ่งลุ่ยกัดฟันของเขาแล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาแล้วโทรหาฮงเหมย รอสายได้ไม่นานเธอก็รับโทรศัพท์ เสียงหวานที่มีเสน่ห์ก็ดังออกมาจากปลายสาย
"สวัสดีค่ะ! ใครคะ?"
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยิน เขาก็พยักหน้าแล้วตอบว่า "อ่า ฮงเหมย! ฉันเอง ฉันคือซ่งลุ่ย"
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เมื่อฮงเหมยได้ยินว่าเป็นซ่งลุ่ยที่โทรหาเธอ ทันใดน้ำเสียงใสในคอก็แปรเปลี่ยนเป็นมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น! เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน
“หืม ทำไมนายถึงมีเวลาว่างโทรหาฉันหล่ะ!”
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินเสียงนี้ ปฏิกิริยาแรกที่เกิดขึ้นคือตัวสั่น จากนั้นเขาก็ตอบกลับอย่างหมดสิ้นหนทาง
“เอ่อ ฮงเมย เธออยู่ที่ไหน ฉันคิดว่าถ้าได้พูดคุยกันต่อหน้ามันจะดีกว่า”
“พูดคุยต่อหน้า? ได้สิ งั้นนายมาฉันแล้วกัน ฉันอยู่ที่ห้องทำงานของฉัน”
“โอเค รอสักครู่ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้!”
“โอเค ฉันจะรอนายที่นี่!” พูดจบเธอก็วางโทรศัพท์ไป
ซ่งลุ่ยมองโทรศัพท์และไม่มีทางเลือก แม้ว่าในใจของเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงก็คงต้องไป ซ่งลุ่ยส่ายหัวและค่อยๆลุกขึ้นยืน เขาดูจะค่อนข้างลังเล แล้วเดินไปทางห้องทำงานของฮงเหมย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงประตูห้องทำงานของฮงเหมย จัดแจงขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่และเคาะประตูห้องเบาๆสองที ผ่านไปครู่เดียวก็มีเสียงตอบกลับมา ซ่งลุ่ยจึงผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่ซ่งลุ่ยเข้ามาในห้องก็เห็นฮงเหมยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และมองเขาด้วยรอยยิ้มหวานๆ มือของเธอกำลังกอดอก ราวกับท่าทางนางเองในละคร ในความเป็นจริงเมื่อฮงเหมยรับสายจากซ่งลุ่ย เธอก็รู้ดีว่าซ่งลุ่ยอยากจะถามอะไรจากเธอ แต่ฮงเหมยแค่ไม่ยอมพูดออกมา ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป เธอแค่อยากจะเห็นถึงความจริงใจของซ่งลุ่ยเท่านั้นเอง
ในเวลานี้ใบหน้าของซ่งลุ่ยแดงเถือกไปทั้งใบหน้า เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไง ฮงเหมยก็อยากดูว่าซ่งลุ่ยจะพูดยังไง และเพราะว่าเพิ่งจะคิดเรียบเรียงถ้อยคำ ชั่วพริบตาเดียวก็ลืมไปหมดแล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงตกอยู่ในความเงียบด้วยกันทั้งคู่
รอไปพักใหญ่ เนื่องจากซ่งลุ่ยต้องการขอความช่วยเหลือจากฮงเหมย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากทำลายความเงียบที่ไม่มีใครพูดใครจา ซ่งลุ่ยพูดกับฮงเหมยด้วยใบหน้าที่ประจบประแจงไปด้วยรอยยิ้ม
“ฮงเหมย ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอจริงๆ และยังหวังว่าเธอสามารถช่วยฉันได้” พูดจบก็มองไปที่ฮงเหมยด้วยสายตาที่เฝ้ารอคอยคำตอบ
ฮงเหมยหลับตาลงแล้วเอนกายพิงไปบนเก้าอี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่ซ่งลุ่ยพูด ซ่งลุ่ยมองฮงเหมยที่แสดงท่าทางแบบนั้นก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าตัวเขาควรจะทำอย่างไร ในใจแอบถอนหายใจออกมาอย่างลับๆ เฮ้อ จะหนียังไงก็คงหนีไม่พ้นสินะ!
ซ่งลุ่ยก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือซ้ายเพื่อโอบกอดฮงเหมย แต่ฮงเหมยก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาเหมือนเก่า เมื่อมองไปที่เก้าอี้ฮงหมยก็ยังคงหลับตาอยู่ ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกะอ่วน ถือโอกาสใช้มือขวาจับไปที่หน้าอกของฮงเหมย!
ซ่งลุ่ยดูฮงเหมยที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ทั้งๆที่ถือโอกาสใช้มือขวาจับไปที่หน้าอกของเธอแล้ว อีกทั้งยังลูบๆคลำๆอีกด้วย สุดยอด! หน้าอกหน้าใจของเธอไม่ใช่เล็กๆเลย อีกทั้งยังนุ่มนิ่มด้วย!
ในตอนนั้นเองฮงเหมยก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอไม่คิดว่าซ่งลุ่ยจะทำแบบนี้ เธอผลักซ่งลุ่ยออกไปด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว และรีบลุกขึ้นยืนพลางจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองแล้วพูดแกมบ่นกับซ่งลุ่ยว่า
“นายใจเร็วเกินไปแล้ว รายละเอียดเล็กน้อยยังไม่มีการเตรียมการ จะข้ามขั้นตอนไปสู่หัวข้อสำคัญได้อย่างไรกัน?”
ซ่งลุ่ยที่ถูกผลักไปที่ด้านข้างอย่างไม่รู้ตัวก็ยกมือขวาของเข้ามาดมด้วยใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้ายแล้วพูดกับฮงเหมยว่า
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอหวังไว้เหรอ?”
ฮงเหมยมองไปที่การกระทำของซ่งลุ่ย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย แต่ในตอนนั้นเองเธอก็นึกขึ้นมาได้ จึงพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“ซ่งลุ่ย ตอนนี้ยังทำไม่ได้ อีกสักพักฉันกับประธานจางต้องออกไปข้างนอกกัน” พูดจบก็มองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยสายตาขอโทษ
เมื่อได้ยินคำพูดของฮงเหมย ในใจของซ่งลุ่ยก็มีความสุขขึ้นมา แต่เดิมนั้นเขาก็ไม่ได้สมัครใจหรือเต็มใจที่จะมาหาเธออยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าอะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้! พระเจ้าช่วยฉันจริงๆ! แต่ว่าไม่สามารถแสดงออกไปทางสีหน้า จึงทำท่าทางโกรธและพูดกับฮงเหมย
“ก็เธอเป็นซะแบบนี้ไง ฉันตั้งใจแต่งตัวมาหาเธอ จริงๆเลย เฮ้อ เป็นความหวังดีที่น่าผิดหวังจริงๆ”
เมื่อฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดอย่างนี้เธอก็รู้สึกผิดมากในใจของเธอ ในใจวางแผนจะพูดกับประธานจางว่าเธอไม่เคยขอลาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะขอลาหยุด ดังนั้นเธอจึงพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันไม่ไปก็ได้ อย่างไรก็ตามฉันสามารถขอลาหยุดกับประธานจางได้ เพียงแค่หาคนมาเปลี่ยนไปแทนโอเคแล้ว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ฉันก็จะได้อยู่ที่นี่ จะได้ไม่ทำให้ความตั้งใจของนายผิดหวัง”
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดอย่างนั้น ในใจก็บ่นเบาๆว่าตนเองแสดงออกมากเกินไปหรือเปล่า เขาไม่สามารถปล่อยให้ฮงเหมยอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ในตอนนั้นเอง เขาก็พูดกับฮงเหมยว่า
“ฮงเหมย เธอทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าฉันไม่สามารถทำให้เธอเสียการเสียงานเพราะฉันได้ ครั้งนี้ประธานจางต้องการเธอมาก ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากประธานจาง”