px

เรื่อง : ดวงตาเทพเหนือโลก
ตอนที่ 11 เชือดไก่ให้ลิงดู


ตอนที่ 11 เชือดไก่ให้ลิงดู

 

ซ่งลุ่ยยืนพิงประตูหายใจหอบออกมาเฮือกใหญ่ คล้ายกับคนจมน้ำที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไรอย่างนั้น ผ่านไปสักพักซ่งลุ่ยก็ค่อยๆยืนขึ้นมาแล้วนั่งไปบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงานของเขา ในใจกลับพร่ำรำพันพูดถึงความในใจตลอดเวลาเงียบๆ

เฮ้อ ตัวเขายังมีประสบการณ์ที่น้อยจนเกินไป! ครั้งแรกที่เขาพบกับเหตุการณ์แบบนี้เขากลายเป็นคนที่จนตรอกตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่เนื่องจากเขาได้รับคอนแทคเลนส์ทะลุปรุโปร่ง หลังจากนั้นก็จึงได้รับโอกาสแบบนี้มาซึ่งเป็นโชคดีไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรต้องฝึกฝนการใช้งานให้มากขึ้นกว่านี้แล้ว!

หลังจากผ่อนคลายไปครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าเกือบจะหายดีเหมือนเดิมแล้ว เขาถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอกแล้วเปิดงานที่ทำเหลือไว้ในตอนเช้าและทำต่อด้วยความงุนงง ทำไมถึงทำมันหล่ะ? เพราะเขายังทำไม่ได้นะสิ!

แล้วเมื่อตอนเที่ยงที่จะไปขอคำแนะนำจากฮงเหมยให้มาสอนงาน  ขอคำแนะนำไปขอคำแนะนำมาดันผิดจุดประสงค์ไปได้  พอกำลังจะจัดการให้เสร็จภารกิจ หลินหลินก็โทรมาขอความช่วยเหลือเขาอีก ด้วยเหตุนี้จึงมีเวลาก่อนหน้านี้แค่ช่วงสั้นๆ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมึนงงกับงานและไม่สามารถที่จะทำมันได้!

มึนงงผ่านไปสักพักจนเขาเริ่มเบื่อก็เลยจะไปดูว่าหลินหลินเป็นอย่างไรบ้าง เพราะว่าตั้งแต่ที่เขาใช้ตำแหน่งของตัวเองแต่งตั้งหลินหลินเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ในใจภาวนาอย่าให้เธอทำอะไรผิดพลาดเลยเถอะ!

คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไปดูสักนิดดีกว่า เขาจึงตัดสินใจผลักประตูออกไปแล้วเดินอย่างช้าๆไปที่แผนกต้อนรับ เขาไม่ยอมให้หลินหลินมองเห็นเขา แต่เขาแอบสังเกตหลินหลินอย่างลับๆ

เมื่อเห็นว่าหลินหลินจัดการกับเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น คล้ายดั่งเธอเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้โดยเฉพาะ ซ่งลุ่ยกลับรู้สึกว่ามันน่าประหลาดใจ ห้ะ? เป็นไปได้ยังไง? หลินหลินกับเขาไม่ใช่เกิดมาในชนชั้นรากหญ้าเหมือนกันเหรอ? ทำไมเธอจัดการเรื่องราวต่างๆได้ดีขนาดนี้ แต่ตัวเขากลับทำไม่ได้!

ยิ่งซ่งลุ่ยได้เห็นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกกลุ้มใจมากขึ้นเท่านั้น ผู้อื่นช่างมีพรสวรรค์จริงๆ ทำไมเขาถึงทำไม่ได้หล่ะ? หรือว่าเธอเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แท้จริงๆเหรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ซ่งลุ่ยก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง อีกทั้งยังมองดูหลินหลินอย่างละเอียดอีกด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นชายชาตรีอีกด้วย เขารู้สึกว่าเขาเองก็มีพรสวรรค์ไม่ด้อยกว่าหลินหลินแน่นอน! 

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด พอมองแล้วก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามีปัญหาโผล่ออกมา เพราะเวลาที่หลินหลินไม่ว่าจะจัดการเรื่องราวอะไรล้วนไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรมาก เธอกลับจัดการเรื่องราวต่างๆได้ดีมาก ราวกับว่าเธอสามารถจัดการได้ทุกสิ่งทุกอย่าง นี่ทำให้ซ่งลุ่ยยิ่งกลุ้มอกกลุ้มใจ ไม่ได้ ฉันต้องไปถามเคล็ดลับเธอสักหน่อย

หลังจากที่ตัดสินใจแล้วก็เตรียมตัวที่จะไปถามหลินหลิน ก็รู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสม อย่างแรกเลยคือตอนนี้คนเยอะไปถ้าจะถามเรื่องที่ไม่ดีต่อหน้าพวกเขา อย่างที่สองคือเขามองดูหลินหลินที่จัดการเรื่องราวต่างๆได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ใจไม่แข็งพอที่จะหักหน้าเธอได้  พูดๆไปแล้ว ตอนนี้หลินหลินเองก็เพิ่งจะอยู่ในเวลาทำงานในตำแหน่งนี้ด้วยในเวลานี้เหมือนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของตัวเธอ เขาก็ไม่อยากจะไปแสดงตนให้เธอเป็นที่สนใจของคนอื่น

นัยน์ตาของซ่งลุ่ยหมุนเปลี่ยนทิศทาง ไม่ทันไรก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ได้จังหวะขอคำแนะนำปัญหาของเขาเอง อ่า ใช่ จะทำไงหล่ะ! คิดได้ถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยจึงหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองอย่างใจลอย  

ในขณะที่กำลังใจลอยอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าตาทั้งสองข้างแสบร้อนขึ้นมานิดหน่อย จึงเอามือทั้งสองข้างมาคลึงเบาๆที่ขมับเมื่อรู้สึกว่าอาการบรรเทาลง แต่ก็ยังไม่หายไป  แต่ผ่านไปสักพักก็พบว่ามันยิ่งปวดขึ้นเรื่อยๆ ความปวดแสบปวดร้อนนี้ปรากฎออกมาอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ซ่งลุ่ยรู้สึก ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็หายจากการเจ็บปวดแล้ว!

ในตอนแรก  ดวงตาทั้งสองของซ่งลุ่ยเจ็บปวดทรมาน พอตอนที่กำลังจะล้มลงไปบนพื้น ดวงตาเขากลับหายเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง การทำงานของเขาก่อนหน้านั้นก็เสียแรงเปล่า ในเวลานี้ซ่งลุ่ยก็คิดได้ว่าเมื่อวานนี้ก่อนที่เขาจะอัพเกรดระดับคอนแทคเลนส์นี้ ทักษะที่เขาเลือกมันชื่อว่าอะไรนะ?ทักษะการใช้พื้นที่ของตัวเอง! เขายังไม่ได้ดูมันอย่างละเอียดเลยนี่นา!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เขานั่งลงและหลับตาลง เตรียมพร้อมที่จะเริ่มศึกษาเจาะลึกกับทักษะการใช้พื้นที่ของตัวเอง

เวลาผ่านไปนานมาก ซ่งลุ่ยก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ความสุขในดวงตาของเขาก็ปรากฏให้เห็นอารมณ์ของเขาในเวลานี้ เมื่อดูการแสดงออกของซ่งลุ่ยก็พอรู้ว่าการศึกษาเจาะลึกของทักษะในครั้งนี้จะต้องได้รับอะไรที่สุดยอดมาเป็นแน่!

 

เดิมที การใช้งานวงแหวนพื้นที่ของตัวเองในการจัดเก็บต่างๆก็เป็นทักษะที่มีอยู่ในทักษะขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว นั่นก็คือการจัดเก็บ ถ้าวงแหวนของการจัดเก็บที่ใหญ่ มันก็จะใหญ่ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ แต่พื้นที่ของตัวเองไม่ได้เป็นเช่นนี้ ด้วยความเข้าใจพื้นที่ของตัวเองนี้เทียบเท่ากับวงแหวนจัดเก็บข้อมูลที่สามารถพัฒนาได้! ขนาดของพื้นที่เก็บข้อมูลสามารถเพิ่มได้ตามระดับของผู้ใช้!

หากในกรณีนี้ ซ่งลุ่ยจะไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกได้ นอกเหนือจากการอัพเกรดแล้ว พื้นที่ของตัวเองยังสามารถอัพเกรดให้ตัวเองได้และปรับแก้การอัพเกรดได้ หลังจากการอัพเกรดก็สามารถเปิดทักษะการใช้พื้นที่ของตนเองอันใหม่ ตัวอย่างเช่น อัตราความเร็วในการไหลของเวลา ไปสู่การนำสิ่งมีชีวิตเข้ามาในพื้นที่และอื่นๆอีกมากมาย แต่การอัพเกรดก็มีเงื่อนไขที่โหดร้ายสุดๆเช่นกัน จำเป็นต้องใช้วัสดุหายากหลายประเภทและยังขึ้นอยู่กับโชคชะตาของตัวเองอีกด้วย!

โดยรวมแล้วทักษะนี้ยังคงมีค่าคุณค่าอยู่ แม้ว่าพื้นที่เก็บข้อมูลในตอนนี้ยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ว่าก็สามารถที่จะพัฒนาศักยภาพให้ใหญ่มากๆได้  เมื่อคิดถึงตรงนี้  ซ่งลุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่มัน หลังจากนั้นก็ค้นพบเรื่องราวบางอย่าง ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าทำไม่ไหวเขาก็จะบุกทะลวงเข้าไปในพื้นที่เท่านั้นเอง เหอะ เหอะ เหอะ !

ซ่งลุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ซ่งลุ่ยก็หลุดพ้นออกมาจากจินตนาการของเขา  เขามองแวบหนึ่งไปที่เวลาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ห้ะ? ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ  รีบเลย เลิกงานแล้ว ไปกินข้าว! วันนี้ซ่งลุ่ยทำอะไรบ้าง? ตอนเช้าก็มึนงง ตอนบ่ายก็ไปจัดการเรื่องส่วนตัวเฉพาะบุคคล หลังจากเสร็จเรื่องนั้นก็กลับมามึนงงต่อ สุดท้ายก็กินข้าวเย็น!!  

ซุงลุ่ยหลังจากที่รับประทานอาหารเต็มอิ่ม ก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้านนอกที่มืดแล้ว ในใจก็คิดไปเรื่อยถึงเขาในตอนบ่ายที่อยากจะไปถามหลินหลิน ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แอบไปดูหน่อยดีกว่า!

ทำไมต้องแอบไปดูด้วยหล่ะ?  เพราะซ่งลุ่ยกลัวว่าถ้าเขาจะเดินเข้าไปหาอย่างตรงไปตรงมา อาจจะทำให้หลินหลินได้รับผลกระทบบางอย่างได้ อย่างไรก็ตามเมื่อตอนบ่ายเขาเพิ่งจะแต่งตั้งให้เธอเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ของแผนกต้อนรับ  ตอนเย็นก็อยู่ด้วยกันอีก ถ้าไม่ใช่เป็นความจริงที่อยากปกปิดที่เห็นๆกันอยู่ ! ถึงแม้ว่าหลินหลินจะทำงานได้ดีก็ตาม แต่ถ้าหากถูกคนอื่นเห็นเขาในที่สุดก็จะกลายเป็นไม่ดีอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะดีกว่าถ้าจะหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายแบบนี้

ซ่งลุ่ยก็เปลี่ยนแผนภายในใจของเขา อย่างแรกต้องโทรไปที่หอพักของหลินหลินเพื่อดูว่าเธออยู่ที่หอพักไหม  จากนั้น ซ่งลุ่ยก็ออกจากหอพักตัวเอง มองซ้ายมองขวาเพื่อสังเกตการณ์สักเล็กน้อย โชคดีที่ไม่มีใครเลยไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างมาแก้ตัว  ซ่งลุ่ยปิดประตูและเดินตรงไปยังทางหอพักของหลินหลินอย่างช้าๆ  แต่ว่าระหว่างทางก็พยามระมัดระวังตัวอย่างมาก รอบคอบไว้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด!

หลังจากเดินไปครู่หนึ่ง ซ่งลุ่ยก็เดินไปถึงที่หน้าหอพักของหลินหลินอย่างช้าๆ เขากำลังที่จะเคาะประตู แต่กลับพบว่าฉากในห้องนั้นน่าตื่นเต้นเร้าใจพอ ๆ กัน! จนลืมที่จะเคาะประตูไปเลย! เพียงแค่เขายืนอยู่หน้าประตูก็มองเห็นเข้าไปถึงข้างในแล้ว!

รีวิวผู้อ่าน