ตอนที่ 6 ตบหน้า
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินจางชูหยาพูดแบบนั้น ในใจของเขาก็แอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ แต่บนใบหน้าของเขานั้นก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา เขากำลังเตรียมที่จะอธิบายว่าทำไมเขาถึงมองออกว่าของชิ้นนี้เป็นการทำเลียนแบบขึ้นจากของเก่า พูดตามความจริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่ที่ปลดล็อกความสามารถนี้ก็มีหน้าต่างข้อมูลรายละเอียด เปิดขึ้นมาอัตโนมัติ ตั้งแต่วิธีการทำจนถึงมาตรฐานก็ยังแสดงให้เห็นอย่างละเอียด ซ่งลุ่ยก็ทำเพียงแค่อ่านมันออกมาเท่านั้น
ในเวลานี้ซุนเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆซ่งลุ่ยก็พูดตัดหน้ากับจางชูรุยว่า
“ประธานจาง เขาเป็นเด็กยากจนจากบ้านนอก จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร? คุณอย่าไปหลับหูหลับตาเชื่อ เขาแค่ตั้งใจจะหลอกคุณ"
พูดจบ เขาก็มองไปที่ชางชูหยาด้วยความประจบประแจง ส่งสายตาไปหาเฉินอันอย่างไม่ขาดสาย เพื่อพยามที่จะให้เฉินอันช่วยตัวเขาพูด
เฉินอันที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นซุนเย่ทำท่าทางแบบนั้น เขาก็รับรู้ได้ถึงการส่งสัญญานด้วยสายตา เขาจึงจ้องมองไปทางซ่งลุ่ย ในใจก็บังเกิดความลังเลขึ้นมา ว่าตัวเขาควรทำอย่างไร? เมื่อมองดูใบหน้าที่จริงจังของซ่งลุ่ยแล้วดูเหมือนเขารู้รายละเอียดของแจกันนั้นจริงๆไม่เหมือนคนโกหก แต่ช่างมันเถอะ ยังไงเสียซุนเย่ก็ดูน่าเชื่อถือได้มากกว่า!
เขาตัดสินใจอยู่ภายในใจและตอนนี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว เขาจึงหันไปพูดสนับสนุนเสริมคำพูดของซุนเย่กับจางชูหยา
“ใช่แล้ว ประธานจาง ซ่งลุ่ยเขานั้นเป็นเด็กยากจน คุณอาจจะถูกเขาหลอกได้นะครับ!”
จางชูหยาที่ได้ยินซุนเย่และเฉินอันพูด ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาจึงขมวดคิ้ว หันหน้าไปทางซุนเย่และเฉินอันแล้วพูดว่า
“ไม่อย่างนั้น พวกนายมาแนะนำฉันมั้ย? พวกนายคิดว่าไง?” พูดจบ เธอก็จ้องมองไปทางสองคนนั้น
ซุนเย่และเฉินอันได้ยินจางชูหยาพูดอย่างนั้นออกมา ร่างกายก็สั่นไปทั้งตัว หลังจากนั้นไม่นานซุนเย่ก็เผยรอยยิ้มเจื่อนๆและก้มหัวให้กับประธานจางพร้อมกับพูดออกมาในเวลาเดียวกัน
“ไม่กล้าครับ ผมไม่กล้าที่จะบังอาจไปแนะนำประธานจาง ผมจะไปกล้าแบบนั้นได้อย่างไรกัน”พูดจบก็กระทุ้งแขนไปทางเฉินอัน
เฉินอันดึงสติกลับมาและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ประธานจาง ไม่กล้า ไม่กล้าครับ แล้วแต่ประธานจะจัดการเลยครับ” พูดจบก็ถอยออกไปด้านข้างและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อจางชูหยาเห็นท่าทางของพวกเขาทั้งสองคน ความโกรธในใจของเธอก็หายไป จากนั้นก็หันหน้าไปทางซ่งลุ่ยแล้วพูดว่า
“นายพูดต่อสิ ให้ฉันดูว่านายยังรู้เรื่องอะไรอีก” พูดจบ เธอก็เดินไปทางด้านข้างเพื่อหาเก้าอี้สักตัวเพื่อนั่งลงและฟังซ่งลุ่ยพูดด้วยความสนใจ
ฝ่ายซ่งลุ่ยที่กำลังมองสังเกตสถานการณ์อย่างเพลินๆ ทันใดนั้นเมื่อได้ยินจางชูหยาเรียกเขา ก็ตกใจแล้วเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองไปที่ซุนเย่และเฉินอัน คิดในใจแล้วว่าจะตัดสินใจพูดต่อให้ดี! นี่อาจจะเป็นโอกาสของเขาแล้ว! ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้!
เขาจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อยและกระแอมเรียกความสนใจออกมาหนึ่งครั้งแล้วพูดกับจางชูหยา
“ประธานจาง เวลาว่างผมชอบอ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับแบบนี้ นั่นจึงทำให้ผมมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับของพวกนี้อยู่นิดหน่อย ในเมื่อประธานจางสนใจอยากฟัง งั้นผมจะเล่าให้ฟังครับ” พูดจบ เขาก็หยิบกระเบื้องแจกันที่แตกนั้นขึ้นมาแล้วพูดกับประธานจางด้วยความกะตือรือร้น
ข้อมูลที่ได้ยินจากปากของซ่งลุ่ย ชื่อเต็มของแจกันนี้ก็คือแจกันหยกมังกรในทะเลสีแดงในฤดูใบไม้ผลิเคลือบด้วยสีน้ำเงินและสีแดงของชิงเฉียนหลง ในสมัยราชวงศ์ชิงมีช่างฝีมือเครื่องลายครามของโรงงานเตาเผาที่จิ่งเต๋อเจินเรียนได้เรียนรู้วิธีการทำและเทคนิคของเครื่องเคลือบดินเผาที่ยากต่อการเผา
ลายเส้นของจริงนั้นชัดเจน สีสะอาดบริสุทธิ์และฝีมือช่างทำได้งดงามประณีตมาก ขอบแจกัน คอแจกันที่เรียวเล็ก ไหล่และความโค้งมนรวมไปถึงก้นแจกัน ตั้งแต่หัวจรดก้นแจกันวาดภาพมังกรพาดตัวจากภูเขาลงไปยังทะเล โครงสร้างมีความลงตัวและไม่ซับซ้อน ถ่ายทอดออกมาได้ถึงจิตวิญญาณที่เหมือนกับของจริง และเคลือบด้วยสีน้ำเงินแดงจนวาววับและสวยงาม และด้านล่างเขียนไว้ด้วยตัวอักษรจ้วนซูหกตัวว่า "ชิงเฉียนหลงผู้ยิ่งใหญ่"
“ทุกท่านสามารถดูได้จากชิ้นส่วนเหล่านี้ว่ามันมีเอกลักษณ์และสวยงามราวกับในเทพนิยายเหมือนอย่างที่ฉันพูดไปไหม มีหรือไม่มี พวกคุณแค่มองดูก็รู้แล้ว!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็มองดูผู้คนรอบ ๆ เขาและสถานการณ์รอบตัวก็ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา สายตาของจางชูหยาที่มองมาดูมีจุดประสงค์พิเศษแฝงเร้นอยู่ ซุนเย่และเฉินอันก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา เมื่อซุงลุ่ยมองเห็นแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความลำพองใจ แน่นอนสิ ก็เขาตั้งใจโอ้อวดความสามารถต่อหน้าคนอื่น ซ่งลุ่ยยังพูดขึ้นมาอีก คิดที่จะให้ทุกคนตกตะลึงต่อ! จากนั้นก็พูดต่อ
รูปแบบของการวาดลวดลายนี้ยังใช้กันทั่วไปในช่วงจักรพรรดิคังซี และภาพก็เหมือนจริงมากขึ้นในช่วงระยะเวลาของจักรพรรดิเฉียนหลง กระเบื้องด้านนอกตรงขอบกลมๆตกแต่งด้วยลายเส้นเถาหญ้า ด้านในเคลือบสีขาว แจกันหยกฤดูใบไม้ผลิถูกขนานนามว่าเป็น “แจกันหยกฤดูใบไม้ผลิแรก” หมายถึงรูปร่างของปากแจกัน คอ ท้องและก้นของแจกันหยกฤดูใบไม้ผลิตมีลักษณะที่อ่อนนุ่มและมีความสมดุลนั้นเกิดขึ้นจากส่วนโค้งที่เปลี่ยนแปลงไปตามรุ่นยุคต่างๆตลอดเวลา พูดจบหลังจากนั้นไม่นานจางชูหยาก็ลุกขึ้นยืนและปรบมือ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมและเธอพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“คิดไม่ถึงจริงๆ ฉันไม่คิดว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเล็กๆอย่างนายจะมีความสามารถซ่อนเอาไว้อยู่! นายช่างทำให้ฉันนั้นได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”
พูดเสร็จ ก็มองไปที่ซุนเย่กับเฉินอันที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดเหน็บแนมทั้งสองคนนั่น
“หัวหน้าทั้งสองคน พวกนายก็โอเคนะ!”
จากนั้นก็ไม่สนใจพวกเขาทั้งสองคน
เมื่อซ่งลุ่ยได้ฟังจบแล้วก็พูดกับจางชูหยาด้วยความถ่อมตัว
“คุณประเมินผมสูงไปแล้วครับ ผมก็แค่ชอบอ่านหนังสือในเวลาว่างอยู่แล้ว ยังเทียบไม่ติดกับหัวหน้าทั้งคนคนเลยครับ!” หลังจากพูดจบก็มองแบบเย้ยหยันไปทางสองคนนั่น
จางชูหยาเห็นการแสดงในแววตาของซ่งลุ่ย เธอจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันที
“นายชื่อซ่งลุ่ยถูกไหม?”
"ใช่ครับประธานจาง ผมชื่อซ่งลุ่ย” ซ่งลุ่ยตอบด้วยความนอบน้อม เพราะเขาเข้าใจว่า จางชูหยาเรียกชื่อเขาด้วยตัวเองซึ่งจะหมายถึงอนาคตที่ดีและสดใส
"นายไม่เลวเลยทีเดียว! ข้างกายฉันขาดคนที่กล้าที่จะพูดแบบนายและเข้าใจเรื่องแบบนี้จริงๆ นายมาเป็นผู้ช่วยของฉันเถอะ! นายตกลงไหม? หากนายไม่เต็มใจฉันก็จะไม่บังคับ” จางชูหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม สายตาเป็นประกายระยิบระยับ
หลังจากที่ซ่งลุ่ยฟัง เขาก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสขอเขา จึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า
“ผมเต็มใจครับประธานจาง!”
จางชูหยาพึงพอใจกับการแสดงออกซ่งลุ่ยเป็นอย่างมาก ในเวลานั้นก็ไปสั่งงานผู้ช่วยของเขาที่ชื่อฮงเหมย ว่าให้ซ่งลุ่ยมาเป็นผู้ช่วยของเธอ ซึ่งตำแหน่งนั้นอยู่เหนือกว่าซุนเย่และเฉินอันมาก! หลังจากนั้นจางชูหยาให้พวกเขาออกไปแล้วหยิบเศษแจกันบนพื้นขึ้นมาแล้วพึมพำกับตัวเอง
“ในที่สุดชายคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น!”
หลังจากออกไปนอกห้องแล้วซ่งลุ่ยก็มองดูซุนเย่และเฉินอันที่หน้าดำคล้ำ ในใจไม่อาจจะบรรยายได้ว่ารู้สึกดีขนาดไหน เขาที่ได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหมือนไก่ตัวผู้ที่ตีชนะอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปอย่างทะนงองอาจ ทั้งซุนเย่และเฉินอันโค้งแสดงความเคารพซ่งลุ่ยที่เดินผ่านไป มีเพียงแค่สายตาแห่งความเคียดแค้นและคำด่าภายในใจเท่านั้น แต่ซ่งลุ่ยก็ไม่ทันได้มีโอกาสมองเห็นมัน!
ซ่งลุ่ยที่ถูกซุนเย่และเฉินอันประจบประแจงจนตัวลอยเดินออกประตูไป ก็บังเอิญเจอกับหลินหลิน เป็นจังหวะที่ดี หลินหลินเองก็รู้สึกดีใจที่เจอเหมือนกับซ่งลุ่ยเช่นกัน แต่ก็พอคิดถึงซุนเย่และเฉินอันก็รู้ดีว่าพวกเขามีอำนาจถึงแม้ว่าจะตกต่ำลงในตอนนี้!
ยิ่งไปกว่านั้นซุนเย่และเฉินอันเป็นผู้อาวุโสทั้งสองคน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ตอบโต้ กำลังคิดที่จะเอ่ยปากเตือนสติซ่งลุ่ยสักสองสามประโยค แต่ปรากฏว่าซ่งลุ่ยได้เดินออกไปไกลแล้วก็เลยจำเป็นต้องปล่อยผ่านไป
ซ่งลุ่ยเองก็เพิ่งจะได้มาเป็นผู้ช่วย ก็จึงยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับหน้าที่เหล่านี้ เขาก็เลยคิดต้องการจะให้ใครสักคนมาสอนงานเขา เมื่อคิดไปคิดมา สุดท้ายชายหนุ่มก็จึงตัดสินใจไปหาฮงเหมยผู้ช่วยของจางชูหยาเพื่อที่จะให้เธอช่วยสอนงานเขา!