px

เรื่อง : ดวงตาเทพเหนือโลก
ตอนที่ 5 เหตุสุดวิสัย


ตอนที่ 5 เหตุสุดวิสัย

 

เมื่อได้ยินมาว่าจะมีการช่วยประธานจางย้ายของ   นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปประจบประแจง ซุนเย่จึงไม่หลีกเลี่ยงที่จะทำงานนี้ และเขาบอกว่าจะไปทำด้วยตัวเอง  แต่อีกคนที่กระตือรือร้นมาก ๆกลับเป็นเฉินอันหัวหน้าแผนกต้อนรับ หรือให้พูดก็คือคนใหญ่คนโตสองคนในเมืองเหวินหว่าที่เป็นใหญ่เป็นโตแบบนี้ได้ก็เพราะมีสิ่งสำคัญก็คือความสามารถของพวกเขาที่สามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ดี

ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไปด้วยกันนี่แหละ!

คนทั้งสามคนเดินมาแล้วเคาะประตูหน้าห้องทำงานของจางชูหยา หลังจากได้รับอนุญาตจากจางชูหยาทั้งสามคนก็เดินเข้าห้องมา   เมื่อเห็นว่าซ่งลุ่ยพาคนเดินเข้ามา จางชูหยาก็ยิ้มแย้มแล้วพูดว่า

“มาแล้วเหรอ ลำบากพวกนายหน่อยนะ มาช่วยฉันย้ายโต๊ะทำงานไปที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ทีนะเพราะว่าทางทิศนั้นมีฮวงจุ้ยเรียกทรัพย์และความรุ่งเรืองที่ดีกว่า”

“ได้ครับ ประธานจาง!” ซุนเย่และเฉินอันแทบจะพยักหน้าและก้มโค้งแสดงความน้อมรับในคำสั่งพร้อมกัน

การแสดงออกในเรื่องนี้นั้นจางชูหยาดูเหมือนจะพอใจและพยักหน้าให้เล็กน้อย หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่โต๊ะในห้องเก็บของ

“งั้นพวกนายย้ายตัวนี้ก่อน ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

หลังจากพูดจบ จางชูหยาก็บิดสะโพกอันงอนงามของเธอแล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องเก็บของ

เมื่อเห็นฉากนี้เข้า หัวใจดวงน้อย ๆ ของซ่งลุ่ยก็กระโดดโลดเต้นอย่างอย่างดีใจถึงขีดสุด เขาเองนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับผลพลอยได้จากการมาช่วยงานประธานจางในครั้งนี้ด้วย

ด้วยความตื่นเต้นและความตึงเครียด ซ่งลุ่ยก็ใช้สายตาเพ่งมองไปที่ในห้องเก็บของนั่นและมองทะลุผ่านผนังหนาๆของกำแพงเข้าไป ซ่งลุ่ยก็มองเห็นว่าจางชูหยานั้นกำลังค่อยๆถอดเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นบราสุดเซ็กซี่ที่อยู่ด้านใน หลังจากนั้นเธอถอดกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกที่สวยงามสมส่วนของเธอออกและต่อด้วยถุงเท้าสีขาวสะอาดที่เท้าของเธอด้วยท่วงท่าที่ชวนหลงไหล  และการก้มลงไปถอดนั้น….

การกระทำนี้ทำให้ความรู้สึกซ่งลุ่ยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกับถูกล่อลวงวิญญาณไปเลย   ถ้าบอกว่าความงามของจางชูหยาและความงามของหลินหลินนั่นไม่เหมือนกันตรงไหน ก็พบว่าต่างคนต่างมีสไตล์ความงดงามที่แตกต่างกัน แน่นอนหลินหลินนั้นสวยงามและน่ารัก แต่กับท่วงท่าเยื้องย่างกรีดกรายของประธานจางสูงสง่าดูมีลักษณะเฉพาะตัวทำให้ผู้คนหลงใหลได้

ดูเหมือนว่าตราบใดที่เธอเต็มใจ เธอก็สามารถทำให้ใครก็ตามยินยอมพร้อมใจมาสวามิภักดิ์ที่แทบเท้าของเธอได้เลย

ซ่งลุ่ยรู้สึกว่าที่ท้องน้อยที่เป็นจุดศุนย์กลางของความวูบวาบเหมือนโดนไฟลนโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกเพียงแค่ว่าปากของเขาแห้งผากและน้องชายในกางเกงของเขาก็ขยายตัวขึ้น  แม้แต่ซุนเย่ที่เรียกให้เขาช่วยยกโต๊ะเขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงเลย! และนั่นทำให้ซุนเย่รู้สึกโกรธมาก  เขาจึงตบไปที่หัวของซ่งลุ่ยทันที

“แกหนูหนวกรึไง! ฉันเรียกให้แกมาช่วยเนี่ย!”

และพอดีกับที่ซุ่งลุ่ยเห็นจางชูหยากำลังสวมถุงน่องพอดี ทันใดนั้นก็ถูกฝ่ามือของซุนเย่ตีลงมาทำให้เกิดดาวระยิบระยับด้านหน้าของเขา ชั่วพริบตาเดียวภาพของจางชูหยาที่ชวนมองก็หายวับไปจากสายตาของเขาทันที

ผ่านไปสักพัก ความโกรธของซ่งลุ่ยก็ก่อตัวขึ้นมา เขาหันหน้าไปหาซุนเย่ด้วยความโกรธ

“คุณทำเองไม่ได้เหรอ?!”

เสียงตะโกนนี้ทำให้ซุนเย่และเฉินอันดูเป็นคนโง่งมทันที ตามความเข้าใจของพวกเขาในเวลาปกติของซ่งลุ่ยสมควรที่จะต้องรีบทำตามคำสั่ง แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้เปลี่ยนไป?

บนใบหน้าของซุนเย่เต็มไปด้วยความเสียหน้า ถึงอย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินอัน เขาก็ยังมีความกระดากกระเดื่องใจอยู่บ้าง  อีกทั้งเมื่อวานนี้เขาก็ยังได้เสียเงินพนันไปให้กับซ่งลุ่ยจนเงินหมดตัวอีกด้วย  เขาก็จึงรู้สึกโกรธสุดๆขึ้นมาทันที เขาจึงได้ใช้เท้าเตะไปที่ก้นของซ่งลุ่ยอย่างรวดเร็ว

“ถ้าแกไม่อยากทำแล้ว แกกับเขาก็ไสหัวออกไปซะ!”

ด้วยความแรงของลูกเตะนี่แรงไม่เบาเลย ทำให้ซ่งลุ่ยล้มลงไปข้างหน้าและดันบังเอิญไปปัดเอาแจกันดอกไม้บนโต๊ะทำงานหล่นลงมา

 “เพล้ง”เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น  แจกันก็แตกอยู่บนพื้นแล้ว

หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ตกอยู่ในอาการตะลึงจนตาค้าง!

เป็นที่รู้กันดีว่าสิ่งของทุกชิ้นในห้องทำงานของประธานจางนั้นมีราคาแพงมากขนาดไหน แล้วถ้าหากแจกันดอกไม้นี่ต้องมีคุณค่าทางวัฒนธรรมด้วยละก็ พวกเขาทั้งสามคนต้องตายแน่ๆ หรืออาจจะต้องซื้อมาชดใช้คืน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆคงชดใช้ค่าเสียหายไม่ไหวแน่นอน

ตอนที่ทั้งสามคนยังคงตกตะลังกับเสียงแจกันที่หล่นแตกดัง “เพล้ง”อยู่นั่น จางชูหยาที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านในก็เดินออกมา ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ  

“นี่ ..... นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ซ่งลุ่ยอยากจะอธิบายให้ประธานจางฟัง แต่กลับถูกซุนเย่แย่งชิงตัดหน้าไปเสียก่อน  เขาชี้ไปที่จมูกของช่งลุ่ยแล้วด่าออกมา  

"ทำงานยังไงถึงได้ไม่ระวังมือระวังเท้าจนไปทำให้แจกันดอกไม้ของประธานจางหล่นแตก แล้วนายจะชดใช้ยังไงไหว!"

ซ่งลุ่ยถูกซุนเย่ใส่ร้ายป้ายสีซึ่งๆหน้าแบบนี้ ก็ทำให้เขาตกตะลึงนิ่งงันจนเซ่อไปในทันทีทันใด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าซุนเย่จะพูดแบบนี้ออกมา  แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับเฉินอันที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้ที่พูดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉยจนทำให้เขารู้สึกโกรธมากจนอยากกระอักเป็นเลือดออกมาทันที

“ไอ้หยา น้องซ่ง ทำไมไม่ระวังเลยหล่ะ”

ในขณะที่เขาพูดไปด้วยนั้น เฉินอันก็คุกเข่าลงไปบนพื้นและเอื้อมมือไปหาเศษแก้วที่เป็นชิ้นส่วนของแจกัน เขามองแล้วมองอีกที่ลายบนเศษแจกันนั่น  

" ว้าว นี่เป็นแจกันในยุคสมัยของเฉียนหลงด้วย นาย .... เฮ้อ!”

เมื่อมองไปที่คนสองคนที่อยู่ข้างหน้าของจางชูหยาที่ใส่ร้ายป้ายสีตัวเขาอยู่นั้น ซ่งลุ่ยก็อยากจะอธิบายออกมาสักหน่อย แต่มันก็สายเกินไปแล้ว    ในท้ายที่สุดซุนเย่และเฉินอันก็เป็นหัวหน้าอยู่ดี แต่เขาเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตำแหน่งเล็กกระจ้อยร่อย ในใจของจางชูหยาย่อมเลือกจะเชื่อใครและเลือกที่ไม่เชื่อใครหล่ะในสถานการณ์เช่นนี้

มันไม่สำคัญว่าจะเสียงานไป แต่เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินว่าเป็นของในยุคสมัยของเฉียนหลง ชั่วพริบตาเดียวสมองของเขาก็ว่างเปล่า !

นี่………

ต้องชดใช้เป็นเงินเท่าจำนวนไหร่กัน!

ซ่งลุ่ยเพ่งมองไปที่พื้นกระเบื้องที่เต็มไปด้วยเศษซากจากแจกันดอกไม้อย่างไม่รู้ตัว  ในเวลานี้ซ่งลุ่ยรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ในที่สุดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา นั่นก็คือเสียงทื่อๆของระบบนั่นเอง

"เนื่องจากการจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อไม่ละสายตาเป็นระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ภารกิจแรกและเงื่อนไขการอัพเกรดสำเร็จ กำลังตรวจสอบจำนวนฮอร์โมน โปรดกรุณารอสักครู่ ... "

"การหลั่งฮอร์โมนมีความสมบูรณ์ ทำให้ระบบทำงานเป็นปกติ โอ้ว ขอแสดงความยินดีด้วยคุณจะได้อัพเกรดระบบเป็นระดับ 1 รับรางวัลการอัพเกรด โปรดเลือก"

"1 จำแนกและระบุสมบัติล้ำค่า / 2 การมองทะลุผ่านทางการแพทย์"

ซ่งลุ่ยมองดูแจกันลายดอกไม้นั่นและไม่ลังเลที่จะเลือกรับรางวัลในการจำแนกและระบุสมบัติล่ำค่า แม้ว่ารางวัลนี้อาจไม่ช่วยเหลือหรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันของเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ว่ามันแจกันนี้ราคาเท่าไหร่!

 “ขอแสดงความยินดี ทำการเปิดคุณสมบัติย่อยของระบบมองทะลุซุปเปอร์ก็อดเพื่อจำแนกและระบุสมบัติล้ำค่าแล้ว หวังว่าคุณลูกค้าที่รักจะได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ”

หลังจากเสียงของระบบหายไป ซ่งลุ่ยก็ก้มเก็บเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยขึ้นมา พลิกกลับไปกลับมาเพื่อสังเกตเศษชิ้นนั่น   เฉินอันที่ยืนอยู่ด้านข้าง แสยะยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน ในใจของเขาคิดว่า

"เมื่อวานนี้นายเข้ามาขัดจังหวะเรื่องดีดีของฉัน  มันสมควรแล้วที่นายต้องเจอแบบนี้ !"

อย่างไรก็ตามซุนเย่ก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของซ่งลุ่ย เขาจึงด่าออกมาอย่างหยาบคาย

“ดูเหมือนกับว่านายดูมันแล้วนายจะกูออกอย่างนั้นเหรอ? นายมันก็แค่เด็กหนุ่มที่มาจากบ้านนอก จะเคยเห็นของที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์แบบนี้มาก่อนได้อย่างไรหล่ะ  แจกันใบนี้มันมีค่ามากนะ!”

ในทางตรงกันข้ามจางชูหยาที่เป็นเจ้าของแจกันกลับไม่เอ่ยปากพูดใดๆออกมา แต่กลับไปให้ความสนใจที่ซ่งลุ่ยแทน

ในตอนที่สายตาของเธอก็มองไปยังการกระทำของซ่งลุ่ย ห็รู้สึกชื่นชมในการตรวจสอบและพินิจพิเคราะห์คุณค่าจากเศษแจกันนั้นอย่างจริงจังจนดูเหมือนเป็นสไตล์ของผู้ที่เชี่ยวชาญที่น่าเคารพนับถือมาก

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซ่งลุ่ยจึงวางเศษแจกันว้ในมือ หลังจากนั้นก็ดวงดาของเขาก็เห็นชัดเจนขึ้น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเพื่อเป็นการแสดงความขอโทษแก่จางชูหยาและพูดว่า

“ขออภัยครับประธานจาง แจกันดอกไม้ใบนี้ของคุณเป็นของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาจากของเก่านะครับ”

 “นายพูดอะไรหน่ะ?!”

“นายอย่ามาพูดมั่วๆ เพื่อหาเรื่องที่จะชักดาบนะ!!”ซุนเย่และเฉินอันเกือบจะพูดออกมาพร้อมกัน

แต่จางชูหยากลับยิ้มเล็กน้อยและไม่แม้แต่จะชายตามองไปที่ซุนเย่และเฉินอัน เธอพูดกับซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่ชื่นชม

“ฮ่าฮ่า น่าสนใจจริงๆ ผู้ดูแลร้านของเก่าในเมืองเหวินฮว่ายังดูไม่ออกเลยว่าแจกันของฉันเป็นของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาจากของเก่า นายดูออกไปอย่างไรกัน?”

รีวิวผู้อ่าน