ท่าเรือของเมืองแห่งช่างต่อเรือ
แคว้นคาโนะ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักมันใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันในการเดินทาง หลังจาก รอส กำจัด โอลไซ อาบู และคนอื่น ๆ เขาก็มาถึงเมืองแห่งช่างต่อเรือในตอนเที่ยงของวันที่ 4 เพราะน้ำหนักของต้นไม้แห่งสมบัติอดัมจึงทำให้การเดินทางล่าช้าลง
ในห้องฝึกซ้อมของ รอส ถุงทรายห้าถุงแกว่งไปมารอบ ๆ รอส ยืนปิดตาอยู่ท่ามกลางถุงทราย พร้อมกับชกออกไปอย่างต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่แล้ว รอส สามารถชกถุงทรายโดนทั้งห้าถุง และในบางครั้งก็ชกไม่โดนบ้างก็มี
การฝึกฝนฮาคิสังเกตุนั้นมันยากกว่าจินตนาการของ รอส มาก สามวันของการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเขาสามารถจับจุดได้บ้างและมันต้องใช้เวลาในการฝึกฝน
ฮาคิ เป็นเป้าหมายสำหรับทุกคน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงวิธีการฝึก
ขั้นตอนแรกของ ฮาคิ คือการตรวจสอบการมีอยู่ของ ฮาคิ และควบคุมมัน จากนั้นดำเนินการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ ฮาคิ
อย่างไม่ต้องสงสัยขั้นตอนแรกเป็นส่วนที่ยากที่สุด
ขณะที่ รอส หลับตาและพยายามที่จะเข้าใจการรับรู้แบบพิเศษในรูปแบบของเขาเองเมื่อเขากำลังจับจุดฮาคิสังเกตุ ด้านหน้าประตูห้องโดยสารก็มีเสียงดังขึ้นมันเป็นเสียงของ โรบิน ที่ดังมาจากข้างนอก
“กัปตันเรามาถึงท่าเรือของเมืองแห่งช่างต่อเรือแล้ว”
"ฉันรู้ว่าแล้ว"
รอส สูดลมหายใจเข้าออกลืมตาขึ้นพร้อมกับหยุดถุงทรายที่แกว่งไปมาและพักอยู่ครู่หนึ่งนึกถึงกระบวนการฝึกฝนในใจของเขาแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องโดยสาร
เมื่อออกมาจากห้องโดยสารสิ่งแรกที่เขาเห็นคือท่าเรือของเมืองแห่งช่างต่อเรือ เมืองนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนักขนาดมันเล็กกว่า แคว้นคาโนะ มันเป็นเพียงเกาะขนาดกลาง
แต่.
ท่าเรือที่นี่ใหญ่กว่าท่าเรือที่ แคว้นคาโนะ มากและมีสินค้ามากมายอยู่ที่ท่าเรือนี้
“ที่นี่ไม่ใช่แคว้นคาโนะตัวตนอย่างโจรสลัดชาวเมืองที่นี่อาจจะไม่ค่อยชอบมากนัก” โรบิน เดินมาด้านข้าง รอส แล้วเอ่ยขึ้น
รอส ตอบอย่างไม่สนใจ:“ โจรสลัดไม่ได้มีอยู่เพื่อความชอบ ลองไปกันเถอะ”
รอส และ โรบิน เดินลงจากเรือ
ด้วยความหวังว่าจะได้พบช่างต่อเรือที่ดีที่สุด รอส พบคนงานที่ท่าเรือ เขาโยนเหรียญทองให้และถามอย่างตรงไปตรงมา:
“ช่างต่อเรือที่ดีที่สุดของที่นี่คือใคร?
คนงานเห็นว่า รอส ลงมาจากเรือโจรสลัด แต่เดิมมันน่ากลัวนิดหน่อยแต่เมื่อเขาเห็นเหรียญทองถูกโยนออกมา หลังจากที่สะดุ้งตกใจความกลัวในใจของเขาก็ลดน้อยลงทันที
หลังจากได้ยินคำถามของ รอส เขาถือเหรียญทองพร้อมกับเผยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ช่างต่อเรือของเราที่นี่มีฝีมือดีกันทุกคน แต่ถ้าคุณถามว่าช่างต่อเรือที่ดีที่สุดก็คงจะเป็น ผู้อาวุโสฟิทซ์ เขาไม่ค่อยสร้างเรือให้คนอื่น แต่เรือทุกลำที่เขาสร้างนั้นมีชื่อเสียงมาก”
“ คุณพูดว่า ผู้อาวุโสฟิทซ์…หมายถึง โคโคนอร์ ฟิทซ์ หรือเปล่า”
หลังจาก โรบิน ได้ยินคำพูดของคนงานเธออดตกใจไม่ได้ จึงเอ่ยถามออกมาทันที
"ใช่."
คนงานพยักหน้า “เขาไม่ได้เป็นช่างต่อเรือมานาน คาดกันว่ามีคนไม่มากที่รู้ว่าเขาอยู่ในเมืองของเรา”
รอส ดูแปลกๆ เล็กน้อยหันไปถาม โรบิน ขึ้นว่า“ โคโคนอร์ ฟิทซ์ คือใคร?”
โรบิน วางนิ้วลงบนคางราวกับกำลังครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ในตอนที่ฉันรวบรวมข้อมูลฉันได้ยินมาว่าเรือของกลุ่มโจรสลัดผมแดงดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น
“ผมแดง แซงคูส”
รอส ขัดจังหวะคำพูดของ โรบิน เขาตกใจเล็กน้อย บ้านเกิดของ แซงคูส คือเวสต์บลูและช่างต่อเรือที่เป็นคนสร้างเรือโจรสลัดผมแดงกลับอยู่ที่นี่
"เขาอยู่ที่ไหน?"
“ ตรงไปตามถนนสายนี้เลี้ยวขวาไปตามถนนสองสายมีเรือนไม้เล็กๆ ที่มีสภาพผุพังและเขาจะอยู่ที่นั่น”
คนงานบอกเส้นทางให้ รอส
รอส พยักหน้ารับพา โรบิน ไปในทิศทางนั้นข้ามถนนทั้งสองแล้วเลี้ยวขวาและเห็นบ้านไม้เล็กๆ ชั้นเดียวที่มีสภาพผุพัง
ด้านนอกบ้านไม้เล็กๆ มีกลุ่มคนที่หน้าตาบูดบึ้งดูเหมือนกำลังจะทำอะไรบางอย่าง
“ กัปตันเราถูกหลอก ช่างต่อเรือที่ดีที่สุดจะอยู่ในสถานที่ที่ผุพังเช่นนี้?”
ชายคนหนึ่งถือดาบอยู่ในมือใบหน้าของเขาดุร้ายคิ้วก็ขมวดขึ้น เอ่ยกับชายอีกคนที่ถือดาบใบกว้าง
ชายผู้ถือดาบใบกว้างก็กระพริบตาและพูดว่า“ ไป เข้าไปเรียกมันออกมา”
เมื่อเขาได้ยินกัปตันออกคำสั่ง คนหนึ่งในกลุ่มก็เดินไปทุบประตูบ้านไม้แล้วตะโกนเรียกบุคคลที่อยู่ภายใน:“ เฮ้! คนที่อยู่ข้างในออกมา! กัปตันเราต้องการพบแก!”
เงียบ….
ชายคนนั้นถีบประตูอย่างรุนแรงอีกสองครั้ง แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อยู่ภายใน เมื่อพวกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน ก็มีเสียงไอออกมาจากในบ้านไม้
"แค๊ก!แค๊ก!"
“ฉันเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับพยายามที่จะนอนงีบซักหน่อยก็ยังดี แต่พวกแกกลับมารบกวนแม้กระทั่งเวลางีบของฉัน”
เมื่อได้ยินเสียงไอประตูของบ้านไม้ก็เปิดออก ชายชราเคราสีเทาใส่เสื้อผ้าทรุดโทรม อายุประมาณ 50 ~ 60 ปีเดินออกมาจากข้างใน
เมื่อมองไปที่ชายชรากลุ่มคนที่หน้าบ้านก็ขมวดคิ้วขึ้นและบางคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ ชายชราผู้นี้เป็นช่างต่อเรือที่ดีที่สุดจริงๆ? ฉันขอสาปแช่งไอ้นั่นมันกล้าที่จะหลอกลวงฉัน!”
“ เฮ้ แกต้องการค้นหาช่างต่อเรือที่ดีที่สุดเหรอ? ถ้างั้นพวกแกก็มาหาถูกคนแล้ว”
ฟิทซ์ เอ่ยขึ้นและไอสองครั้งพร้อมกับหยิบขวดไวน์จากเอวแล้วจิบมันลงไปซึ่งทำให้เขารู้สึกดี
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของชายชราทุกคนในบริเวณก็หันมามองหน้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากลังเลก็มีคนพูดว่า:
“ กัปตันของเราต้องการให้แกต่อเรือให้”
“โอ้.”
ฟิทซ์ พยักหน้าอย่างใจเย็นกล่าวว่า“ ไม่ทำ”
คนในกลุ่มตกตะลึง หนึ่งในนั้นแสดงสีหน้าโกรธดึงปืนพกออกมาและพูดว่า: "เฮ้! ไอ้แก่แกรู้ไหมว่ากัปตันของเราคือใคร? หากแกไม่ต้องการตายก็จงร่วมมือ!”
“กัปตันของแก..…..”
ฟิทซ์ เอ่ยมาถึงตอนนี้ก็พลิกข้อมือดึงปืนพกจากมือของโจรสลัด พร้อมลั่นไกปืนยิงทะลุศีรษะของโจรสลัดอย่างแม่นยำ
เขายกปืนพกขึ้นและเป่าปากกระบอกปืน พร้อมกับถอนหายใจ:“ ฉันไม่อยากรู้”
"บัดซบ!"
ดูเหมือนว่าโจรสลัดหลายคนไม่เคยคาดคิดเลยว่าชายชราผู้น่าเกลียดคนนี้จะกล้าฆ่าเพื่อนของพวกเขา หลังจากหายจากอาการตกตะลึงมันก็เปลี่ยนมาเป็นความโกรธ พวกเขาตะโกนก้องดึงอาวุธออกมาเตรียมที่จะโจมตีชายชรา
แต่ในเวลานี้เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนดังขึ้นมาจากด้านหลังพวกเขา
“ ปัญหามันมีอยู่ทุกที่จริงๆ”
รอส เดินไปทางด้านหลังของโจรสลัดสองคน พร้อมกับยกมือขึ้นแตะไปบนไหล่ของทั้งสอง ร่างของคนทั้งสองถูกบิดไปสัก 2-3 รอบ กระดูกแตกโผล่ออกมาด้านนอกล้มคลื่นลงกับพื้น
เหล่าโจรสลัดหันหน้ามองไปยังต้นเสียงทางด้านหลัง ทันใดนั้นใบหน้าของพวกเขาปรากฏแววหวาดกลัวหลังจากเห็นการลงมือสังหารอันโหดเหี้ยมของ รอส
"แกเป็นใคร..."
“ไม่จำเป็นต้องรู้”
แกร๊ก แกร๊ก!
เสียงกระดูกแตกหักหลังจาก รอส เดินผ่านเหล่าโจรสลัด
โจรสลัดบางคนพยายามหลบหนีด้วยความกลัว แต่วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวกลับมีแขนโผล่มาจากอากาศบิดไปที่ลำคอของพวกเขา
เดิมที ฟิทซ์ ไม่ได้สนใจเรื่องกลุ่มโจรสลัดเหล่านี้ถึงแม้ว่า รอส จะปรากฏตัวขึ้นเขาก็ไม่สนใจ แต่เมื่อเขาเห็น โรบิน ที่อยู่ด้านหลังของ รอส การเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดลงทันที
“ โอ้…โอลิเวีย? ไม่ เธอไม่ใช่โอลิเวีย…”
โรบิน จากที่เคยยืนอย่างสงบแต่หลังจากได้ยินชื่อโอลิเวีย การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไป
โอลิเวีย!
ชื่อเต็มของเธอคือ นิโค โอลิเวีย ซึ่งเป็นหนึ่งในนักโบราณคดีของโอฮาร่า และยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของ นิโค โรบิน!