px

เรื่อง : อัพระบบพิชิตโลกวันพีช one piece talent system
ตอนที่ 21 ภาพลวงตา


หลังจากคลิกไปที่ระบบพรสวรรค์พิเศษ ชุดทักษะความสามารถของ รอส ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

 

ระบบการต่อสู้

 

การใช้อาวุธปืน: 50

 

การต่อสู้ระยะประชิด: 100

 

ผลปีศาจ ผลบิดเบือน: 165

 

โรคุชิกิ โซล: 0

 

โรคุชิกิ คามิเอะ: 0

 

ระบบการใช้งานทั่วไป

 

ความคล่องตัว: 50

 

ความแข็งแกร่งทางร่างกาย: 100

 

หลังจากที่เพิ่มแต้มของความแข็งแกร่งทางร่างกาย จนไปถึงระดับสูงและ เพิ่มแต้มความชำนาญของผลบิดเบือนไปที่ 165 แต้ม ทำให้ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ความแข็งแกร่งทางร่างกายเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า อีกทั้งยังสามารถทนต่อพลังของผลบิดเบือนทำให้ร่างกายไม่ต้องแบกรับภาระมากมาย

 

รัศมีการทำลายของพลังบิดเบือนในตอนนี้ ตามการวิเคราะห์ของ รอส ควรจะอยู่ในระยะเกือบ 15 เมตร ซึ่งหมายความว่าเขายืนอยู่ที่นี่ก็สามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดในรัศมี 15 เมตรบิดเบี้ยว

 

พลังบิดเบือนนี้แข็งแกร่งขึ้น มันสามารถป้องกันกระสุนปืนไฟทั่วไป หรือแม้แต่กระสุนที่เสริมความแข็งแกร่ง

 

แม้

 

แม้ว่ามันจะถูกปืนสั้นแบบพกพายิงในระยะประชิด มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถต้านทานได้ หากว่าเขาเร่งพลังอย่างเต็มที่ ตัวเขาก็จะไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย

 

หลังจากการอัพเกรดทั้งหมดเสร็จสิ้น รอส ได้ปรับความแข็งแกร่งของร่างกาย พร้อมกับรอฟังเสียงระเบิดจากด้านบนอย่างเงียบ ๆ

 

……………………………………...

บนพื้น.

 

เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง มันใช้เวลาน้อยกว่าสองนาทีอาคารทั้งหลังได้รับความเสียหายจนมันทรุดตัวลง ฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณโดยรอบ

 

เศษหิน เศษปูนก็กระเด็นถูกพวกสมาชิกคาโปเน่ หลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทำให้ฟกช้ำดำเขียวไปตามๆกัน

 

“ ทีมปืนเบาหยุดยิง ส่วนทีมปืนใหญ่กระหน่ำยิงต่อไปอย่าได้หยุด”

 

เบจจ์ ยืนสูบซิการ์ด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบอยู่แถวหน้าของฝูงชนเขามองไปยังอาคารที่ถล่มลงมา พร้อมกับตะโกนออกคำสั่ง ให้ปืนใหญ่โจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

"ครับ!"

 

สมาชิกแก๊งค์หลายคนที่ถือปืนยาวและปืนสั้นต่างก็พากันหยุดยิง เพราะปืนของพวกเขามันไม่ได้มีผลมากนักหลังจากอาคารมันถล่มลงมา

 

ส่วนทีมปืนใหญ่ที่เหลืออีกหลายสิบคนยังคงบรรจุกระสุนปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเปิดฉากยิงไปยังอาคารที่ถล่มลงมาอีกระลอก 

 

ตูม ตูม!

 

หลังจากนั้นอีกสิบนาที อาคารก็พังทลายลงกลายเป็นเศษซากปรักหักพังอย่างสมบูรณ์

 

“เจ้านาย เราใช้กระสุนปืนไปมากมายขนาดนี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่มันจะรอดออกมาได้”

 

“ ด้วยอาวุธที่มีพลังทำลายล้างระดับนี้ และยังมุ่งเน้นในการสังหาร มืออสูรรอส แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่เมื่อโดนถล่มถึงขนาดนี้ ป่านนี้มันคงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว”

 

หัวหน้าทีมนำพาสมาชิกหลายคนเดินไปที่ เบจจ์ และรายงานต่อเขา ในทันที

 

เบจจ์ จ้องมองไปที่ซากปรักหักพังที่พังทลาย จนในที่สุดเขาก็พยักหน้า พร้อมกับพ่นควันซิการ์ออกมาแล้วพูดว่า:“ ยิงต่อไปจนให้แน่ใจแล้วว่ามันตาย หลังจากนั้นเข้าเคลียร์พื้นที่ค้นหาศพมันมาให้ฉัน”

 

"ครับ"

 

หัวหน้ากลุ่ม ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

 

เสียงปืนก็ดังขึ้นมาอีกระลอก สมาชิกหลายคนของ คาโปเน่ มองไปที่ซากปรักหักพังของอาคารด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย

 

“ กล้าที่จะยั่วยุ คาโปเน่ นี่คือจุดจบ!”

 

“มันคิดว่ามันเป็นโจรสลัดแล้วมันจะรอดเหรอ? เพราะยังไงเสีย โจรสลัด มันก็ต้องขึ้นฝั่งอยู่วันยังค่ำ”

 

พวกสมาชิก คาโปเน่ ต่างก็พูดจาเยาะเย้ยอย่างออกรส จนในที่สุดเสียงปืนก็ค่อยๆซาลง และหยุดลงอย่างสมบูรณ์ เมื่อมองไปยังอาคารที่ถูกถล่มในตอนนี้ มันเกือบจะแบนราบเหลือเพียงควันที่ฟุ้งกระจายและเปลวไฟจางๆ

 

เบจจ์ หันไปมองสมาชิกแก๊งที่ยืนถือกล้องบันทึกเอาไว้อยู่ข้างๆ

 

“ บันทึกทั้งหมดเอาไว้แล้วใช่ไหม?”

 

“ ไม่มีปัญหา ทุกอย่างได้ถูกบันทึกเอาไว้หมดแล้ว”

 

“ ดีมาก เราจะได้นำมันไปเป็นหลักฐานเพื่อรับเงินรางวัลจาก กองทัพเรือ... ”

 

เบจจ์ หัวเราะเบาๆ จริงๆ แล้วเขามีความสนใจเงินเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้สนใจแค่อาวุธที่แข็งแกร่งเท่านั้น เพราะว่าเงินเป็นสิ่งจำเป็น

 

ค่าหัวของ มืออสูรรอส สูงถึง 40 ล้านเบรี่ ถ้ารวมกับค่าหัวโจรสลัดดาบขาว ที่มีค่าหัว 35 ล้านเบรี่ ก็จะเป็น 75 ล้านเบรี่ ซึ่งเพียงพอที่จะซื้ออาวุธจำนวนมาก เพื่อมาพัฒนา คาโปเน่แฟมิลี่ ของเขา

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในขณะที่ เบจจ์ ยินดีกับเงินรางวัลที่เขากำลังจะได้รับ และกำลังจะออกคำสั่งให้ค้นหาศพ จู่ๆใต้พื้นซากปรักหักพังก็เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้น

 

สมาชิกแก๊งหลายคนก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว พวกเขาต่างก็พากันจ้องมองไปยังบริเวณที่เกิดเสียงอย่างกะทันหันนี้

 

ตูม ! !

 

เศษซากปลักหักพังปลิวกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับเงาของคนๆหนึ่งพุ่งทะยานออกมา ร่างกายของเงานั้นสะอาดสะอ้านเสื้อผ้าก็ไม่มีรอยขีดข่วน แม้แต่รอยไหม้ซักเล็กน้อยก็ไม่มี

 

รอส ตบฝุ่นสีดำเล็กน้อยที่ติดบนไหล่ของเขา พร้อมกับค่อยๆก้าวออกมาจากซากปรักหักพัง ที่เต็มไปด้วยเขม่าควัน

 

“ ไม่ต้องเสียเวลาตามหา, ฉันอยู่นี่แล้ว”

 

“ คาโปเน่ เบจจ์”

 

รอส มองไปที่ เบจจ์ ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างเฉยชา

 

สีหน้าของ เบจจ์ ดูน่าเกลียด เขากัดซิการ์ที่อยู่ในปากจนมันเกือบจะขาด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:

 

“ ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะมีชีวิตอยู่… ในเมื่อแกสามารถหลบหนีจากกระสุนปืนไปแล้ว แกควรซ่อนตัว แต่แกยังกล้าออกมาแบบนี้ แกคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของแก แกจะสามารถต่อกรกับกองกำลังของฉัน ด้วยความแตกต่างของช่องว่างขนาดใหญ่นี้ได้เหรอ”

 

“ถ้านายไม่ลอง แล้วนายจะรู้ได้อย่างไร”

 

รอส มองไปรอบๆบริเวณ ที่ตอนนี้ปากกระบอกปืนทุกกระบอกต่างก็เล็งมาที่เขา ดวงตาของเขาก็กลับมาที่ เบจจ์ อีกครั้ง

 

หลังจากเอ่ยจบ รอส ไม่ได้พุ่งไปข้างหน้า แต่เขาก้าวเดินช้าๆเดินออกมาจากซากปรักหักพัง และเดินไปที่ เบจจ์ ทีละก้าวทีละก้าว

 

บรรยากาศแปลกมาก

 

ปืนจำนวนมากเล็งมาที่เขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นปืนไฟและปืนใหญ่ที่อยู่รอบตัวเขาอยู่ในสายตา เขายังคงสงบและก้าวไปข้างหน้าทีก้าวทีละก้าว

 

“ จัดการฆ่ามัน!”

 

เบจจ์ จ้องมอง รอส ที่เดินเข้ามา จิตสังหารของเขาก็พรั่งพรูอยู่ในแววตาพร้อมกับตะโกนสั่งการอย่างเยือกเย็น

 

ตูม! ตูม! ตูม! !

 

ปืนทุกกระบอกแผดเสียงคำรามโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ รอส แต่กระสุนเหล่านั้นกลับไม่โดนร่างกายของเขา มันกลับทะลุผ่านอย่างน่าประหลาด

 

รอส ที่ตกเป็นเป้าโจมตีนั้นยังคงเดินหน้าอย่างช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าว โดยที่ไม่สนใจกระสุนปืนที่สาดเข้ามา

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”

 

ใบหน้าของเหล่าสมาชิกแก๊ง ต่างก็บิดเบี้ยวอย่างน่ารังเกียจ พวกเขาได้แต่รู้สึกกังวลจนก้มหน้ามองดูปืนในมือของพวกเขาราวกับว่ามันเป็นของปลอม ซึ่งมันไม่สามารถหยุดการก้าวเดินช้า ๆ ของ รอส ได้เลย

 

เบจจ์ ก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่ในไม่ช้าเขาก็จำได้ว่า ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับ รอส ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความสามารถในการสร้างภาพลวงตา

 

"ภาพลวงตา? ร่างจริงมันอยู่ที่ไหน”

 

การแสดงออกของ เบจจ์ ก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น เขากวาดสายตามองหาบริเวณโดยรอบ พร้อมกับเตรียมรับมือกับการจู่โจมอย่างกะทันหันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมองหาตำแหน่งที่แท้จริงของ รอส ควบคู่ไปด้วย

 

เนื่องจากความเสียหายที่รุนแรงจากปืน ทุกทิศทางมันได้ทำลายร่องรอยของเขา ดังนั้น คาโปเน่ เบจจ์ จึงไม่สามารถตรวจจับหาร่องรอยภายในบริเวณต่อสู้ได้ 

 

แต่.

 

หลังจากรับรู้ว่า 'รอส' ที่เห็นด้านหน้าเป็นแค่ภาพลวงตา เบจจ์ ตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยออกคำสั่งต่อลูกน้องในทันที:

 

“ไม่ต้องเล็ง กวาดยิ่งไปยังพื้นที่ตรงกลางกระหน่ำยิงให้ราบ!”

 

สมาชิกแก๊งหลายคนที่กำลังตกตะลึงกับความสามารถของ รอส หลังจากได้ยินคำสั่งของ เบจจ์ พวกเขาก็ตอบรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เริ่มสาดกระสุนปืนเข้าไปในซากปรักหักพัง 360 องศา โดยไม่ให้เล็ดรอดได้แม้แต่นิดเดียว

 

การโจมตีครั้งนี้มีผลกระทบบางอย่าง กระสุนบางส่วนที่สาดยิงออกมามันเกิดบิดเบี้ยวแปลกๆ หลังจากที่มันเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่า ดูเหมือนว่าพื้นที่นั้นจะถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นปกคลุมอยู่จนทำให้กระสุนและวิถีกระสุนถูกบิดเป็นส่วนโค้ง

 

หากไม่จับตาดูดีๆก็ดูเหมือนว่ามันไม่มีอะไร แต่ถ้าหากว่าตั้งใจมองมันก็น่าตกใจมาก

 

"อะไร!"

 

“เวรเอ้ย!! นี่มันความสามารถบ้าอะไรกัน”

 

ในสายตาของสมาชิกคาโปเน่ หลายคนต่างก็เผยร่องรอยของความหวาดกลัว

รีวิวผู้อ่าน

suchonx17
1827 วันที่แล้ว

สนุกมากครับ^^


  แสดงความคิดเห็น