
1827 วันที่แล้ว
สนุกมากครับ^^
หลังจากคลิกไปที่ระบบพรสวรรค์พิเศษ ชุดทักษะความสามารถของ รอส ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
ระบบการต่อสู้
การใช้อาวุธปืน: 50
การต่อสู้ระยะประชิด: 100
ผลปีศาจ ผลบิดเบือน: 165
โรคุชิกิ โซล: 0
โรคุชิกิ คามิเอะ: 0
ระบบการใช้งานทั่วไป
ความคล่องตัว: 50
ความแข็งแกร่งทางร่างกาย: 100
หลังจากที่เพิ่มแต้มของความแข็งแกร่งทางร่างกาย จนไปถึงระดับสูงและ เพิ่มแต้มความชำนาญของผลบิดเบือนไปที่ 165 แต้ม ทำให้ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ความแข็งแกร่งทางร่างกายเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า อีกทั้งยังสามารถทนต่อพลังของผลบิดเบือนทำให้ร่างกายไม่ต้องแบกรับภาระมากมาย
รัศมีการทำลายของพลังบิดเบือนในตอนนี้ ตามการวิเคราะห์ของ รอส ควรจะอยู่ในระยะเกือบ 15 เมตร ซึ่งหมายความว่าเขายืนอยู่ที่นี่ก็สามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดในรัศมี 15 เมตรบิดเบี้ยว
พลังบิดเบือนนี้แข็งแกร่งขึ้น มันสามารถป้องกันกระสุนปืนไฟทั่วไป หรือแม้แต่กระสุนที่เสริมความแข็งแกร่ง
แม้
แม้ว่ามันจะถูกปืนสั้นแบบพกพายิงในระยะประชิด มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถต้านทานได้ หากว่าเขาเร่งพลังอย่างเต็มที่ ตัวเขาก็จะไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
หลังจากการอัพเกรดทั้งหมดเสร็จสิ้น รอส ได้ปรับความแข็งแกร่งของร่างกาย พร้อมกับรอฟังเสียงระเบิดจากด้านบนอย่างเงียบ ๆ
……………………………………...
บนพื้น.
เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง มันใช้เวลาน้อยกว่าสองนาทีอาคารทั้งหลังได้รับความเสียหายจนมันทรุดตัวลง ฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณโดยรอบ
เศษหิน เศษปูนก็กระเด็นถูกพวกสมาชิกคาโปเน่ หลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทำให้ฟกช้ำดำเขียวไปตามๆกัน
“ ทีมปืนเบาหยุดยิง ส่วนทีมปืนใหญ่กระหน่ำยิงต่อไปอย่าได้หยุด”
เบจจ์ ยืนสูบซิการ์ด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบอยู่แถวหน้าของฝูงชนเขามองไปยังอาคารที่ถล่มลงมา พร้อมกับตะโกนออกคำสั่ง ให้ปืนใหญ่โจมตีอย่างต่อเนื่อง
"ครับ!"
สมาชิกแก๊งค์หลายคนที่ถือปืนยาวและปืนสั้นต่างก็พากันหยุดยิง เพราะปืนของพวกเขามันไม่ได้มีผลมากนักหลังจากอาคารมันถล่มลงมา
ส่วนทีมปืนใหญ่ที่เหลืออีกหลายสิบคนยังคงบรรจุกระสุนปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเปิดฉากยิงไปยังอาคารที่ถล่มลงมาอีกระลอก
ตูม ตูม!
หลังจากนั้นอีกสิบนาที อาคารก็พังทลายลงกลายเป็นเศษซากปรักหักพังอย่างสมบูรณ์
“เจ้านาย เราใช้กระสุนปืนไปมากมายขนาดนี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่มันจะรอดออกมาได้”
“ ด้วยอาวุธที่มีพลังทำลายล้างระดับนี้ และยังมุ่งเน้นในการสังหาร มืออสูรรอส แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่เมื่อโดนถล่มถึงขนาดนี้ ป่านนี้มันคงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว”
หัวหน้าทีมนำพาสมาชิกหลายคนเดินไปที่ เบจจ์ และรายงานต่อเขา ในทันที
เบจจ์ จ้องมองไปที่ซากปรักหักพังที่พังทลาย จนในที่สุดเขาก็พยักหน้า พร้อมกับพ่นควันซิการ์ออกมาแล้วพูดว่า:“ ยิงต่อไปจนให้แน่ใจแล้วว่ามันตาย หลังจากนั้นเข้าเคลียร์พื้นที่ค้นหาศพมันมาให้ฉัน”
"ครับ"
หัวหน้ากลุ่ม ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
เสียงปืนก็ดังขึ้นมาอีกระลอก สมาชิกหลายคนของ คาโปเน่ มองไปที่ซากปรักหักพังของอาคารด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย
“ กล้าที่จะยั่วยุ คาโปเน่ นี่คือจุดจบ!”
“มันคิดว่ามันเป็นโจรสลัดแล้วมันจะรอดเหรอ? เพราะยังไงเสีย โจรสลัด มันก็ต้องขึ้นฝั่งอยู่วันยังค่ำ”
พวกสมาชิก คาโปเน่ ต่างก็พูดจาเยาะเย้ยอย่างออกรส จนในที่สุดเสียงปืนก็ค่อยๆซาลง และหยุดลงอย่างสมบูรณ์ เมื่อมองไปยังอาคารที่ถูกถล่มในตอนนี้ มันเกือบจะแบนราบเหลือเพียงควันที่ฟุ้งกระจายและเปลวไฟจางๆ
เบจจ์ หันไปมองสมาชิกแก๊งที่ยืนถือกล้องบันทึกเอาไว้อยู่ข้างๆ
“ บันทึกทั้งหมดเอาไว้แล้วใช่ไหม?”
“ ไม่มีปัญหา ทุกอย่างได้ถูกบันทึกเอาไว้หมดแล้ว”
“ ดีมาก เราจะได้นำมันไปเป็นหลักฐานเพื่อรับเงินรางวัลจาก กองทัพเรือ... ”
เบจจ์ หัวเราะเบาๆ จริงๆ แล้วเขามีความสนใจเงินเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้สนใจแค่อาวุธที่แข็งแกร่งเท่านั้น เพราะว่าเงินเป็นสิ่งจำเป็น
ค่าหัวของ มืออสูรรอส สูงถึง 40 ล้านเบรี่ ถ้ารวมกับค่าหัวโจรสลัดดาบขาว ที่มีค่าหัว 35 ล้านเบรี่ ก็จะเป็น 75 ล้านเบรี่ ซึ่งเพียงพอที่จะซื้ออาวุธจำนวนมาก เพื่อมาพัฒนา คาโปเน่แฟมิลี่ ของเขา
อย่างไรก็ตาม
ในขณะที่ เบจจ์ ยินดีกับเงินรางวัลที่เขากำลังจะได้รับ และกำลังจะออกคำสั่งให้ค้นหาศพ จู่ๆใต้พื้นซากปรักหักพังก็เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้น
สมาชิกแก๊งหลายคนก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว พวกเขาต่างก็พากันจ้องมองไปยังบริเวณที่เกิดเสียงอย่างกะทันหันนี้
ตูม ! !
เศษซากปลักหักพังปลิวกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับเงาของคนๆหนึ่งพุ่งทะยานออกมา ร่างกายของเงานั้นสะอาดสะอ้านเสื้อผ้าก็ไม่มีรอยขีดข่วน แม้แต่รอยไหม้ซักเล็กน้อยก็ไม่มี
รอส ตบฝุ่นสีดำเล็กน้อยที่ติดบนไหล่ของเขา พร้อมกับค่อยๆก้าวออกมาจากซากปรักหักพัง ที่เต็มไปด้วยเขม่าควัน
“ ไม่ต้องเสียเวลาตามหา, ฉันอยู่นี่แล้ว”
“ คาโปเน่ เบจจ์”
รอส มองไปที่ เบจจ์ ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างเฉยชา
สีหน้าของ เบจจ์ ดูน่าเกลียด เขากัดซิการ์ที่อยู่ในปากจนมันเกือบจะขาด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:
“ ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะมีชีวิตอยู่… ในเมื่อแกสามารถหลบหนีจากกระสุนปืนไปแล้ว แกควรซ่อนตัว แต่แกยังกล้าออกมาแบบนี้ แกคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของแก แกจะสามารถต่อกรกับกองกำลังของฉัน ด้วยความแตกต่างของช่องว่างขนาดใหญ่นี้ได้เหรอ”
“ถ้านายไม่ลอง แล้วนายจะรู้ได้อย่างไร”
รอส มองไปรอบๆบริเวณ ที่ตอนนี้ปากกระบอกปืนทุกกระบอกต่างก็เล็งมาที่เขา ดวงตาของเขาก็กลับมาที่ เบจจ์ อีกครั้ง
หลังจากเอ่ยจบ รอส ไม่ได้พุ่งไปข้างหน้า แต่เขาก้าวเดินช้าๆเดินออกมาจากซากปรักหักพัง และเดินไปที่ เบจจ์ ทีละก้าวทีละก้าว
บรรยากาศแปลกมาก
ปืนจำนวนมากเล็งมาที่เขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นปืนไฟและปืนใหญ่ที่อยู่รอบตัวเขาอยู่ในสายตา เขายังคงสงบและก้าวไปข้างหน้าทีก้าวทีละก้าว
“ จัดการฆ่ามัน!”
เบจจ์ จ้องมอง รอส ที่เดินเข้ามา จิตสังหารของเขาก็พรั่งพรูอยู่ในแววตาพร้อมกับตะโกนสั่งการอย่างเยือกเย็น
ตูม! ตูม! ตูม! !
ปืนทุกกระบอกแผดเสียงคำรามโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ รอส แต่กระสุนเหล่านั้นกลับไม่โดนร่างกายของเขา มันกลับทะลุผ่านอย่างน่าประหลาด
รอส ที่ตกเป็นเป้าโจมตีนั้นยังคงเดินหน้าอย่างช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าว โดยที่ไม่สนใจกระสุนปืนที่สาดเข้ามา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
ใบหน้าของเหล่าสมาชิกแก๊ง ต่างก็บิดเบี้ยวอย่างน่ารังเกียจ พวกเขาได้แต่รู้สึกกังวลจนก้มหน้ามองดูปืนในมือของพวกเขาราวกับว่ามันเป็นของปลอม ซึ่งมันไม่สามารถหยุดการก้าวเดินช้า ๆ ของ รอส ได้เลย
เบจจ์ ก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่ในไม่ช้าเขาก็จำได้ว่า ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับ รอส ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความสามารถในการสร้างภาพลวงตา
"ภาพลวงตา? ร่างจริงมันอยู่ที่ไหน”
การแสดงออกของ เบจจ์ ก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น เขากวาดสายตามองหาบริเวณโดยรอบ พร้อมกับเตรียมรับมือกับการจู่โจมอย่างกะทันหันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมองหาตำแหน่งที่แท้จริงของ รอส ควบคู่ไปด้วย
เนื่องจากความเสียหายที่รุนแรงจากปืน ทุกทิศทางมันได้ทำลายร่องรอยของเขา ดังนั้น คาโปเน่ เบจจ์ จึงไม่สามารถตรวจจับหาร่องรอยภายในบริเวณต่อสู้ได้
แต่.
หลังจากรับรู้ว่า 'รอส' ที่เห็นด้านหน้าเป็นแค่ภาพลวงตา เบจจ์ ตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยออกคำสั่งต่อลูกน้องในทันที:
“ไม่ต้องเล็ง กวาดยิ่งไปยังพื้นที่ตรงกลางกระหน่ำยิงให้ราบ!”
สมาชิกแก๊งหลายคนที่กำลังตกตะลึงกับความสามารถของ รอส หลังจากได้ยินคำสั่งของ เบจจ์ พวกเขาก็ตอบรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เริ่มสาดกระสุนปืนเข้าไปในซากปรักหักพัง 360 องศา โดยไม่ให้เล็ดรอดได้แม้แต่นิดเดียว
การโจมตีครั้งนี้มีผลกระทบบางอย่าง กระสุนบางส่วนที่สาดยิงออกมามันเกิดบิดเบี้ยวแปลกๆ หลังจากที่มันเข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่า ดูเหมือนว่าพื้นที่นั้นจะถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นปกคลุมอยู่จนทำให้กระสุนและวิถีกระสุนถูกบิดเป็นส่วนโค้ง
หากไม่จับตาดูดีๆก็ดูเหมือนว่ามันไม่มีอะไร แต่ถ้าหากว่าตั้งใจมองมันก็น่าตกใจมาก
"อะไร!"
“เวรเอ้ย!! นี่มันความสามารถบ้าอะไรกัน”
ในสายตาของสมาชิกคาโปเน่ หลายคนต่างก็เผยร่องรอยของความหวาดกลัว
สนุกมากครับ^^