
1879 วันที่แล้ว
ตรงนี้ที่บอกว่ามีโอกาศ 1 ใน 10 มันขัดกับตอนแรก ที่พูดเหมือนซอมบี้ทุกตัวต้องได้น้ำยา เพราะตอนนั้น ยังสงสัยว่าทำไมไม่มีน้ำยาแล้วยังบอกอีกว่าโดนทุบจนเละ
ตอนที่ 14 พลังของซ่งเจิง
ของชนิดนี้ ถูกนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า น้ำยาวิวัฒนาการ !
ตามความหมายของชื่อ เพียงแค่ใช้น้ำยาวิวัฒนาการนี้ ก็จะทำให้คนธรรมดา สามารถวิวัฒนาการตัวเองได้ และได้รับพลังที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา !
แต่ว่าน้ำยาวิวัฒนาการนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้มาง่ายๆ แม้ว่าเหล่าซอมบี้ระดับต่ำสุดอาจจะมีน้ำยานี้ แต่ว่าจำนวนซอมบี้ที่มีน้ำยานี้ค่อนข้างน้อย ถ้าฆ่าซอมบี้ไปสิบตัว ก็จะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ในกะโหลกศีรษะจะมีน้ำยาวิวัฒนาการ ว่ากันว่าหากต้องการให้คนหนึ่งคนได้รับวิวัฒนาการเป็นคนสายพันธุ์ใหม่นั้น อย่างน้อยต้องฆ่าซอมบี้สิบถึงยี่สิบตัวกว่าจะได้น้ำยาวิวัฒนาการมาได้ !
พูดได้ว่าคนธรรมดานั้นหากต้องการที่จะได้น้ายาวิวัฒนาการเป็นและกลายคนสายพันธุ์ใหม่ อย่างน้อยต้องฆ่าซอมบี้ถึงหนึ่งร้อยกว่าตัวถึงจะได้ !
ส่วนใหญ่แล้วเหล่าคนที่รอดชีวิตนั้น เป็นชายหนุ่มที่มีฝีมือใช้ได้เลยทีเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถฆ่าซอมบี้ตามจำนวนนั้นได้ คนเหล่านั้นได้ตายไปในฝูงของเหล่าซอมบี้และสัตว์ร้าย ตั้งแต่มีการรวมตัวกันที่โรงแรมฟู่คัง สามปีมานี้ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จในการเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เลยแม้แต่คนเดียว !
ในกระโหลกของซอมบี้ระดับสูงนั้นก็มีน้ำยาวิวัฒนาการด้วยเช่นกัน แต่ว่าซอมบี้เหล่านี้จัดการได้ค่อนข้างยาก เช่นซอมบี้ระดับหนึ่งนั้น ต้องใช้คนจากทีมสำรวจมากกว่าสิบคนถึงจะสามารถจัดการกับมันได้ !
ดังนั้นตั้งแต่นั้นมา เมื่อเหล่าผู้รอดชีวิตที่อยู่ข้างนอกพบร่องรอยหรือเจอซอมบี้ระดับหนึ่งนั้นก็แค่ติดตามไป และไม่มีใครกล้าที่จะต่อสู้กับมัน พวกเขาทำได้เพียงแค่รายงานไปยังกองทัพที่อยู่ข้างในเท่านั้น ความหวังในการค้นพบนี้ จะทำให้เดือนหน้าของพวกเขาสามารถได้ของจำเป็นต่างๆมายังที่นี่ได้
"น้ำยาวิวัฒนาการ..."
ซ่งเจิงจับที่ด้ามจับของกระทะตัวเองอย่างเงียบๆ เขาพึมพำออกมาเบาๆ
เวลาผ่านมาได้สักพัก เขาก็เข้าใจแล้วว่า จุดจบของโลกนี่นั้น เป็นยุคที่อาหารการกินค่อนข้างไม่มีประโยชน์ หากว่ามีพลังไม่มากพอ เรื่องที่จะมีชีวิตอยู่ได้นั้นก็เป็นเรื่องเพ้อฝัน
"ฉันตัดสินใจแล้ว เราจะฆ่าซอมบี้เหล่านั้น แล้วเอาน้ำยาวิวัฒนาการมา เพื่อที่จะได้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ !"
ซ่งเจิงตัดสินใจเงียบๆอยู่คนเดียว เขามองไปยังกระทะเหล็กที่อยู่ข้างตัว ทันใดนั้นในหัวก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่รู้ว่ากระทะเหล็กนี้จะสามารถดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการนี้จนออกมาเป็นอาหารได้ไหม แล้วมันจะยังรักษาผลลัพธ์ได้อยู่ไหมนะ ?
ถ้าหากว่าทำได้ล่ะก็ เขาก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าซอมบี้ตลอดเวลา หลังจากนั้นเขาก็แค่เพียงรอเวลาที่จะนำกระทะมาทำแพนเค้กเท่านั้นก็พอ เมื่อกินสิ่งนี้ลงท้องไปแล้ว เขาจะสามารถกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ได้รึเปล่านะ ?
วิธีนี้คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู....
รถบรรทุกทั้งสองคันขับออกมาเป็นระยะเวลาชั่วโมงกว่า จนมาถึงเส้นทางที่ค่อนข้างเล็ก ใกล้ๆนั้นมีตึกสูงระฟ้าอยู่จำนวนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเข้ามาที่นี่นานแล้ว จึงกลายเป็นตึกร้าง หากมองไปรอบๆ อย่าว่าแต่จะเจอคนเลย แม้แต่เสียงของสิ่งมีชีวิตก็ไม่มี
มีเพียงเสียงลมพัดผ่านไปมาเท่านั้น และยังมีเสียงกรวดเม็ดทรายที่กลิ้งไปมาอีก
"ลงรถได้ !"
รถบรรทุกคันแรกนั้นได้ถูกเปิดประตูแล้ว เฉินเฟิงกระโดดลงมาจากรถเป็นคนแรก เพื่อมาทักทายคนที่อยู่รถคันหลัง
สถานที่ข้างหน้าอันใกล้นี้ เป็นเขตที่อยู่อาศัยเล็กๆ หากขับรถคันใหญ่เข้าไปล่ะก็ คงจะเลี้ยวไปเส้นทางอื่นได้ยาก ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงจอดรถไว้ตรงนี้ แล้วให้เหล่าทีมสำรวจนั้นเดินไปตามทางเพื่อจัดการซอมบี้
สมาชิกสองคนในทีมลงมาดูรถ ส่วนคนอื่นๆนั้นแบ่งกันออกเป็นสามถึงห้ากลุ่ม ก่อนจะพากันกระจายตัวออกไปทั่วเขตที่อยู่อาศัยนั้น ทุกๆกลุ่มนั้นมีสมาชิกสี่ถึงห้าคน แต่ละกลุ่มมุ่งไปยังเส้นทางที่แตกต่างกัน การทำแบบนี้ไม่ว่าซอมบี้จะโผล่ออกมาจากทางไหน ก็จะโดนเหล่าทีมสำรวจจัดการได้อย่างแน่นอน
ซ่งเจิงอยู่ในกลุ่มสี่คนที่เป็นกลุ่มสุดท้าย ในมือเขากำด้ามกระทะเหล็กไว้แน่น แล้วกวาดสายตามองไปทุกทิศทางด้วยความตื่นเต้น
หากมองในมุมมองของคนอื่น เจ้าพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่ศพ แต่ในสายตาของซ่งเจิงนั้น พวกมันเป็นเพียงแพนเค้กที่แสนอร่อย ขอเพียงแค่มีซอมบี้เดินออกมาเท่านั้น เขาจะต้องเป็นคนแรกที่จัดการมันให้ได้ ไม่อย่างนั้น เขาก็จะถูกคนอื่นจัดการก่อน แล้วเขาก็จะไม่ได้กินแพนเค้ก
ซ่งเจิงคิดแบบนั้น เพราะไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง
ในขณะที่ในใจของซ่งเจิงเอาแต่คิดถึงแพนเค้กหอมๆ เขาก็ได้ยินเสียงเหล่าซอมบี้จากระยะสิบกว่าเมตร ทันใดนั้นก็เกิดเสียงบางอย่างเกิดขึ้นตามมา
เสียงนั้นค่อนข้างเบา จนไม่มีใครสังเกตุ แต่ว่าซ่งเจิงที่ผ่านการทำแพนเค้กจากการฟังเสียงเบาๆจากแป้งที่กำลังสุกนั้นเลยทำให้ไม่รู้ว่าหูของเขาดีเกินไปรึเปล่า จนทำให้เขาได้ยินเสียงที่ว่านั่น
เขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็เห็นหน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล หลังหน้าต่างนั้นมีเงารูปร่างคล้ายคนกำลังเดินไปมา
มันคือซอมบี้ !
เงาที่หน้าต่างนั้นมีเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งพบเข้า เขาจึงรีบส่งสัญญาณให้ทุกคนทันที คนในกลุ่มจึงรีบหยิบอาวุธขึ้นมา และตั้งหน้าตั้งตารอกัน
เหล่าผู้รอดชีวิตที่อยู่ข้างนอกนั้น ไม่ใช่ว่าไม่สามารถทำอาวุธปืนต่างๆขึ้นมาได้ แต่การที่อยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ แล้วใช้ปืนเพื่อให้เกิดเสียงดังนั้น เป็นการกระทำที่โง่ที่สุด ดังนั้นทุกคนจึงใช้อาวุธจำพวกเหล็กแท่ง และมีดดาบปลายแหลมที่ทำจากช่างตีเหล็กข้างในเมือง คนที่อยู่ข้างนอกเมืองนั้นเสียเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อยกับอาวุธดีๆเหล่านี้
ซอมบี้ที่อยู่ข้างในนั้นเป็นระดับต่ำ มันไม่มีความคิด ดูเหมือนว่ามันจะได้กลิ่นของเนื้อมนุษย์ ท่าทางของมันนั้นบอกออกมาตรงๆและไม่มีความหมายแฝงใดๆเลย ทันทีที่มันออกจากบ้าน มันก็พุ่งตรงไปยังกลุ่มคนทันที
เหล่าคนกลุ่มนั้นที่อยู่ไม่ไกล ต่างก็พากันยกแท่งเหล็กในมือขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก พวกเขารอให้ซอมบี้เข้ามาใกล้ แล้วจึงจะแทงมันให้ตายทันที
ถึงแม้ว่าซอมบี้พวกนั้นจะไม่มีสมอง แต่พลังของพวกมันค่อนข้างเยอะ ขอเพียงแค่พวกมันได้รับบาดเจ็บที่หัว พวกเราก็จะสามารถรักษาชีวิตของตัวเองได้ คนในทีมปกติแล้วมักจะไม่ค่อยมีใครกล้าสู้กับซอมบี้ตัวต่อตัว พวกเขาต้องรอลงมือพร้อมกันทีเดียว แต่ในความโกลาหลที่เกิดขึ้นนั้น จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฆ่าให้ซอมบี้ตายได้
แต่ครั้งนี้ ยังไม่ทันที่พวกเขาจะรอให้ซอมบี้เข้ามาใกล้ ก็มีคนหนึ่งออกจากกลุ่มแล้วพุ่งเข้าโจมตีซอมบี้ทันที !
เกิดเสียงปะทะดังไปทั่ว !
พวกเขามองเห็นชายคนนั้นถือกระทะเหล็กใบใหญ่หนึ่งใบ เขาทุบลงไปบนหัวของซอมบี้อย่างแรง ดูเหมือนเขาใช้แรงทั้งหมดที่มี ทุบลงไปที่หัวของมันโดยตรง ถึงแม้หัวกะโหลกของมันจะมีความยืดหยุ่น แต่ก็ทำให้ซอมบี้ตัวนั้นเดินเซไปมาสองสามก้าว ก่อนจะล้มลงกับพื้นไป
มันตายแล้ว !
คนที่ลงมือ จะต้องเป็นซ่งเจิงอย่างแน่นอน !
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เห็น แม้แต่เหล่ารองหัวหน้าทีมต่างก็มองไปยังซ่งเจิงอย่างตกตะลึง แต่เฉินเฟิง พี่ชายกุ้ยและคนอื่นๆ ที่อยู่ในทีมสำรวจที่ออกมาข้างนอกนี้เป็นเวลานานแล้ว ฝีมือของทุกๆคนได้ทำการคร่าชีวิตของซอมบี้ไปนับสิบตัว ดังนั้นซอมบี้ระดับต่ำที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร
แต่คนอื่นๆนั้น เช่นตู่หมิงที่เข้าร่วมทีมสำรวจมาได้ไม่กี่เดือน เมื่อเห็นซอมบี้ที่อยู่ข้างหน้าเขาก็เกิดอาการตื่นตระหนกเป็นธรรมดา แถมยังพยายามจะถอยหนีอีกด้วย ส่วนคนที่ออกมาเป็นครั้งแรกนั้นไม่ต้องพูดถึง
แต่ผิดกับซ่งเจิงที่ถึงแม้จะออกข้างนอกมาเป็นครั้งแรก แต่เขาก็สามารถจัดการกับซอมบี้ได้หนึ่งตัว จึงไม่แปลกที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง !
"เด็กหนุ่มคนนี้...เขาไม่กลัวเลยรึไงกัน ?"
แต่ซ่งเจิงในตอนนี้นั้น ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าคนอื่นจะคิดกับเขาอย่างไร ในหัวของเขาได้ยินแต่เสียงของตัวเองที่เอาแต่นึกถึงเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่หยุด "ติง ! ได้น้ำยาวิวัฒนาการมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่คุณภาพต่ำมาก!"
อาหารเย็นวันนี้ ได้มาแล้ว !
เฉินเฟิงผิวปากออกมาสองครั้ง ยกนิ้วแล้วพยักหน้าให้อย่างชื่นชม "ไม่เลว ซ่งเจิงทำได้ดีมาก แต่ว่าครั้งหน้าระวังกว่านี้หน่อย ทางที่ดีที่สุดคือการลงมือพร้อมกันทุกคน ไม่อย่างนั้นจะฆ่าซอมบี้ไม่ได้ แถมจะโดนพวกมันจับไปแทนอีก หากเป็นแบบนั้นมันจะยุ่งยากเอา"
ซ่งเจิงหยิบกระทะเหล็กขึ้นมา เก็บความดีใจของตัวเองไว้ในใจ ก่อนจะตอบกลับว่า "รับทราบครับ"
ตอนนั้นเอง สมาชิกในทีมคนหนึ่งได้เดินออกไปตรวจสอบศพซอมบี้ เขาพลิกร่างมันไปมาหลายครั้ง ก่อนจะพูดอย่างท้อแท้ว่า "ไม่มีน้ำยาวิวัฒนาการเลย"
ไม่ใช่ว่าซอมบี้ระดับต่ำสุดจะมีน้ำยาวิวัฒนาการ เฉลี่ยแล้วสิบตัวถึงจะเจอสักหนึ่งตัวที่มีน้ำยาวิวัฒนาการ ดังนั้นเมื่อผลเป็นแบบนี้แล้ว เหล่าทีมสำรวจจึงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่
แต่ซ่งเจิงนั้นเกิดความสงสัย เขาฆ่าซอมบี้ไปทั้งหมดสองตัว ผลที่ได้คือกระทะของเขาดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการไปแล้วทั้งสองครั้ง หากนับตามสถิติสิบต่อหนึ่งนั้น การจะเจอน้ำยาวิวัฒนาการที่มีให้สำหรับเขานั้น ไม่ถือว่าเยอะไปหน่อยหรือ ? หรือว่ากระทะเหล็กของเขาจะดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการนี้ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์กัน ?
ตรงนี้ที่บอกว่ามีโอกาศ 1 ใน 10 มันขัดกับตอนแรก ที่พูดเหมือนซอมบี้ทุกตัวต้องได้น้ำยา เพราะตอนนั้น ยังสงสัยว่าทำไมไม่มีน้ำยาแล้วยังบอกอีกว่าโดนทุบจนเละ