px

เรื่อง : Rebirth Of the Urban Immortal Cultivator
ตอนที่ 20 : ผู้เชี่ยวชาญระดับพลังภายใน


เมื่อเฉินฟานมาถึงร้านอาหาร เขาก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าบอดี้การ์ดของโจวเทียนฮ่าวอย่างอาเปียวได้รับบาดเจ็บที่แขน

 

แขนของอาเปียวถูกมัดด้วยผ้าพันแผล และถูกห่อด้วยสายสะพาย เฉินฟานคาดว่ามีใครบางคนได้หักแขนของเขา

 

‘ใครเป็นคนทำ?’ เฉินฟานคิดด้วยความสงสัย

 

เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของอาเปียวเป็นอย่างดี ความเสียหายอะไรก็ตามที่เขาได้ทำกับอาเปียวจากการเตะในคืนนั้นน่าจะหายดีไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมแขนของเขาถึงหัก?

 

เฉินฟานเดินเข้ามาหาโจวเทียนฮ่าว และภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

 

“บอสโจว ฉันไม่คิดว่าคุณต้องการให้ฉันมาที่นี่เพื่อฟังคำขอโทษจากคุณ ดังนั้นคุณต้องการอะไร?”

 

“ผมรู้ว่าผมคงไม่สามารถปิดบังคุณได้!” โจวเทียนฮ่าวไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อยที่เขามีข้ออ้างแอบซ่อนในการเกลี้ยกล่อมให้เฉินฟานมาที่นี่ “เอ่อ... ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้คุณช่วยเหลือผมสักเล็กน้อย”

 

“ฉันกำลังฟังอยู่” เฉินฟานพยักหน้าเล็กน้อย

 

โจวเทียนฮ่าวก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วส่งสัญญาณไปให้พี่สาวหรูเพื่อบอกให้คนอื่นออกจากห้อง เมื่อทุกคนออกไปจากห้อง รอยยิ้มอันเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจวเทียนฮ่าว และพูด

 

“ตั้งแต่ที่พี่ใหญ่เฉินรู้จักกับคุณเว่ย เช่นนั้นพวกเราก็เป็นฝ่ายเดียวกัน ผมจะบอกรายละเอียดให้คุณฟัง”

 

“หนึ่งในคู่แข่งของผมที่ได้หนีออกไปต่างประเทศในช่วงต้นปีตอนนี้ได้กลับมาเดินเล่นบนสนามหญ้าของผมแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มสร้างปัญหาให้กับธุรกิจของผม ผมจึงเข้าไปพูดคุยกับเขา แต่ระยำเอ๊ย! คุณดูสิ่งที่เขาทำกับอาเปียวสิ!” โจวเทียนฮ่าวสาปแช่งอย่างเสียงดัง

 

“นายต้องการให้ฉันทำอะไร?” ริมฝีปากของเฉินฟานยกขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงระหว่างคนปกติเหล่านี้

 

“ผมรู้ว่าคุณไม่สนใจเกี่ยวกับปัญหาของผม แต่ถ้าผมบอกคุณว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นอย่าง—” โจวเทียนฮ่าวหยุดชั่วครู่แล้วถอนหายใจ “เขากลับมายังประเทศจีน ผมไม่แน่ใจว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดที่ผมเห็นเขา เขาพยายามที่จะสร้างปัญหา แต่ไม่สนใจเรื่องเงิน ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรทำให้เขาขุ่นเคืองเมื่อตอนที่เรายังเป็นวัยรุ่น ผมได้นำบอดี้การ์ดจำนวนสิบคนไปด้วย แต่บอดี้การ์ดของผมทั้งหมดถูกจัดการโดยเขา”

 

“โอ้?” ความสนใจของเฉินฟานถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขามองไปที่อาเปียว และถาม “พลังของเขาเทียบกับฉันแล้วเป็นอย่างไร?”

 

“เขาแข็งแกร่งมากเกินไปสำหรับผมที่จะจัดการกับเขาได้ นั่นคือทั้งหมดที่ผมรู้ ผมไม่สามารถทนได้แม้แต่หมัดเดียวจากเขา ในความคิดของผม เขาแข็งแกร่งกว่าคุณมาก” อาเปียวยิ้มอย่างขมขื่น “ผมฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้มาก่อนเลย”

 

เฉินฟานพยักหน้า

 

เขาคาดว่านี่คงจะต้องเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หรือผู้ฝึกยุทธ์ระดับพลังภายใน สำหรับความคิดเห็นของอาเปียวที่ดูเหมือนจะลดทอนความแข็งแกร่งของเขา เฉินฟานนั้นไม่สนใจ

 

ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขาเตะอาเปียว เขาใช้พลังเพียง 30% เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะตายไปแล้ว ด้วยความก้าวหน้าในการบ่มเพาะล่าสุดของเขา เขาคิดว่าการโจมตีของเขาน่าจะมีพลังยิ่งกว่าเมื่อสามเดือนก่อนเป็นอย่างมาก

 

“ไอ้เวรนั่นขอให้ผมไปพบเขาที่เกาะกลางทะเลสาบหยานกุ้ยในคืนนี้ ผมจะขอบคุณพี่ใหญ่เฉินมากถ้าพี่ไปกับผมด้วย” โจวเทียนอ่าวพูดด้วยน้ำเสียงวิงวอน

 

เฉินฟานเลิกคิ้วขึ้น มีบางอย่างบอกเขาว่า ทั้งหมดนี่มีอะไรมากกว่าที่เห็น อย่างไรก็ตามเนื่องจากตอนนี้เขาต้องการเงิน เขาจึงยอมรับข้อเสนอเพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทน และพบปะกับผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้พลังภายใน

 

แม้ว่าโจวเทียนฮ่าวจะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณเว่ย แต่เขาก็ยังไม่เชื่อในความสามารถของเฉินฟาน การที่เขาเชิญเฉินฟานมาก็เพื่อทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

“แน่นอน ฉันจะไปกับคุณ”

 

“เยี่ยม!” โจวเทียนฮ่าวมีความสุขมากหลังจากที่ได้ยินการตัดสินใจของเฉินฟาน “ก่อนที่พี่ใหญ่เฉินจะจากไป ผมอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักกับผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังคนอื่น”

 

เฉินฟานคิดถูก โจวเทียนฮ่าวได้เชิญผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ “คนอื่น” มาด้วยจริงๆ ตัวเขาเองเป็นเพียงมาตรการฉุกเฉินเท่านั้น

 

ในขณะที่พี่สาวหรูได้ดื่มชาแดง ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ด้านนอกก็เริ่มทยอยเข้ามาอย่างช้าๆ

 

โจวเทียนฮ่าวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ และเดินไปหาหัวหน้ากลุ่มด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

 

“อาจารย์กั๋ว! ในที่สุดคุณก็มา! เชิญเข้ามาเลยครับ!”

 

หัวหน้ากลุ่มคือชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำ ดวงตาของเขาส่องประกายขณะที่เขาเดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นคง และหนักแน่น ตามมาด้วยกลุ่มลูกศิษย์หนุ่มสาวที่อยู่ด้านหลัง

 

โจวเทียนฮ่าวแนะนำกลุ่มผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่เดินเข้ามาให้กับเฉินฟาน “พี่ใหญ่เฉิน นี่คือผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ผมพูดถึง เขาคืออาจารย์กั๋วเว่ยจากสโมสรศิลปะการต่อสู้เว่ยเฉียง!

 

กั๋วเว่ยจ้องมองเฉินฟานอย่างเย็นชา และพูด “เด็ก? นายจะมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์ให้กับเราอย่างนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า!”

 

ภายในห้องตกสู่ความเงียบงันทันที หลังจากนั้นไม่นานโจวเทียนฮ่าวก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายความอึดอัด “ไม่ ไม่ใช่ นี่คือพี่ใหญ่เฉิน อย่าปล่อยให้อายุของเขาหลอกคุณได้ เขาเป็นนักสู้ ไม่เชื่อคุณลองถามอาเปียวดูสิ”

 

“ดูเหมือนว่าคุณยังไม่รู้จักคู่ต่อสู้ของคุณดีสักเท่าไหร่” กั๋วเว่ยส่ายหัว และพูดอย่างไม่ใส่ใจ “บอดี้การ์ดของคุณเป็นเพียงแค่เค้กชิ้นหนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้อย่างมากก็แค่มีระดับการต่อสู้อยู่เหนือบอดี้การ์ดของคุณแค่นิดหน่อยเท่านั้น”

 

“งั้นเหรอ?” โจวเทียนฮ่าวถาม จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับพลังที่แน่นอนของคู่ต่อสู้

 

เฉินฟานยิ้ม และรักษาความเงียบของเขาไว้ จนถึงตอนนี้เขายังคงสนุกกับการแสดงของอาจารย์กั๋วคนนี้อยู่

 

เขาจำที่คุณเว่ยบอกกับเขาได้ นอกจากตระกูลเว่ยแล้ว ยังมีผู้ก่อตั้งสโมสรศิลปะการต่อสู้เว่ยเฉียงที่สามารถใช้พลังภายในได้ คุณเว่ยน่าจะพูดถึงอาจารย์กั๋ว และลูกศิษย์ของเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นที่ประจักษ์แก่เฉินฟานแล้วว่าพลังของอาจารย์กั๋วนั้นน่าสมเพชเป็นอย่างมาก และไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณเว่ยดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเขาสักเท่าไหร่

 

อาจารย์กั๋วมองเฉินฟานด้วยท่าทีที่ดูถูก จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา

 

“บอสโจว คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังภายในบ้างหรือไม่?”

 

“พลังภายใน?” โจวเทียนฮ่าวขมวดคิ้ว และพึมพำ “ฟังดูคุ้นๆ”

 

อย่างไรก็ตามบอดี้การ์ดอย่างอาเปียวรู้สึกตื่นเต้นกับคำถามนี้ มือที่หักของเขาสั่นเล็กน้อย และถามออกมา “คุณหมายถึงคนคนนั้นใช้พลังภายในใช่ไหมครับ?”

 

กั๋วเว่ยพยักหน้าแล้วจ้องมองไปที่บอดี้การ์ด “ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับพลังภายใน เขาจะหักแขนของคุณได้อย่างไรด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว? ความแข็งแกร่งของพลังภายในนั้นเกินกว่าขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์จะทนรับได้”

 

“อาเปียว นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง?” โจวเทียนฮ่าวถามบอดี้การ์ด

 

อาเปียวยิ้มแล้วพูด “ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อตอนที่ผมเรียนรู้อยู่กับท่านอาจารย์ของผม ท่านอาจารย์บอกผมว่าเมื่อพลังของผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาถึงจุดจุดหนึ่ง เขาก็จะสามารถปลดปล่อยพลังงานภายในออกมาด้านนอก และก่อตัวเป็น “พลังภายใน”

 

“ผมคิดมาเสมอว่าท่านอาจารย์ของผมเพียงแค่หลอกลวงผมเท่านั้น ดังนั้นผมจึงไม่เคยให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ผมยังจำได้ว่าท่านอาจารย์ของผมบอกว่า เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ไปถึงระดับพลังภายใน เขายอมรับว่าเขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถใช้พลังภายในมาก่อนเลยในชีวิต”

 

“อาจารย์ของคุณพูดถูก ในโลกปัจจุบันมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้พลังภายในได้ อย่างไรก็ตามหากผู้ที่มีพลังภายในปลดปล่อยพลังเข้าไปในร่างกายคนอื่น คนผู้นั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อของพวกเขายังสามารถจัดการผู้ที่ใช้อาวุธที่ทันสมัยเช่นปืนให้กลายเป็นไร้ประโยชน์” กั๋วเว่ยพูด “แน่นอนว่าพลังภายในไม่ใช่จุดสิ้นสุด ยังคงมีระดับพลังที่เหนือกว่าระดับพลังภายในอยู่อีก นั่นก็คือพลังระดับปรมาจารย์ผู้หลุดพ้น เมื่อไปถึงระดับนั้น พลังของผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ก็ราวกับเทพเจ้า”

 

ดวงตาของโจวเทียนฮ่าวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นั่นเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”

 

“ฮี่ฮี่” กั๋วเว่ยหัวเราะ

 

เขายื่นฝ่ามือออกมาแล้วเหวี่ยงลงบนโต๊ะ เมื่อเขาดึงมือของเขากลับ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

 

ฝ่ามือของอาจารย์กั๋วได้ทิ้งรอยฝ่ามือที่ตื้น แต่เห็นได้ชัดไว้บนโต๊ะ

 

“นะ นี่คือพลังภายในงั้นเหรอ?” ดวงตาของโจวเทียนฮ่าวเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ

 

อาเปียวเหงื่อไหลที่หน้าผากเมื่อเขาสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฝ่ามือนี้กดลงบนร่างกายของเขา

 

เฉินฟานมองดูอย่างเงียบๆแล้วส่ายหัว

 

สิ่งที่กั๋วเว่ยแสดงออกมาไม่นับว่าเป็นอะไรเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำกับลำต้นของต้นวิลโลว์ ไม่เพียงแต่โต๊ะนี้จะมาทำจากพลาสติก แต่พลังภายในของเขายังไม่สามารถปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือได้เลยแม้แต่เซนติเมตรเดียว

 

อย่างไรก็ตามโจวเทียนฮ่าวนั้นประทับใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เขาเห็น “เช่นนั้นอาจารย์กั๋วก็สามารถใช้พลังภายในได้! ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเราสามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของฉันได้!”

 

ด้วยความมั่นใจใหม่ที่ค้นพบ ในที่สุดโจวเทียนฮ่าวก็ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความบาดหมางกับศัตรูของเขา “ชายคนนี้มีชื่อว่าหลินเป่า เราเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันเมื่อฉันเริ่มก่อตั้งบริษัทของฉันขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากผ่านคู่แข่งไปไม่กี่คน ฉันก็ชั่งน้ำหนักในการจัดการกับเขา ในที่สุดฉันก็ทำให้บริษัทของเขาล้มละลาย และเขาก็หนีไปต่างประเทศ ใครจะไปคิดกันว่าเขาจะกลับมาในฐานะผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้? ฉันต้องขอบคุณพระเจ้าสำหรับความช่วยเหลือของคุณ อาจารย์กั๋ว เพราะเรื่องนี้ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันจึงไม่สามารถนอนหลับได้เลย”

 

หลังจากนั้นโจวเทียนฮ่าวก็หยิบกระเป๋าเอกสารออกมา และดันมันเข้าไปในอ้อมแขนของกั๋วเว่ย

 

“อาจารย์กั๋ว นี่คือเงินครึ่งแรก ในนี้มีเงินทั้งหมดห้าล้านหยวน หลังจากเราจัดการกับเพื่อนเก่าของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะโอนเข้าบัญชีให้คุณอีกห้าล้านหยวน และจะแนะนำคุณกับบอสของฉัน ‘เว่ยซานเย่’ ฉันมั่นใจว่าซานเย่จะสามารถใช้พรสวรรค์ของคุณได้เป็นอย่างดีเช่นกัน”

 

(เว่ยเหลา คือเว่ยซานเย่นะครับ)

 

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเทียนห่าว กั๋วเว่ยก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

 

แม้ว่าเงินที่ได้รับจะดี แต่เขาไม่ได้ให้ความช่วยเหลือกับโจวเทียนฮ่าวเพียงเพื่อเงิน ที่เขาทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อคอนเนคชั่นกับบอสที่ทรงพลังของโจวเทียนฮ่าว

 

เฉินฟานเฝ้ามองโดยไม่พูดอะไร

 

เขาคาดว่าโจวเทียนฮ่าว และอาจารย์กั๋วไม่รู้ว่าคุณเว่ยเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง ตามความเป็นจริงแล้วหลานสาวของเว่ยซานเย่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญพลังภายในที่ทรงพลังมากกว่ากั๋วเว่ยด้วยเช่นกัน

 

ที่โต๊ะอาหาร กั๋วเว่ยกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว ทุกคนประจบประแจงเขาเพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองตามที่เขาให้สัญญาไว้

 

พวกเขาตกใจอย่างยิ่งกับการแสดงความแข็งแกร่งของกั๋วเว่ย การแสดงออกถึงพลังภายในของเขาเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับคนอื่นๆ

 

เฉินฟานเดินออกจากโต๊ะอาหาร และโทรศัพท์ไปหาพี่สาวหยิง และหัวหน้าครูเพื่อขอลาหยุดในช่วงบ่ายวันนั้น

 

หลังจากทารอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กั๋วเว่ยลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองดูรายชื่อคนที่จะไปกับเขาด้วยซึ่งได้แก่ โจวเทียนฮ่าว อาเปียว มือปืนสองคน และหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาที่กำลังใกล้จะก้าวเข้าสู่ระดับพลังภายใน พวกเขาทั้งหกจะไปพบกับหลินเป่าบนเกาะ

 

เมื่อเห็นว่าเฉินฟานไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อ โจวเทียนฮ่าวก็พูดขึ้นมา

 

“อาจารย์กั๋ว ฉันได้เชิญพี่ใหญ่เฉินเข้าร่วมด้วย ทำไมคุณถึงไม่พาเขาไปด้วยล่ะ?”

 

“ฉันบอกคุณแล้วว่าทำไม นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาจะไม่สามารถทนได้แม้แต่หมัดเดียวของหลินเป่า” กั๋วเว่ยอธิบาย

 

โจวเทียนฮ่าวทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขามองไปที่เฉินฟาน และหันกลับไปมองที่อาจารย์กั๋ว

 

เฉินฟานพูดอย่างแผ่วเบา “เมื่อคุณเชิญฉันมาแล้ว ฉันจึงต้องไปปกป้องคุณ”

 

“นอกจากนี้ฉันไม่เชื่อเรื่องเล่าอันสูงส่งเกี่ยวกับพลังภายใน และพลังอมตะหรืออะไรก็ตามแต่”

 

“เด็กน้อย คุณยังเด็ก และไร้เดียงสามาเกินไป!” กั๋วเว่ยเยาะเย้ย

 

แม้เขาจะลังเล แต่ในที่สุดโจวเทียนฮ่าวก็ตัดสินใจที่จะให้เฉินฟานไปกับเขาด้วย ทั้งหมดนี่เป็นเพราะชายหนุ่มเป็นเพื่อนกับคุณเว่ย

 

กั๋วเว่ยแค่นเสียง และปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างไม่เต็มใจ

----------------------------------------------------------------

ฝากกดไลค์เพจหน่อยนะค้าบ Rebirth Of The Urban Immortal Cultivator ขอบคุณครับ

รีวิวผู้อ่าน