px

เรื่อง : เพลิงพิโรธสวรรค์
บทที่ 11 หอสมบัติ


 

เม็ดยาไร้ประโยชน์ มันคือเม็ดยาที่ถูกกลั่นและแปรสภาพและถูกตรวจสอบว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพไม่มากพอที่จะสามารถใช้ได้ 

 

ผู้เฒ่าหลิ่วนั้นไม่รู้ว่าเม็ดยาระดับพิภพสองเม็ดที่เขากลั่นมาได้เมื่อวานนี้ถูกสร้างขึ้นมาในตอนที่เจียงอี้ขับแก่นแท้พลังสีดำสองเส้นเข้าไป ผู้เฒ่าคิดว่าเขาได้เพิ่มส่วนผสมยาอื่นๆลงไป และเขาได้เปลี่ยนสูตรยาไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ 
 

หลังจากที่ผู้เฒ่าได้ใช้เวลาตลอดทั้งคืนไปกับการค้นคว้าหาส่วนผสมที่ปรากฏขึ้นมาอย่างลึกลับในเม็ดยานั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถหาส่วนผสมลึกลับได้ 

 

ดังนั้นตลอดช่วงเช้าของวันนี้ ผู้เฒ่าจึงพยายามที่จะเพิ่มส่วนผสมยาทุกชนิดลงไป โดยหวังว่าจะผสมให้กลายเป็นเม็ดยาระดับพิภพเช่นเดียวกับที่เขาได้มันมาเมื่อวาน 

 

การปรุงยานั้นถือเป็นงานที่เข้มงวดมาก เพราะส่วนผสมที่ใช้ในสูตรยาจะต้องมีความแม่นยำไม่มากและไม่น้อยเกินไป ส่วนผสมของยาทุกชนิดจะต้องมีความแม่นยำจนถึงขั้นที่ชั่งแล้วต้องทำให้ความแตกต่างของปริมาณของส่วนผสมไม่ถูกเคลื่อนไปมากกว่าหรือน้อยกว่าห้ากรัม 

 

หรือแม้กระทั่งเวลาหลอมสมุนไพร, กระบวนการดูแลอุณหภูมิของหม้อยาและกระบวนการทำยาเป็นก้อน ในทุกๆขั้นตอนนั้นจะต้องทำด้วยความแม่นยำทั้งหมด ไม่เช่นนั้นก็จะกลั่นออกมาเป็นเม็ดยาที่ไร้ประโยชน์ 

 

เม็ดยาที่ผู้เฒ่าหลิ่วได้ปรุงยาขึ้นมาในวันนี้ มันเป็นสูตรเดียวกับที่เขาใช้ปรุงยาเมื่อวาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ผู้เฒ่าผสมยาอยู่นั้น เขาก็เพิ่มส่วนผสมอื่นๆเข้าไปอีก 

 

กล่าวคร่าวๆคือ ตามธรรมชาตินั้น ยาทุกชนิดที่คุณภาพต่ำจะต้องกลายเป็นยาที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี แต่ก็ไม่ใช่กับเม็ดยาระดับมนุษย์ขั้นสูงที่ยังสมควรถูกปรุงขึ้นมา หรือแม้แต่เม็ดยาระดับพิภพนั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  

 

โดยปกติแล้ว นักปรุงยาจะปฏิบัติต่อสิ่งที่เขาผลิตขึ้นมาอย่างดีที่สุด อย่างเช่น แม้มันจะเป็นเพียงแค่เม็ดยาไร้ประโยชน์ที่ถึงแม้ว่าจะมีพลังที่ไร้ขอบเขต แต่พวกเขาก็จะไม่ยอมให้เม็ดยาเหล่านั้นถูกใช้และถูกนำไปสู่การเสื่อมเสียชื่อเสียง 

 

หากประสิทธิภาพของเม็ดยาไร้ประโยชน์นั้นสร้างปัญหาใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการมีผู้คนใช้มัน มันจะกลายเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของนักปรุงยาผู้นั้นไปตลอดกาล 

 

เจียงอี้ไม่มีความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้เลย ขณะนี้เขานั้นไม่สามารถเรียนรู้วิธีการปรุงยาอย่างดีได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และตัวเจียงอี้ก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องเม็ดยาใดๆในห้องเก็บยา เขาก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เม็ดยาไร้ประโยชน์นี่ 

 

เขาถอนหายใจอย่างแรงก่อนที่จะตัดสินใจในที่สุด  ป้ายคำสั่งที่เจียงอี้มอบให้กับหอนางโลมเฟิงเยว่ที่ถูกนำไปเป็นหลักประกัน มันตราตรึงอยู่ในใจของเขาราวกับดาบคมๆกำลังจี้อยู่ที่คอของเขา มันกดดันจนทำให้เจียงอี้รู้สึกหายใจไม่ออก 

 

เจียงอี้หยุดคิดเรื่องการกินข้าวกลางวันไป และตัดสินใจที่จะลองรวมยาไร้ประโยชน์สิบกว่าเม็ดนี่ดูก่อน 

 

เมื่อช่วงเช้าผู้เฒ่าไม่ได้เสียสมุนไพรมากเกินไป เพราะในแต่ละหม้อที่ปรุงยาตลอดช่วงเช้านี้มันเป็นส่วนผสมของการทำเม็ดยาแค่เพียงหม้อละสามถึงสี่เม็ด 

 

เจียงอี้ทำเป็นทำความสะอาดห้องปรุงยา หลังจากที่เขารอและเห็นว่าผู้เฒ่าหลิ่วยังไม่กลับมาก็ลงมือทันที เขาหยิบเม็ดยาสองเม็ดออกมา แล้วโยนลงในหม้อขนาดเล็ก

 

ก่อนที่จะทำตามผู้เฒ่าหลิ่ว และทำให้หม้อขนาดเล็กนี่อุ่นขึ้นด้วยถ่านหิน เจียงอี้ค่อยๆขับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินออกมาหลังจากที่รออยู่ครู่หนึ่ง และเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหม้อผ่านแก่นพลังของเขา 

 

“เกือบจะเสร็จแล้ว! ข้าจะพยายามต่อไป!” 

 

เจียงอี้สังเกตวิธีทำเพียงครึ่งวัน เขาจึงยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับวิธีการปรุงยาเท่าไหร่นัก 

 

เจียงอี้รู้สึกได้ถึงความร้อนภายในหม้อที่กำลังกลายเป็นเหมือนท่อน้ำร้อน และเม็ดยาที่ไร้ประโยชน์ก็กำลังดูดซับแก่นแท้พลังสีน้ำเงิน จากนั้นเจียงอี้ก็ขับแก่นแท้พลังสีดำเข้าไปภายในหม้อเส้นหนึ่งในทันที 

 

ตูมม! 

 

ภายในหม้อต้มยาก็สั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทกเกิดเป็นคลื่นสั่นสะเทือนขนาดใหญ่จนทำให้เจียงอี้ล้มลงไป แต่นั่นก็ทำให้ตาเขาส่องประกายขึ้น 

 

ไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้ ที่เม็ดยาระดับพิภพนั่นถูกกลั่นออกมานั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ยาเม็ดเดิมระเบิดหรอกหรือ 

 

เจียงอี้รีบลุกขึ้นและเปิดฝาหม้อ เขามองลงไปภายในหม้อ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆที่เขานั้นจะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เม็ดยาไร้ประโยชน์ที่อยู่ภายในหม้อนั้น มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างสมบูรณ์ 

 

“ข้าจะหาทางสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร” 

 

เจียงอี้รู้สึกสับสนไปหมด เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าเม็ดยานั้นสามารถนำกลับมาละลายและกลั่นใหม่ได้ แต่เขาไม่รู้วิธีการทำที่เฉพาะเจาะจง 

 

หากทุกกระบวนการที่เจียงอี้ได้สังเกตมาเมื่อช่วงเช้าและละลายเม็ดยาและกลั่นมันด้วยตัวเองได้ในครั้งเดียว เขาก็คงจะเป็นอัจฉริยะในด้านการปรุงยาไปแล้ว... 

 

หลังจากที่ครุ่นคิดถึงสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง เจียงอี้ก็โยนเม็ดยาไร้ประโยชน์อีกสามเม็ดลงไปก่อนที่จะใช้ถ่านหินให้ความร้อนแก่หม้อต้มยาและขับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินออกมาอย่างต่อเนื่อง 

 

ผลที่ได้ในครั้งนี้ คือยาภายในหม้อไม่มีการระเบิดออกมา เมื่อเจียงอี้เปิดฝาดู เขาพบว่ายาภายในหม้อนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสถานะเดิมของพวกมันเลย 

 

"ทำไมข้าไม่ลองเพิ่มผงยาและทำการทดลองมันล่ะ?" 

 

เจียงอี้นั่งลงไปที่พื้นและคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจทดลองปรุงยาแบบสุ่ม ยังไงยาที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นก็ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้ว 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เจียงอี้จะลองใช้แก่นแท้พลังสีดำมากขึ้น ยังไงซะเจียงอี้ก็สามารถนั่งสมาธิเพื่อสะสมแก่นแท้พลังสีดำได้ตลอดอยู่แล้ว

 

เจียงอี้นำผงยาบางส่วนจากห้องเก็บสมุนไพรมาโดยการสุ่มเลือก และโรยมันลงในหม้อก่อนที่จะโยนเม็ดยาลงไป หลังจากให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม

 

เขาก็ขับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินออกมา ขั้นตอนสุดท้าย เจียงอี้ก็ขับแก่นแท้พลังสีดำออกมาสองเส้นเข้าไปในหม้อยา 
 

ตูมม! 
 

หม้อต้มยาก็ได้สั่นสะเทือนอย่างแรงอีกครั้ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปเพื่อที่จะมอง สีหน้าของเจียงอี้ก็เปลี่ยนไป เม็ดยาสามเม็ดที่อยู่ข้างในหม้อนอกเหนือจากยาเม็ดเดิมที่ใส่เข้าไปครั้งแรก ได้ระเบิดอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ในหม้อไม่เหลือเม็ดยาแม้แต่เพียงเม็ดเดียว 

 

"โถ่เอ้ย! ข้าจะทำมันออกมาได้อย่างไรกัน? " 
 

เจียงอี้นั่งลงไปที่พื้นและเริ่มไตร่ตรองสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้น เขาคิดใคร่ครวญมานานมากแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงอยู่ดี

 

แต่ทันใดนั้นดวงตาของเจียงอี้ก็เปล่งประกายขึ้น เจียงอี้ตบเข้าไปที่หน้าผากของตัวเอง เขายืนและเดินตรงไปที่ห้องข้างๆ 
 

มีหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการปรุงยาอยู่บนชั้นวางหนังสือในห้องนั้น บางทีเจียงอี้อาจจะค้นพบวิธีในการเปลี่ยนแปลงเม็ดยาไร้ค่าเป็นเม็ดยาที่ดีก็ได้

 

“เจอแล้ว!” 
 

หลังจากค้นดูหนังสือที่มีแต่วิธีการยากๆห้าหรือหกเล่ม ในที่สุดเจียงอี้ก็พบคู่มือที่ง่ายขึ้น เกี่ยวกับกระบวนการปรับปรุงเม็ดยา เขาพลิกหน้าหนังสือไปสองสามหน้า เขาก็พบวิธีที่ถูกต้องสำหรับวิธีการกลั่นเม็ดยาใหม่อีกครั้ง 

 

“กระบวนการหลอมยาใหม่จะต้องมีการเติมส่วนผสมยา เช่นผงโกฐขี้แมวหรือเรียกอีกชื่อว่าผงเส็กตี่ สำหรับการที่จะเปลี่ยนแปลงเม็ดยาให้กลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งหลังจากทำการละลายเม็ดยาเก่า และตัวยาเริ่มละลาย....”
 

เจียงอี้เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเขาควรทำอะไร เขาหยิบหนังสือ "บันทึกสมุนไพร" และรีบไปที่ห้องปรุงยาเพื่อค้นหาผงโกฐขี้แมวทันที เขาหาผงโกฐขี้แมวในหม้อลายครามเจออย่างรวดเร็ว และเริ่มทำการละลายส่วนผสมอีกครั้ง 
 

ตูมม! 
 

เมื่อเขาโยนเม็ดยาสามเม็ดลงไปและขับพลังของแก่นแท้สีดำเข้าไป เสียงระเบิดก็ดังขึ้นภายในหม้อ เมื่อเขาเปิดฝาหม้อขึ้นเพื่อตรวจสอบผลการทดลองนี้ เขาค้นพบว่าเม็ดยาสามเม็ดในหม้อได้ระเบิดและแตกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง ... 
 

“เห้อ ช่างมันเถอะ ข้าจะลองมันอีกเป็นรอบสุดท้าย หากว่าข้าล้มเหลวอีกครั้ง ข้าจะกลับบ้านไปนั่งกินข้าวแล้ว....”
 

เจียงอี้โยนยาไร้ประโยชน์ทั้งเจ็ดเม็ดที่เหลืออยู่ลงไปในหม้อ ก่อนที่จะใส่ผงโกฐขี้แมวลงไปและทำการละลายและคงอุณหภูมิเป็นครั้งสุดท้าย นอกจากนั้น ในครั้งนี้เขาได้ขับแก่นแท้พลังสีดำทั้งสามเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ในตันเทียนของเขาลงไปในหม้อยา 
 

ตูม! 
 

เหมือนที่เจียงอี้คาดไว้ เสียงระเบิดดังมาจากหม้อต้มยาอีกเช่นเคย ครั้งนี้เจียงอี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่เมื่อเขายกฝาหม้อขึ้น เขาค้นพบว่าเม็ดยาอายุวัฒนะสามเม็ดนั้นไม่ได้แตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ

 

แต่มันกลับเรียงกันอยู่ภายในหม้อเฉยๆ ซึ่งมันสร้างความประหลาดใจให้กันเจียงอี้มาก ด้านบนของเม็ดยานั้นมีแสงสีดำไหลเวียนไปมา ด้วยเม็ดที่มีลวดลายเหมือนเส้นเลือดจาง ๆ ทำให้เม็ดยานี้ดูสวยแปลก ๆ 
 

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันนับว่าเป็นความสำเร็จหรือไม่กันนะ?” 
 

เจียงอี้รู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน เขาหยิบเม็ดยาสีดำสามเม็ดจากภายในหม้อขึ้นมา และดมกลิ่นจางๆที่โชยออกมาจากหม้อนั้น เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นมากจนร่างกายของเขาเริ่มสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจ้องไปที่เม็ดยาสามเม็ดที่อยู่ในฝ่ามืออย่างใจจดใจจ่อ....เม็ดยานั้นมีเสน่ห์ราวกับมีสามสาวงามกำลังเปลือยกายอยู่ต่อหน้าเขา 
 

"เหมือนมาก! มันเหมือนกันมากๆ! พวกมันดูเหมือนเม็ดยาระดับพิภพสองเม็ดที่กลั่นได้เมื่อวาน!  เม็ดยาระดับพิภพแต่ละเม็ดนี่จะราคาเท่าไหร่กันนะ? บางที…ถ้าข้าขายเม็ดยาทั้งสามเม็ดนี่ มันจะมีค่าประมาณสิบตำลึงทองหรือไม่นะ?" 
 

เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขารีบหยิบขวดลายครามเล็กๆที่ว่างเปล่าขึ้นมา แล้วเก็บยาไว้ข้างใน หลังจากทำความสะอาดห้องปรุงยา เจียงอี้ก็ปิดประตูห้องยาและเดินกลับไปที่ลานบ้านเล็กๆของตัวเอง 

... 

 

เมื่อเจียงอี้กลับมาถึงบ้านและมานั่งกินข้าว เจียงเสี่ยวนู๋ก็นั่งอยู่ข้างๆเขาด้วย นางพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ "นายน้อย  ชุนหยาบอกว่า ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งตรงถนนทางทิศใต้นั้นต้องการคนไปล้างจาน ข้าคิดว่า ข้าจะไปกับนางเพื่อ..... " 
 

"ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด!" 
 

เจียงอี้ตัดบทสนทนาของนางทันทีและเตือนนางว่า "เสี่ยวนู๋ เจ้าต้องจำไว้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปนอกลานบ้านของที่พักตำหนักเจียง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จงลืมไปได้เลยว่าข้าเป็นนายน้อยของเจ้า" 
 

ดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋เปิดเผยถึงความกังวลของนาง นางกัดฟันและตอบว่า

 

"ถ้าเราไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายในหนึ่งเดือนและหากว่าคนจากหอนางโลมเฟิงเยว่มาที่นี่เพื่อเรียกร้องเงินของพวกเขา และตำหนักลงทัณฑ์นั้นจะต้องลงโทษนายน้อยเป็นแน่ มันไม่เป็นไรเลยหากข้าถูกเฆี่ยนจนตาย แต่นายน้อย ... " 
 

เจียงอี้วางตะเกียบของเขาแล้วลูบหัวเสี่ยวนู๋ เขายิ้มและตอบว่า “เสี่ยวนู๋ เจ้าไม่ต้องกังวลนะ เจ้าเชื่อในตัวนายน้อยของเจ้านะ! เราจะมีเงินมากพอในเร็วๆนี้!”
 

เมื่อนึกถึงเม็ดยาสามเม็ดในกระเป๋าเสื้อของเขา เจียงอี้ก็ยิ้มกว้าง ความเร็วในการข้าวของเจียงอี้ก็เพิ่มขึ้น ผ่านไปเพียงชั่วขณะ เขาก็พึ่งกินข้าวกลางวันเสร็จและออกจากบ้านหลังจากที่กำชับสิ่งต่างๆแก่เสี่ยวนู๋เสร็จ 
 

คราวนี้เขาไม่ได้เดินไปที่ห้องปรุงยา แต่เดินไปอีกทางนึงและตรงดิ่งเข้าไปในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว เจียงอี้กำลังจะเดินไปที่ร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ซึ่งที่นั่นก็คือ หอสมบัติ! 
 

เป็นที่รู้กันว่าหอสมบัตินั้นเป็นสมบัติของตระกูลจี เป็นตระกูลที่ดูแลเรื่องการปกครองเมือง หอสมบัติแห่งนี้มีสมบัติล้ำค่ามากมายอยู่ภายในนั้น มีคำกล่าวว่า ในนั้นมีทุกสิ่งที่ทุกคนอยากได้ 

 

ในเวลาเดียวกันนั้น หอสมบัติก็ได้รับการยอมรับจากประชาชนว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการขายสมบัติของพวกเขาโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโกง 
 

เจียงอี้ไม่สามารถสุ่มเลือกที่ที่จะขายเม็ดยาได้ เพราะเผื่อในกรณีที่เจียงอี้ถูกสงสัยและหากคนอื่นๆต้องการที่จะรู้เรื่องของเขา ปัญหาอื่นๆก็จะตามมาด้วย 

 

เมืองเทียนอวี่ ทั้งหมดเป็นของตระกูลจี - สมบัติทุกประเภทที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนมักจะมีอยู่ในหอสมบัติ โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่หลอกพวกที่เหมือนแมลงวันตัวเล็กๆแบบเจียงอี้ 
 

ระหว่างทางไปยังหอสมบัติ เขาก็หยุดแวะร้านขายเสื้อผ้าใกล้ๆ เจียงอี้ใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่เขาจะสวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับหมวกที่ปิดบังใบหน้าของเขาไว้ 
 

เจียงอี้เป็นทายาทของตระกูลเจียง จะเป็นอย่างไรถ้าหากมีคนเห็นเขาไปที่หอสมบัตินั่นและยังขายเม็ดยาวิญญาณอีกด้วย! 

 

ซึ่งนั่นอาจจะทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยเกี่ยวกับเจียงอี้และคิดว่าเจียงอี้นั้นขโมยยาออกมาจากห้องปรุงยาและแอบเอายาออกมาขายข้างนอก เพราะเหตุนั้น เจียงอี้จึงต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น 
 

หลังจากนั้นเพียงห้านาที เจียงอี้ก็มาถึงจัตุรัสใจกลางเมืองเทียนอวี่ ผู้คนเดินเข้าและออกจากจัตุรัสอย่างคึกคักและเต็มไปด้วยการค้าขายซึ่งภายในนั้นก็มีผู้คนมากมายพอสมควร 

 

ตั้งแต่ที่เจียงอี้ใส่ชุดคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้านั้น เจียงอี้ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ในเมืองนั้นมีผู้คนหนาแน่นและมีเสียงดัง จึงมีเพียงไม่กี่คนที่จะสนใจเจียงอี้ 
 

เจียงอี้ค่อยๆก้มหน้าลงต่ำเพื่อปิดบังใบหน้าและเดินต่อไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงอาคารสามชั้นที่สง่างาม ณ ทางใต้ของจัตุรัสเมืองเทียนอวี่

 

หอสมบัติ! 
 

เจียงอี้เงยหน้าขึ้นมองแผ่นโลหะขนาดใหญ่ที่มีตัวอักษรสีทองตัวหนาๆสามตัวที่ห้อยอยู่เหนือประตูหลัก เขากัดฟันและเม้มปาก ก่อนที่จะตัดสินใจย่างก้าวเข้าไปภายในหอสมบัตินั่น 
 

ภายในของหอสมบัตินั้นช่างกว้างใหญ่ไพศาล ในแวบเดียว เราสามารถมองเห็นความกว้างหลายร้อยเมตร จุดให้บริการขายหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วหอสมบัติโดยมีพนักงานขายยืนอยู่ด้านหลังจุดให้บริการอย่างกระฉับกระเฉง 

 

ผู้คนนับไม่ถ้วนในเครื่องแต่งกายที่ดูมีฐานะเดินไปมา ทำให้บรรยากาศของที่นี่มีความรู้สึกราวกับตลาดเล็กๆ 
 

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้เข้ามาภายในสถานที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ…หลังจากยืนอยู่ที่จุดเดิมเป็นเวลานาน ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมเหมือนผู้ดูแลที่นี่ก็เข้ามาหาเจียงอี้แล้วถามว่า “นายท่านของข้า มีอะไรที่ข้าจะสามารถช่วยเหลือท่านได้บ้างไหมขอรับ?”
 

"หอสมบัตินี่เป็นสถานที่ที่พิเศษอย่างแน่นอน!"

 

เจียงอี้พยักหน้าของเขาอย่างเงียบ ๆ เสื้อคลุมสีดำที่เขาซื้อข้างนอกนั้น แม้จะมีคุณภาพราคาถูก แต่ไม่เพียงแต่ผู้ดูแลคนนี้จะไม่ไล่เจียงอี้ออกมาแล้ว เขากลับมีความสุภาพกับเจียงอี้มาก ร้านค้าอันดับหนึ่งของเมืองเทียนอวี่นั้นสมคำร่ำลือจริงๆ 
 

เจียงอี้คำนับตอบและพูดด้วยเสียงเบาๆว่า “ข้าต้องการมาขายเม็ดยาแก่นแท้วิญญาณ ท่านรับซื้อหรือไม่?” 
 

“แน่นอนขอรับ เรารับซื้อมัน ตราบใดที่พวกมันเป็นเม็ดยาที่มีคุณภาพสูงขอรับ” 
 

ผู้ดูแลพยักหน้าแล้วถามว่า “ข้าขอถามนายท่านได้มั้ย ว่าคุณภาพยาของท่านคือเม็ดยาระดับไหน? หากว่ามันเป็นเพียงระดับมนุษย์ขั้นต่ำ…แต่แน่นอนว่ามันคงไม่ได้เป็นเพียงยาระดับมนุษย์ขั้นต่ำหรอกนะขอรับ? ทางเราไม่คาดหวังว่ามันจะเป็นยาระดับพิภพ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ควรเป็นเม็ดยาระดับมนุษย์ขั้นสูงขอรับ”
 

เจียงอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับว่า "พวกมันไม่ได้อยู่ในระดับมนุษย์ขั้นต่ำ" 
 

ผู้ดูแลพยักหน้าและตอบด้วยสีหน้านิ่ง "รับทราบขอรับ ถ้าอย่างนั้น ท่านได้โปรดตามข้ามาขอรับ" 
 

เจียงอี้เดินตามผู้ดูแลเข้าไปยังหน้าจุดให้บริการที่ดูเลิศหรู ผู้ดูแลนั้นจัดหาที่นั่งให้แก่เจียงอี้ก่อนที่จะผายมือออกมาและกล่าวว่า "ท่านช่วยนำเม็ดยาออกมาให้เราดูด้วยขอรับ หากพวกมันมีคุณภาพที่ดี ทางเราจะให้ข้อเสนอที่สมเหตุสมผลแก่สินค้าของท่านแน่นอน " 
 

เจียงอี้หยิบขวดลายครามออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาและมอบมันให้กับผู้ดูแล ผู้ดูแลก็เทยาเม็ดหนึ่งออกจากขวด เพื่อตรวจสอบอย่างระมัดระวังและดมกลิ่นของมัน 

 

ในที่สุดผู้ดูแลก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "เม็ดยาของนายท่านนั้น...ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ...ข้าจึงไม่สามารถจะประเมินราคาให้แก่ท่านได้ ได้โปรดรอข้าสักครู่ ข้าจะเชิญนักปรุงยาของเราที่ทำงานที่หอสมบัตินี้เพื่อมาประเมินราคานะขอรับ " 
 

หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลก็วางเม็ดยาเอาไว้และเดินออกจากจุดให้บริการไป และไม่นานนัก ผู้ดูแลก็กลับมาพร้อมกับชายชราผมขาว ชายชราผู้นั้นสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว....สีหน้าของชายชรานั้นเผยให้เห็นถึงความใจร้อนและหงุดหงิด 
 

ในขณะที่ชายชราเดินเข้ามา เขาก็ไม่พอใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นเจียงอี้ ซึ่งร่างกายทั้งหมดของเจียงอี้ถูกปกปิดด้วยเสื้อคลุมสีดำ เขาหยิบขวดยาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ชายชรานั่นหยิบเม็ดยาออกมาและดมมัน 

 

เขาพูดด้วยวาจาเหยียดหยามว่า “นี่คือเม็ดยาวิญญาณที่ถูกขัดเกลาไปสู่เม็ดยาไร้ประโยชน์ จากนั้นจึงถูกอุ่นขึ้นใหม่และทำให้ดีขึ้นอีกครั้งใช่หรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเพิ่มผงยาเข้าไปอย่างละเล็กอย่างละน้อย ข้าประเมินว่า ประสิทธิภาพการใช้ยาลดลงยิ่งกว่าเดิมด้วย คุณภาพของยานี่ไม่ได้สูงอะไร ผู้ดูแล....เจ้าช่วยจัดการต่อเองแล้วกัน!” 
 

“นักปรุงยาผู้นี้มีความสามารถมากจริงๆ!” เจียงอี้คิดในใจอย่างเงียบๆผสมกับความกลัวของเขา 

 

ภายในใจเจียงอี้นั้น เขารู้สึกผิดหวังและรู้สึกงุนงงมาก เป็นไปได้อย่างไรที่แก่นแท้พลังสีดำนั้นมันไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดยานี่เลยนะ? ดูเหมือนว่าเม็ดยาเหล่านี้จะไม่ได้มีค่ามากนัก และบางทีที่นี่อาจจะไม่ต้องการรับซื้อมัน ... 
 

"เอ๊ะ?" 
 

เมื่อนักปรุงกำลังหย่อนเม็ดยากลับเข้าไปในขวดลายคราม ดวงตาที่หงุดหงิดของเขาก็เปล่งขึ้นมาอย่างเป็นประกาย ท่าทีของชายชราผู้นั้นเปลี่ยนไป เมื่อดวงตาเบิกกว้าง ชายชราก็ตรวจสอบเม็ดยาอย่างระมัดระวังอีกครั้งหนึ่ง 
 

"ใช่แล้ว ใช่แล้ว นี่มัน... " 
 

หลังจากที่ชายชรานั่นดูเม็ดยาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัวสั่นเล็กน้อย ชายชรานั้นจ้องมองมาที่เจียงอี้และจ้องมองมาด้วยตาลุกวาวและคำนับเจียงอี้และกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านจอมยุทธผู้มีเกียรติ ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าท่านเป็นคนปรุงยานี่ขึ้นมาด้วยตัวเองหรือขอรับ?” 
 

เจียงอี้ถึงกับตกตะลึง เขารีบลุกขึ้นแล้วส่ายหัวเขาแล้วตอบว่า "ไม่ ไม่ใช่! ข้าแค่มาขายเม็ดยานี่แทนผู้อื่น ... " 
 

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! 
 

เนื่องจากนักปรุงยาท่านนี้มาจากหอสมบัติ ความสามารถของเขาจึงไม่ได้แย่นัก แถมผู้เฒ่าหลิ่วเป็นนักปรุงยาระดับสูงกว่าและมีสถานะเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลเจียง ซึ่งบอกได้อีกอย่างนึงว่าสถานะของนักปรุงยานั้นอยู่ในระดับสูง แล้วเจียงอี้จะกล้ายอมรับคำกล่าวนั้นได้อย่างไร 
 

“โอ้ ...”
 

นักปรุงยาผู้นั้นเผยความผิดหวังบนใบหน้าของเขาออกมา เมื่อมองไปที่เม็ดยาวิญญาณนั่นอีกครั้ง ชายชราก็หันตัวกลับแต่เดินออกจากจุดให้บริการไป ในเวลาเดียวกันนั้น

 

ชายชราสั่งผู้ดูแลไว้ว่า "จงให้ความสำคัญกับลูกค้ารายนี้หน่อย ข้าต้องไปปรึกษาหารือกับคุณหนูรองก่อน" 
 

ผู้ดูแลแสดงท่าทีตกใจอยู่แวบหนึ่งก่อนที่จะกลับมายิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว ผู้ดูแลกวักมือเรียกพนักงานในอาคาร “ใครก็ได้มานี่หน่อย แล้วก็อย่าลืมเอาชาที่ดีที่สุดมาด้วย!”

รีวิวผู้อ่าน