บทที่ 3 คำสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ฉันเคยได้ยินมาว่าชายหนุ่มที่อวดดีและถูกจับได้คาหนังคาเขา ว่ามีรักระหว่างในวัยเรียน พวกเขาเหล่านั้นจะขอการอภัย หรือไม่ก็ทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ต่อต้านคำขอที่บอกว่าให้เลิกกัน และมันก็ไปจบด้วยคำมั่น คำสาบาน ว่าจะตายไปด้วยกัน(เหมือนสัญญาว่าจะให้รับผิดชอบ) นี้มันต้องเป็นครั้งแรกจากทั้งหมดแน่ๆ ที่มีคนใช้ข้ออ้างว่าถูกเคลื่อนย้ายร่างมาอีกโลกนึง คุณแม่เย่คิดขณะที่เธอจ้องมองเขาด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกๆ บนใบหน้าของเธอ
สำหรับหลิวเซียงหยิ่น เธอทำดีที่สุดเพื่อปิดปากของเธอให้มิดชิด และเธอก็เกือบจะไม่สามารถต่อต้านอาการหัวเราะของตัวเองได้ แต่นั้นเอง เมื่อเธอเห็นรูปลักษณ์บนใบหน้าเพื่อนสนิทของเธอ ที่มองไปที่เจียงซิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลิวเซียงหยิ่นรู้สึกว่าไม่สมควรที่จะหัวเราะในสถานการณ์อย่างนี้
เจียงซิ่วกวาดสายตาไปรอบๆอย่างเย็นชา ขณะที่เขาหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ช่างเป็นคนธรรมดาสามัญ ถ้าเป็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญของโลกที่บ่มเพาะเพื่อความอมตะ เขาเหล่านั้นจะไม่สงสัยความแข็งแกร่งของเทพคนนี้ เขาเหล่านั้นจะต้องหัวเราะออกไปแน่ๆ เมื่อไม่นานมานี้ เทพคนนี้ได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับก้าวข้ามสวรรค์ถึง9คนด้วยตัวคนเดียว แม้จะเป็นแค่การพูดคุย.... อืมม... ด้วยหนึ่งคำของเทพคนนี้สามารถส่งคลื่นไปแช่แข็งแม่น้ำได้ใกล้กว่า100เมตร และมันก็คงจะไม่นับเป็นอะไรกับถ้วยน้ำที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญนี้.... ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่
ขานำมือไขว้หลังตัวเองและยืดอกตัวเองขึ้นอย่างโอ้อวด ขณะที่เขาเดินไปทางโต๊ะ แต่ละขั้นตอนที่เขาแสดงออกมามันผสานกลมเกลียวกันเหมือนการผสานกันระหว่างกฏของโลก ขณะที่เขากำลังแสดงสิ่งที่ลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆ กลิ่นอายอันน่าเกรงขามและสง่างามที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ปรากกฏ กลิ่นอายเช่นนี้ไม่อาจมีใครเทียบเทียมได้
โดยทันที ผมของเขาดูเหมือนจะสะบัดไปมาแม้ไม่มีลมก็ตาม ในวินาทีถัดไป เขากำลังวางแผนที่จะไม่เพียงแต่แค่แช่แข็งน้ำทั้งหมดในถ้วย แต่เขาจะทำให้มันระเบิดออกมาทั้งหมด เขาจะทำให้พวกนั้นเข้าใจความมหัศจรรย์ของ มหาเทพเจียงว่าเป็นอย่างไร
“ฮ่าาห์!”
โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่มัน เจียงซิ่วดันฝ่ามือไปที่ถ้วยชา กับเขาถ้วยชาเล็กๆนี้เป็นสิ่งที่เล็กน้อย ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกภาคภูมิใจ
ฝ่ามือของเขาหดกลับเร็วเท่าสายฟ้า มือกลับไปไพร่หลังเช่นเดิม และโดยไม่ตั้งใจดวงตาเขาเผยให้เห็นถึงอวดดี นี้มันเป็นความสันโดษของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้
ควาดสันโดษของยอดคน!
ผู้ที่จะสามารถกลายเป็นศัตรูของเขาได้นั้นน้อยเกินไป!
“เธอทำเสร็จรึยัง?”
คุณแม่เย่ถามอย่างใจเย็น เจียงซิ่วพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความสามารถที่น่าตกใจของเขาต่อหน้าคนธรรมดาในชาติภูมิที่เขาเกิด เพื่อไม่ให้พวกเขากลัว สิ่งนี้มันไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ และเมื่อหลังจากนั้นมันจะทำลายมุมมองสามหลักของมนุษย์ธรรมดาไป โลกทัศน์(มุมมองที่มีต่อโลก) คุณค่าของราคา และปรัชญาชีวิต เขาชำเลืองมองเห็นได้ลางๆถึงเส้นเลือดที่ดำที่หน้าผากของคุณแม่เย่
“ห๊ะ? คุณกลัวมากเกินไปจนกระทั้งเส้นเลือดดำออกมา?” เขาส่ายหัว คนธรรมดาที่ไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง ก็คงกำลังกลัวกับการแสดงที่ฉันแสดงออกไปตอนนี้? “คุณควรที่จะเชื่อเทพคนนี้แล้ว ใช่มั้ย? เทพคนนี้ได้ผ่านการเคลื่อนย้ายร่างมา และก็มาปรากฏภายในห้องลูกสาวของคุณ นั้นก็คือเพื่อนร่วมชั้นของฉันเย่ปิง เข้าใจรึยัง?”
“เอาล่ะ นักเรียนเจียง เธอควรจะหยุดเรื่องตลกไร้สาระตอนนี้ได้แล้ว!” คุณแม่เย่เก็บความโกรธไว้ภายในใจ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวของเธอ และจากวัตถุประสงค์ระยะยาวโกรธไปก็ไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการสร้างเรื่องให้มันใหญ่โตไปมากกว่านี้
หืมม? เรื่องตลก? หญิงสาวที่ขาดเขลานางนี้กล้าพูดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องตลก? เธอหน้าหนามากเกินไป คุณนาย! สายตาของเจียงซิ่วกวาดไปทางเธออีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดลงในวินาทีถัดไป เพราะเขาไม่เพียงแต่เห็นน้ำในถ้วยไม่แช่เข็ง แต่แม้แต่ถ้วยที่เขาต้องการให้มันระเบิด มันก็ไม่ระเบิดออกมา
นะ นี่... อะไร? ปะ เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?
เจียงซิ่วพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาย่นหน้าผากของตัวเอง ในฉับพลันเขารู้สึกหมดหนทางในจิตใจของเขา เทพคนนี้ลืมไปได้อย่างไรกันนะว่าเขาเพิ่งถูกเคลื่อนย้ายร่างและสูญเสียพลังในร่างเขาไป? แต่มันคงไม่เสียหายอะไร มันต้องเป็นเพียงชั่วคราวหลังจากเกิดเรื่องขึ้นทั้งหมด ด้วยพรสวรรค์ที่อยู่ในระดับสูงสุดของเทพคนนี้ มันอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลา ที่อัจฉริยะเช่นฉัน จะหวนคืนสู่การบ่มเพาะดั้งเดิมของฉัน
“อย่าพยายามที่จะต่อต้าน...” คุณแม่เย่เริ่มพูด “เชื่อฟังและเขียนคำมั่นสัญญา ให้คำมั่นว่าเธอจะไม่มาพัวพันกับลูกสาวของฉันอีกต่อไป”
“เทพคนนี้จะไปมองดูลูกสาวของครอบครัวคุณได้อย่างไร? ไม่จำเป็นต้องเขียนคำมั่นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร”
เธอต้องการให้เทพเขียนคำมั่นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ช่างล้อเล่นอยู่บนชีวิตตัวเอง
หัวของเย่ปิงที่กำลังมองลงพื้น ได้ถูกยกขึ้นมา ตาสวยๆของเธอเบิกกว้าง เขาบอกว่าไม่ได้มองมาที่หญิงสาวคนนี้เลย? เขายังมีคุณสมบัติที่จะกล่าวมัน? เขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป ทักษะการเล่นกีฬาของเขาเองก็ไม่ดีเช่นกัน ครอบครัวของเขาก็ยากจน และที่สำคัญที่สุด คะแนนในโรงเรียนของเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะต้องการหาข้อแก้ตัว อย่างน้อยที่สุดก็หาเหตุผลที่มันดูแข็งแกร่งกว่านี้ได้ไหม?
“พอแล้ว!” คุณแม่เย่ตะโกน วางกระดาษและปากกาไว้บนโต๊ะ เธอแม้แต่กระทั้งลืมตัวไปว่าเล็บของเธอได้หักลงในระหว่างที่นำมันมา ความโกรธถายในใจของเธอปรากฏให้เห็นผ่านสายตา “หยุดเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้ได้แล้ว และเขียนคำมั่นสัญญา ไม่เช่นนั้น ฉันจะโทรหาตำรวจและบอกเขาว่าเธอได้ลอบย่องเข้าไปในห้องลูกสาวของฉันด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ดี เธอจะต้องติดคุกอย่างน้อย 8-10 ปี”
ท่าทางของเจียงซิ่วเปลี่ยนเป็นน่ากลัว หลอดเลือดดำที่หน้าผากของเขากระตุก ตอนนี้ฉันได้สูญเสียพลังของตัวเองไปแล้ว และถ้าเธอเรียกตำรวจ มันจะค่อนข้างไม่สะดวก นอกจากนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับตระกลูเย่ที่ร่ำรวยและทรงอำนาจ “มันไม่มีอันใดเลย ไม่สำคัญหรอก มีผู้หญิงหลายคนที่มีความสามารถและหาใดเปรียบต่อสู้เพื่อเพียงที่จะมาเป็นแม่บ้านของเทพคนนี้ และตั้งแต่ที่คุณได้ปล่อยให้โอกาสที่ดีเช่นนี้หลุดลอยไป เทพนี้สามารถทำได้แต่รู้สึกเสียใจแทนคุณ”
“นำปากกาและหมึกมา”
หลิวเซียงหยิ่นเกือบจะหัวเราะออกมา เจียงซิ่วทำมันออกมาได้เกินไปจริงๆ ทำไมฉันไม่พบมันก่อนหน้านี้นะ? การชะงักการหัวเราะทำให้ท้องของเธอเจ็บ แต่เมือมองไปที่การแสดงออกถึงความโกรธบนใบหน้าคุณแม่เย่ ด้วยความเถรตรงเธอไม่กล้าหัวเราะ
“หนูด้วย ปิงปิง” คุณแม่เย่ชี้ไปที่โต๊ะ “เธอทั้งสองไปตรงนั้นและเขียนคำมั่นสัญญา ฉันต้องการให้เธอยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอย่างจริงใจ และใช้คำสาบานที่ดีที่สุดในการปฏิญาณ”
เย่ปิงเพียงตอยโต้ด้วยคำว่า ‘โอ้’ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นหายนะที่ไม่น่าเชื่อสำหรับเธอ เธอหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา จ้องไปที่เจียงซิ่ว ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีไปเขียนคำมั่นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ความอัปยศอดสูทั้งหมดนี้ที่เทพได้รับ ความเดือนร้อนทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ และเธอตอนนี้ก็ยังมีกำลังใจที่จะเขียนคำมั่นสัญญาอย่างกระตือรือร้น? เจียงซิ่วคิด
ทั้งสองนั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อเขียนคำมั่นสัญญา
เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่เจียงซิ่วไม่ได้ใช้ปากกาลูกลื่น ที่โลกอื่น ทั้งหมดที่เขาเคยใช้คือการเขียนแปรง นอกจากนี้การเขียนคำมั่นสัญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรเขียนอย่างไร? แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นในโรงเรียนและคะแนนของเขาก็แย่มาก เขายังคงเป็นเด็กที่ประพฤติดีและไม่เคยละเมิดกฎใดๆ เนื่องจากเขาไม่เคยเขียนคำมั่นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เขาจึงไม่ได้ตระหนักถึงรูปแบบการเขียนของมัน
สำหรับเย่ปิง... เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับคำมั่นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร งานอดิเรกของคุณแม่เย่คือการตำหนิทุกอย่าง ตั้งแต่วัยเด็กเมื่อเย่ปิงทำผิด แม่ก็จะเธอให้เธอเขียนคำมั่นสัญญา ถ้ารวมคำมั่นสัญญาทั้งหมดของเธอ ที่เขียนมาตั้งแต่วัยเด็ก มันถูกกองซ้อนกันมากกว่าความสูงของคนๆหนึ่ง มันอาจจะสูงกว่าความสูงของเธอ เพื่อที่สรุปมันได้ เธอสามารถเขียนมันได้แม้กระทั่งดวงตาของเธอปิดอยู่ก็ตาม
คลืด คลืด คลืด คลืด คลืด! (น่าจะเป็นเสียงเขียน)
“อะแฮ่ม...” เจียงซิ่วไอแบบแปลกๆ พยามส่งซิกให้เธอ
เย่ปิงเงยหน้าขึ้นมองเขา และรู้สึกไม่พอใจมาก “อะไร?”
เจียงซิ่วกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “เทพคนนี้ไม่เคยเขียนคำมั่นสัญญา ให้เทพคนนี้ก็อปปี้จากของเธอ”
เย่ปิงหัวเราะและตอบอย่างไร้ความรู้สึกเช่นกัน “ฝันไปเถอะ!” พูดได้ดังนั้น เธอก็ขยับห่างออกไปด้านข้าง และจงใจก้มร่างของเธอลงบนโต๊ะเพื่อขัดขวางสายตาของเจียงซิ่ว ขณะที่เธอรีบวิ่งออกไปเมื่อเขียนเสร็จ
“เธอกล้าที่จะแสดงนิสัยดังกล่าวต่อหน้าเทพคนนี้?”
หัวใจของเจียงซิ่วเต็มไปด้วยความโกรธ ในโลกอื่น ใครบ้างที่จะกล้าไม่ให้ของขวัญกับเขา? เป็นแค่คนทั่วไปกลับกล้าที่จะละเลยคำขอร้องช่วยเหลือจากฉัน? เธอไม่ควรที่จะเลือกไม่ประจบฉันและเธอควรที่จะเลือกที่จะเป็นคนริเริ่มให้ฉันก็อปปี้มันใช่ไหม? ถ้าเธอมีไหวพริบซักหน่อย เธอก็ควรจะเขียนให้ฉันด้วย
“เธอคิดว่าเพียงแค่เธอไม่แสดงให้เทพคนนี้เห็น แล้วเทพคนนี้จะไม่สามารถมองไปที่มันได้งั้นหรือ?”
เจียงซิ่วยืดคอของเขาขึ้น หวังที่จะมองไปที่มัน แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ตั้งใจเกินไป นอกจากนี้ผมของเธอยังคงยุ่ง ซึ่งทำให้ผมสีดำเงาที่สวยงามของเธอปิดกั้นสายตาของเขา เขามีโอกาสได้กลิ่นหอมออกมาจากผมหญิงสาวอย่างเธอเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะโอกาสที่จะได้เห็นตัวหนังสือของเธอซักตัว
“ฮึ! ถ้าเทพคนนี้ไม่เสียพลังของเขาไป ด้วยทักษะเพียงเล็กน้อย ไฟอาถรรพ์ เสริมจินตภาพ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับฉัน ที่จะมองไปยัง คำมั่นสัญญาลายลักษณ์อักษร ของเธอแล้ว”