เรื่อง : Rebirth Of the Urban Immortal Cultivator
ตอนที่ 7 : เม็ดยาฟื้นฟูความแข็งแกร่งระดับต่ำ
เฉินฟานพูดอย่างตรงไปตรงมา “นี่เป็นเพียงแค่ทริคเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”
อันที่จริงพลังภายในของชายชรานั้นมีจำนวนมากกว่าของเฉินฟานมาก แต่มันก็เหมือนมีดกับเต้าหู้ เฉินฟานสามารถเอาชนะชายชราได้อย่างง่ายดายแม้จะมีพลังภายในน้อยกว่าก็ตาม
แม้ว่าเฉินฟานจะอยู่ในขั้นสร้างรากฐาน แต่เขาก็สามารถชักนำพลังงานลี้ลับอัดแน่นเข้าไปในใบวิลโลว์เพื่อเปลี่ยนเป็นคมมีด ใบวิลโลว์ได้กรีดผ่านแก้มของหญิงสาว และฝังลึกเข้าไปในต้นไม้ ในทางกลับกันพลังภายในของชายชราทำได้เพียงแค่ปลดปล่อยพลังภายในออกมาจากร่างกายอย่างมากสุดก็แค่สองถึงสามนิ้ว แม้ชายชราจะมีพลังภายในเหลือเฟือ แต่ความบริสุทธิ์ของพลังภายในนั้นเบาบางเป็นอย่างมาก
“มันอาจเป็นเพียงแค่ทริคเล็กๆน้อยๆสำหรับท่าน แต่สำหรับฉันแล้ว มันเหมือนดั่งปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อ!” ชายชราพูดขึ้นมาด้วยความเคารพ เขาไม่ได้เรียกเฉินฟานว่า ‘หนุ่มน้อย’ อีกต่อไป แต่เขาเรียกเฉินฟานว่า ‘ท่าน’ แทน
แม้ว่าชายชราจะมีชีวิตที่สับสนวุ่นวายมาเกือบตลอดทั้งชีวิต แต่ในที่สุดเขาก็พบโชคเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ความฝันในชีวิตของเขาคือการเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็พบกับความเป็นจริงที่ว่า พรสวรรค์ของเขานั้นธรรมดามากเกินไป
แม้ว่าประเทศจีนจะเป็นประเทศที่ใหญ่ และมีจำนวนประชากรสูงมาก แต่ศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นก็เป็นสิ่งที่หาพบได้ยาก ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส เขาจึงมีความรอบรู้ และสติปัญญาที่ดี แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับปรมาจารย์ที่แท้จริงด้วยตนเองจนกระทั่งบัดนี้
คำพูดของชายชราทำให้เฉินฟานเกิดความสนใจ “ปรมาจารย์ที่คุณพูดถึง... เขาสามารถทำสิ่งที่ฉันเพิ่งทำไปได้ไหม?”
“แน่นอน ปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นต่างๆได้เข้าถึงขอบเขตขั้นสูงของศิลปะการต่อสู้ พวกเขามีร่างกายราวกับเป็นอมตะ พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังภายในออกมาได้สองถึงสามเมตร และคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่พวกเขาจะสามารถฆ่าใครบางคนได้จากระยะไกล”
ทันใดนั้นความสับสนก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายชรา เขาถามอย่างสงสัย “ท่านครับ... ในฐานะที่คุณเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ คุณจะไม่ทราบถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งบอกคุณได้อย่างไร? นั่นมัน... เป็นความรู้เบื้องต้น”
เฉินฟานจดจำคำพูดของชายชรา เขาคาดว่าการที่จะแปรเปลี่ยนพลังภายในที่แน่นหนาให้กลายเป็นอะไรบางอย่างที่อันตรายถึงตายราวกับระเบิดสังหาร ขั้นพลังของพวกเขาอย่างน้อยต้องอยู่ในขั้นก่อกำเนิด
ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงปรมาจารย์ที่เรียกว่า ปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นก็คือผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ขั้นก่อกำเนิด จากคำพูดของชายชรา เฉินฟานจึงคาดว่าปรมาจารย์ดังกล่าวควรจะหาได้ยากมากบนโลกใบนี้
ไม่เพียงแต่วิญญาณฉีบนโลกกำลังเหือดแห้ง แต่การขาดเทคนิคบ่มเพาะขั้นสูงหมายความว่า พวกเขาจะต้องใช้เพียงอัจฉริยะในรอบร้อยปีกว่าจะเข้าถึงขั้นก่อกำเนิดได้
แม้หลังจากรู้ว่าอาจมีปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ แต่เฉินฟานก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวความแข็งแกร่งของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
การบ่มเพาะของเฉินฟานนั้นทำให้เขาได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งที่ปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นไม่มีซึ่งก็คือ ‘คาถาอาคม’
เฉินฟานหยุดความคิดของเขา และส่ายหัว “ฉันเป็นเพียงคนที่ไล่ตามวิถีแห่งเต๋า สิ่งที่คุณเห็นเป็นเพียงการฝีกฝนขั้นพื้นฐานที่สุดของระดับการปรับแต่งพลังฉี ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพลังภายในหรือปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นมาก่อน ฉันเกรงว่าฉันจะไม่ใช่คนที่คุณคิดว่าฉันเป็น”
“วิถีแห่งเต๋า? ชายชราดูสับสนกับคำพูดของเฉินฟาน เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับนักบวชที่มีพลังอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่านั่นเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าโบราณ ยิ่งกว่าไปนั้นเทคนิคที่ชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งใช้ไปก็เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงพลังอำนาจอันน่าเกรงขามของเหล่าปรมาจารย์ผู้หลุดพ้น
แต่ทำไมเขาถึงปฏิเสธ? เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นจริงๆงั้นเหรอ?
ชายชราไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ และตัดสินใจที่จะผลักคำถามในตอนนี้ออกไปก่อน เขาให้ความสำคัญกับการเป็นสหายกับเด็กคนนี้โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์หรือไม่ ถ้าเขาสามารถทำสิ่งที่ปรมาจารย์สามารถทำได้แล้วมันจะต่างกันอย่างไร?
นอกจากนี้เขายังหนุ่มและ... ไม่ได้ดูน่าเกลียด และอาจเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับหลานสาวที่งดงามของเขาอีกด้วย จิตใจของชายชราเต้นรัวขณะที่พยายามคิดหาวิธีผูกมิตรกับชายหนุ่ม
เขายิ้ม และรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ง “นั่นไม่สำคัญหรอก คุณดูเหมือนจะพยายามเปล่งสำเนียงไปทางซูโจว คุณไม่ใช่คนในพื้นที่นี้งั้นเหรอ?”
“ใช่ ผมอาศัยอยู่ที่เมืองซี่ชุ่ยมา 17 ปี และผมมาที่เมืองนี้เพื่อเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย” เฉินฟานพยักหน้า และพูดต่อ “ผมชื่อเฉินฟาน คุณสามารถเรียกผมว่าเฉินเป่ยซวนก็ได้ ‘เป่ยซวน’ เป็นชื่อที่อาจารย์ของผมเป็นคนมอบให้ และเป็นนามเต๋าของผม”
แม้ว่าชายชราคนนี้จะไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะ แต่เขาก็มีพลังลี้ลับอยู่ภายในตัว ดังนั้นเฉินฟานต้องการที่จะสื่อสารกับเขาโดยใช้นามเต๋าของเขา เฉินเป่ยซวน
‘เมืองซี่ชุ่ย เฉินฟาน เฉินเป่ยซวน?’ ชายชรา และหลานสาวของเขาแลกเปลี่ยนสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน ชายชราหันหัวของเขาไปรอบๆ และถามออกมาด้วยความสงสัย “เราจะเรียกคุณว่ามิสเตอร์เฉินก็แล้วกัน แล้วท่านอาจารย์ของมิสเตอร์เฉินล่ะ? ท่านไม่ได้อยู่ในเมืองซูโจวงั้นเหรอ?”
“อาจารย์ของผมไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้” เฉินฟานส่ายหัว
เฉินฟานสงสัยว่ากาแล็คซี่ไหนที่อาจารย์ของเขา ผู้บ่มเพาะอมตะชางฉินกำลังไปเยี่ยมชมอยู่ในขณะนี้ ถ้าคิดตามไทม์ไลน์เวลาในปัจจุบัน ต่อจากนี้อีก 10 ปีอาจารย์ของเขาถึงจะมายังโลกใบนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆในไทม์ไลน์ปัจจุบันอาจส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงตามมา นั่นหมายความว่าชางฉินอาจไม่มาเยี่ยมชมโลกใบนี้ในการวนซ้ำของเวลา และพื้นที่
ชายชราเข้าใจเฉินฟานผิดเหมือนคนปกติ เขาถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเกิด และตาย อาจารย์ของคุณคงภูมิใจในตัวคุณที่รู้ว่าคุณยอดเยี่ยมมากขนาดไหน ฉันแก่แล้ว และหากเหล่าสหายของฉันยังมีชีวิต พวกเขาก็คงจะภูมิใจในตัวของฉันมากเช่นกัน การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทำให้ฉันมีอายุยืนนานกว่าสหายของฉัน แต่ฉันก็รู้ดีว่าฉันจะได้พบพวกเขาในอีกไม่นานนี้”
ก่อนที่ชายชราจะพูดจบ ลำตัวของเขาก็โค้งงอ และไอออกมาอย่างรุนแรง
“คุณปู่!” หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นทุกข์
เธอช่วยประคองชายชราให้ลุกขึ้นยืน และตบหลังของเขาเบาๆพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา
“ปู่ไม่เป็นไร แค่บาดแผลเก่ากำเริบเท่านั้น” ชายชราโบกมือปลอบโยนหลานสาว
เฉินฟานยิ้ม และเดินเข้าไปใกล้ “คุณคงฝืนใช้พลังภายในจนทำให้ปอดของคุณบาดเจ็บ”
“มิสเตอร์เฉินมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ด้วยงั้นเหรอ?” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ก่อนที่เฉินฟานจะพูดอะไร หญิงสาวก็อธิบายออกมา “เมื่อตอนยังหนุ่มปู่ของฉันเกือบตายมาครั้งหนึ่ง เพื่อปกป้องครอบครัวของเขา เขาถูกบังคับให้ใช้ความแข็งแกร่งของพลังภายในมากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมพลังได้ เหตุการณ์นั้นทำให้ปอดของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไปโรงพยาบาลไม่ทันเวลาจนก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เนื่องจากเป็นอาการบาดเจ็บภายในจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาอาการของมันได้อย่างสมบูรณ์”
“มิสเตอร์เฉิน คุณรู้แจ้งถึงวิถีแห่งเต๋า และสามารถระบุถึงสาเหตุอาการบาดเจ็บของปู่ฉันได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณจะรู้วิธีรักษาอาการบาดเจ็บของคุณปู่?”
เธอมองไปที่เฉินฟาน และเช็ดน้ำตา หญิงสาวจะทำทุกอย่างเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของปู่อันเป็นที่รักของเธอ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเสียหายนี้เป็นความเสียหายที่เกิดจากการบาดเจ็บภายใน ดังนั้นจึงไม่มียาสมัยใหม่ชนิดไหนที่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แม้แต่แพทย์เวชศาสตร์จีนก็ยังยอมแพ้ต่อชายชราเนื่องจากอาการบาดเจ็บถูกลากออกไปเนิ่นนานหลายทศวรรษโดยไม่ได้รับการรักษา
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นพลังอันน่าอัศจรรย์ของเฉินฟาน ในที่สุดเธอก็เห็นถึงความหวังเล็กๆน้อยๆในการรักษาปู่ของเธอ
“ฉันขอพูดอย่างตรงไปตรงมากับคุณเลยนะมิสเตอร์เฉิน ตระกูลเว่ยมีอิทธิพลค่อนข้างมากทางด้านเหนือของแม่น้ำ คุณจะได้รับรางวัลมากมายถ้าคุณสามารถช่วยคุณปู่ของฉันได้ และฉันเป็นคนรักษาคำพูดของตนเองเสมอ” หญิงสาวจ้องไปยังเฉินฟาน และเปิดเผยออกมาอย่างหนักแน่น
เฉินฟานลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ
“ได้สิ! นี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เนื่องจากโชคชะตานำให้ฉันกับคุณมาพบกันที่นี่ ดังนั้นฉันยินดีที่จะรับผิดชอบกับโชคชะตาในครั้งนี้”
เฉินฟานเห็นใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดี “แต่ฉันคงต้องขอเตรียมตัวก่อน ฉันจะนำยารักษาไปให้คุณในอีก 2 วัน พวกคุณตกลงไหม?”
“แน่นอน!” รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของหญิงสาวได้ละลายใบหน้าที่แสนเย็นชาของเธอ
เฉินฟานอดที่จะชื่นชมความงามของเธอไม่ได้ เธอดูดีขึ้นมากเมื่อเธอยิ้ม และไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ขอบคุณมาก มิสเตอร์เฉิน” แม้ว่าชายชราจะพยายามสงบสติอารมณ์ แต่น่ำเสียงที่สั่นเครือก็ทรยศเขา เขาหันไปหาชายกำยำแล้วพูด
“เสี่ยวฉี ทำไมนายไม่แลกเบอร์กับมิสเตอร์เฉิน และเป็นคนไปส่งเขากลับบ้านล่ะ?”
จากนั้นชายชราก็หันไปหาเฉินฟาน “มิสเตอร์เฉิน คุณสามารถโทรหาเสี่ยวฉีเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ เขาจะมารับคุณเอง นอกจากนี้คุณอย่าลังเลที่จะแจ้งให้เสี่ยวฉีทราบหากคุณต้องการความช่วยเหลืออะไร”
“ขอบคุณมาก” เฉินฟานพยักหน้า
เสี่ยวฉีขับรถพาเฉินฟานผ่านสวนริมทะเลสาบมายังบ้านของเขา
เขาสังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่รถจี๊ป แต่มันเป็นแลนด์โรเวอร์ที่มีมูลค่าอย่างน้อยสองหรือสามล้าน ในปี 2007 นี่เป็นสัญญาณของความมั่งคั่ง และอำนาจ
อย่างไรก็ตามเฉินฟานไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเหลือชายชรา แต่เป็นเพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากคนรวย และผู้มีอำนาจ ‘ชายชราที่ชื่อ ‘เว่ยฝู’ ดูเหมือนจะจัดการได้ง่าย และเข้าถึงได้ง่าย แต่ฉันยังคงสัมผัสได้ถึงอำนาจที่เขาใช้ในการออกคำสั่ง เขาน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา’ เฉินฟานส่ายหัว และคิดกับตัวเอง
แม้ว่าพวกเขาจะได้พบกันโดยบังเอิญ แต่ความจริงที่ว่าชายชรามีพลังที่ความคล้ายคลึงกันพลังงานลี้ลับทำให้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือแก่สหายผู้บ่มเพาะ
หลังจากแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกับเสี่ยวฉีแล้ว เฉินฟานก็เดินเข้าบ้าน
ในฐานะผู้บ่มเพาะ เฉินฟานไม่จำเป็นต้องมีความรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับการแพทย์มากนัก เขาทำเพียงแค่บีบอัดควบแน่นพลังวิญญาณให้กลายเป็นเม็ดยาก็สามารถกำจัดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้แล้ว
ดังนั้น “การเตรียมการ” ของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรวบรวมสมุนไพรที่หายากอะไร แต่เป็นเพียงการสร้างยารักษาทั่วไปเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อที่จะรักษาต้นเหตุอาการบาดเจ็บของเว่ยฝู เขาแค่ต้องการเวลาสักครู่เพื่อปรับปรุงศิลปะการต่อสู้ของชายชราที่เกี่ยวกับการใช้พลังภายในของเขาเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขอรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับทักษะพลังภายในของชายชรา แต่ในฐานะอดีตจ้าวสวรรค์ เขาก็รู้ว่าทักษะพลังภายในนั้นคืออะไร มันเป็นเพียงรูปแบบพื้นฐานระดับต่ำที่สุดของพลังลี้ลับ สำหรับเฉินฟานแล้ว การแก้ไขปัญหาของชายชรานั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับการยกโจทย์คณิตศาสตร์ระดับประถมให้กับนักคณิตศาสตร์แก้โจทย์
“ให้ตายเถอะ กระเป๋าเงินของฉันกำลังจะบี้แบนลงอีกครั้ง!” ความคิดที่จะใช้จ่ายเงินในการเตรียมยารักษาทำให้เขาถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามเขาได้ให้สัญญาไปแล้ว และเขาก็ควรทำตาม เขาลากตัวเองไปที่ร้านขายยาจีน และซื้อสมุนไพรเพิ่มเติม โชคดีที่ส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับยารักษานั้นมีราคาถูก
ยารักษาที่เฉินฟานต้องการนั้นเป็นตัวช่วยที่พร้อมใช้งานมากที่สุดสำหรับผู้บ่มเพาะ เม็ดยาชนิดนี้ถูกเรียกว่า “เม็ดยาฟื้นฟูความแข็งแกร่งระดับต่ำ”
สิ่งสำคัญของเม็ดยาคือการฟื้นฟูพลังของผู้บ่มเพาะ เม็ดยาชนิดนี้สามารถรักษาโรค เพิ่มพูนพลังภายใน และยืดอายุไขของผู้บ่มเพาะขึ้นได้อีกเล็กน้อย
เหตุผลที่เฉินฟานใช้คำว่า ‘ระดับต่ำ’ นั้นเป็นเพราะเวอร์ชั่นที่เขากำลังจะสร้างนั้นส่งผลน้อยกว่าหนึ่งในสิบของผลกระทบจากเม็ดยาดั้งเดิม
ด้วยทรัพยากรที่จำกัดเช่นนี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้แล้ว
“เพียงแค่ระดับต่ำก็น่าจะเพียงพอ เขาจะต้องจ่ายค่ารักษาด้วยตัวเองถ้าเขาต้องการเม็ดยาที่ดีมากไปกว่านี้”
เฉินฟานส่ายหัว และบ่มเพาะต่อไป
ในไม่กี่วันต่อมาเฉินฟานได้เสียสละเวลาในการบ่มเพาะเพื่อสร้างยารักษา และศึกษาทักษะของเว่ยฝู
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาป้าถังได้เชิญเขามาร่วมรับประทานอาหารค่ำกับเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่เฉินฟานก็ได้ปฏิเสธคำขอของเธอไปอย่างสุภาพ
หลังจากทำงานหนักอยู่สองสามวัน ในที่สุดเขาก็พร้อมที่จะทำการรักษา อย่างไรก็ตามป้าถังได้เชิญเขาอีกครั้ง และครั้งนี้เฉินฟานก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องตอบรับคำเชิญของเธอ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
อยากให้แก้ตรงไหนพบปะพูดคุยกันได้ที่ Rebirth Of The Urban Immortal Cultivator ขอบคุณครับ