‘มองทำไม?’ เฉินฟานหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ
เขาไม่เพียงแต่เคยเป็นจ้าวสวรรค์มาก่อน แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แม้กระทั่งในหมู่ผู้บ่มเพาะ
ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการบ่มเพาะขั้นพื้นฐานหรือศิลปะการต่อสู้แห่งการสังหาร และการทำสงคราม ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถทำได้ ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์แห่งสำนักอมตะนิรันดร์ เขามีความเชี่ยวชาญในเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดทุกชนิด กระบวนท่าที่งุ่มง่ามของหญิงสาว และทักษะที่แข็งทื่อที่เขาได้เห็นจึงเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะในสายตาของเขา
แม้แต่เทคนิคขั้นต้นของนิกายยอดนักสู้สวรรค์อย่าง “ศิลปะการต่อสู้ซานโฉ่ว 36 กระบวนท่า” ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่มีความซับซ้อนมากกว่าสิ่งที่หญิงสาวผู้นี้ได้แสดงออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า “ศิลปะการต่อสู้ซานโฉ่ว 36 กระบวนท่า” จะถูกใช้เฉพาะในหมู่คนรับใช้ของกลุ่มคนระดับสูงในนิกาย และกลุ่มนักสู้ระดับต่ำ บรรดาเหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ฝึกฝนอยู่ในนิกายล้วนแต่ละทิ้งศิลปะการต่อสู้ที่ล้าสมัยเช่นนี้ไปเนิ่นนานแล้ว
(ซ่านโฉ่ว หรือ สานต่า เป็นรูปแบบศิลปะการป้องกันตัวอย่างหนึ่งของจีน)
อย่างไรก็ตามเฉินฟานไม่ต้องการโต้เถียงกับเธอ และเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะผู้บ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงกล่าวขอโทษออกมา “ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเธอหรอก ที่ฉันส่ายหัวเพราะฉันกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็หยุดส่งเสียงพึมพำ และจ้องมองได้แล้—” หญิงสาวถูกหยุดยั้งโดยชายชรา “ซีชิงพอได้แล้ว”
“ค่ะ คุณปู่” ซีชิงตอบกลับ เธอจ้องเขม็งไปที่เฉินฟานก่อนที่เธอจะเดินกลับไปหาคุณปู่ของเธออย่างรวดเร็ว
เฉินฟานเหลือบมองไปยังชายชรา และพบว่าเขาก็มีพลังภายในเช่นกัน แต่พลังภายในของเขาทรงพลังกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างมาก
เฉินฟานคาดว่าปริมาณพลังภายในของชายชรานั้นใกล้เคียงกับผู้บ่มเพาะที่เข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานมาแล้วครึ่งก้าว แต่พลังของหญิงสาวนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับผู้บ่มเพาะที่ก้าวเข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานเลยแม้แต่น้อย
เฉินฟานยอมรับว่าการเปรียบเทียบของเขานั้นมีข้อบกพร่องมากมายเสมือนเปรียบเทียบแอปเปิลกับส้ม น่าจะเข้าใจง่ายกว่าถ้าเปรียบเทียบผู้บ่มเพาะกับผู้ฝึกยุทธ์เป็นมีด และเต้าหู้ แม้ว่าเต้าหู้จะมีชิ้นใหญ่ และเหนียวแน่นมากขนาดไหนก็ตาม แต่มันก็ยังไม่สามารถทนต่อการเฉือนแม้แต่ครั้งเดียวของมีดที่ทื่อที่สุดได้
เฉินฟานมั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะชายชราได้แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับชายชรานับสิบคนภายในเวลาเดียวกันก็ตาม
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรให้ดูอีกต่อไป เฉินฟานก็เดินไปที่ต้นวิลโลว์อีกต้นหนึ่ง จากนั้นเขาก็นั่งไขว่ขาอยู่ใต้ต้นวิลโลว์ และเริ่มทำการบ่มเพาะ
ร่างกาย และจิตใจของเขาเข้าสู่สภาวะการบ่มเพาะอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาเริ่มต้นใช้เทคนิคกลั่นร่างไร้สิ้นสุด ในไม่ช้าสูญญากาศที่มองไม่เห็นก็ได้ดูดซับพลังฉีบริเวณรอบตัวเขา
การกระทำที่แปลกประหลาดของเฉินฟานได้กระตุ้นความสงสัยของชายชรา เขาสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงตื่นเช้า และมาที่สวนสาธารณะ และทำเพียงแค่นั่งหลับอยู่ใต้ต้นไม้?
“หืม?” หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายชราก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณปู่?” ซีชิงถามออกมาด้วยควาสงสัย
“หลานเห็นนั่นไหม?” ใบหน้าของชายชราแข็งค้าง
“เห็นอะไรคะ?” ซีชิงเหล่ตาของเธอ และไม่เห็นสิ่งใดเป็นพิเศษ
“ใส่ใจกับการหายใจของเขา” ชายชราเตือน
ซีชิงสังเกตเห็นว่าหน้าอกของชายหนุ่มพองตัวขึ้น และยุบลงในแต่ละลมหายใจ จากนั้นก็มีลำแสงสีขาวสองดวงพุ่งออกมาจากรูจมูกของเขา และลำแสงทั้งสองก็บิดงอไปมาราวกับงู แสงสีขาวทั้งสองมีขนาดเล็กเท่ากับเข็ม เป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นได้ถ้าไม่สังเกตดูให้ดีๆ
“นั่นคืออะไร?” ซีชิงขมวดคิ้ว
“นี่เป็นวิธีขั้นสูงในการควบคุมพลังภายใน ว่ากันว่ามีเพียงศิลปะการต่อสู้จากบางนิกายโบราณเท่านั้นที่สามารถทำได้ การหายใจแบบนี้ต้องอาศัยปอดที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ผู้ฝึกฝนเทคนิคนี้สามารถอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน” ชายชราพูดอย่างช้าๆ “ปู่ไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ในช่วงชีวิตของปู่มาก่อน และเขายังหนุ่มมากอีกด้วย เฮ้อ... นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ!”
หญิงสาวผมหางม้าแค่นเสียง “เขาหายใจรุนแรงมาก แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถฆ่าคนได้ด้วยปอดของเขาเสียหน่อยนี่คะคุณปู่ คุณปู่พูดเกินจริงไปแล้ว”
“หลานยังเด็ก และไร้เดียงสามากนัก” ชายชราลบล้างคำพูดของเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก “ไม่มีใครสามารถทำได้โดยไม่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายสิบปีหรอก และปู่ก็ไม่เคยเห็นเทคนิคนี้ในชีวิตจริงมาก่อน ปู่เพียงแค่ได้ยินมาจากตำนานเท่านั้น”
“มันทรงพลังจริงๆเหรอคะ?” ซีชิงเต็มไปด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นเธอก็ดูเหมือนจะจำบางสิ่งบางอย่างได้ “เดี๋ยวก่อนนะคะ ถ้าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนที่คุณปู่พูดจริงๆ อย่างนั้นการที่เขาส่ายหัวไม่ได้หมายความว่าเขาไม่พอใจกับการฝึกฝนของหนูงั้นหรอกเหรอ?” ซีชิงหยุดชะงักชั่วครู่เพื่อถามคำถาม
“เลวมาก! เขาเข้าใจมัน!” หลังจากนั้นไม่นานซีชิงก็ทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดต่อ “หนูไม่สนใจว่าคุณปู่จะคิดว่าเขาทรงพลังมากขนาดไหน แต่หนูจะเป็นคนไปทดสอบความแข็งแกร่งของเขาเอง”
เมื่อเห็นความไม่พอใจในตัวของหลานสาว ชายชราก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
อย่างไรก็ตามชายชราไม่ได้พูดอะไรออกมาเพื่อหยุดเธอ ชายหนุ่มคนนี้อาจทรงพลังก็จริง แต่เขา และหลานสาวก็น่าจะปลอดภัยในพื้นที่ที่เป็นเขตของเขาเช่นกัน ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาได้ต่อสู้กับสงครามที่โหดร้ายมาหลายต่อหลายครั้ง และเขาก็ไม่ใช่คนที่หวาดกลัวความตาย
ปู่ และหลานสาวตัดสินใจที่จะรอให้เฉินฟานเสร็จสิ้นการฝึกฝนของเขา ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มก็อ้าปาก และพ่นก๊าซที่ส่องประกายสีขาวออกมา
“ฉันคิดถูก เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลัง!” ใบหน้าของชายชราแข็งค้างเมื่อเขาพบกับความเป็นจริง
“คุณปู่ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ พี่ชายฉีอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเรา ผู้ฝึกยุทธ์นั้นสามารถหลบกระสุนปืนได้งั้นเหรอ? หนูคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
ซีชิงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่กล้าหาญ แม้ว่าเธอจะประหลาดใจกับพลังของชายหนุ่ม แต่เธอก็ไม่กลัว
เธอเกิดมาพร้อมกับคาบช้อนเงิน เธอไม่เหมือนกับคุณปู่ของเธอ ภูมิหลังของตระกูลอันทรงเกียรติของเธอได้ปกป้องเธอจากภัยอันตรายมากมาย เธอยังเด็ก และปราศจากความกลัวซึ่งสิ่งนี้เป็นตัวขับเคลื่อนพลังแห่งความกล้าหาญของเธอ
ชายกำยำในรถจี๊ปกำลังเฝ้าดูการฝึกฝนอยู่ภายในรถ และเลื่อนมือของเขาลงมาวางไว้ที่ด้ามปืน
เฉินฟานค่อยๆลุกขึ้นยืน และดูไม่ค่อยพอใจกับการบ่มเพาะในวันนี้
แม้ว่าพื้นที่ใต้ต้นวิลโลว์จะสามารถช่วยในการบ่มเพาะของเขาได้ แต่ผลลัพธ์ของมันก็อยู่ในระดับที่เปรียบเทียบกับการดูดพลังฉีจากสมุนไพรโดยตรงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เขาหันหัวของเขาไปรอบๆ และรู้สึกประหลาดใจกับคนทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาตลอดเวลา
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตื่นขึ้น ชายชราก็ยิ้ม และก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายเฉินฟาน “สวัสดีหนุ่มน้อย ฉันดีใจมากที่ได้ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่! ตาแก่คนนี้มีชื่อว่าเว่ยฝู ฉันขอถามชื่อของนายหน่อยได้ไหม? นายมาจากที่ไหน? และบอกฉันได้ไหมว่าใครเป็นอาจารย์ผู้ทรงเกียรติของนาย?”
‘เว่ยฝู?’ ชื่อนี้ฟังดูคุ้นเคยมากสำหรับเฉินฟาน
เขาได้เห็นผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าชายชราคนนี้เป็นใคร
เมื่อเห็นท่าทางที่รัดกุม เฉินฟานจึงคาดว่าการบ่มเพาะของเขาได้ดึงดูดสายตาของคนทั้งสอง
เฉินฟานส่ายหัว “ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ คุณสามารถคิดว่าฉันเป็น... เอ่อ... นักบวชที่ไล่ตามวิถีเต๋าของตนเองก็ได้”
เขาไม่สามารถบอกตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ แม้ว่าเขาจะบอกกล่าว แต่คนธรรมดาทั้งสองคนนี้ก็คงไม่เข้าใจว่าการบ่มเพาะคืออะไรอยู่ดี
“นักบวช? คุณมาจากนิกายเต๋างั้นหรือ?” ชายชราสับสน เขาไม่เคยได้ยินผู้ฝึกยุทธ์ที่มาจากนิกายเต๋ามาก่อน
“คุณปู่คะ อย่าไปเสียเวลากับเขาเลย ปล่อยให้หนูเป็นคนจัดการกับเขาเอง” ซีชิงหันหลังกลับ และจ้องอย่างเย็นชาไปที่เฉินฟาน “ก่อนหน้านี้ทำไมนายต้องโกหกฉัน? ตอนนี้แสดงสิ่งที่นายทำได้ออกมาซะ!”
‘เธอกำลังยั่วยุฉันให้ต่อสู้กับเธออยู่งั้นเหรอ?’
ไม่มีใครที่กล้าตะโกนด่าว่าเฉินฟานมานานหลายศตวรรษ ดังนั้นการท้าทายของหญิงสาวจึงทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
‘ฮ่าฮ่า! ฉันควรทุบตีผู้หญิงคนนี้ดีไหมนะ?’ เฉินฟานคิดกับตัวเอง
เฉินฟานรู้สึกลำบากใจหลังจากชั่งน้ำหนักตัวเลือกของเขา จากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ทุบตีอีกฝ่าย เขายักไหล่ให้กับหญิงสาว และพูด “ขอโทษที ฉันเป็นเพียงนักบวช เราบ่มเพาะพลังภายใน แต่ไม่เคยต่อสู้ด้วยหมัด และอาวุธ”
หญิงสาวพูดจาเหยียดหยัน “เหอะ! อย่ามาแกล้งโง่ไปหน่อยเลย! ฉันเห็นนายเยาะเย้ยฉันในขณะที่ฉันกำลังฝึกฝน!” หญิงสาวโต้กลับ
“หนุ่มน้อย มันเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าหลานสาวของฉันยังอยู่ในระดับเริ่มต้น แต่เธอก็อยู่ภายใต้คำแนะนำ และวิธีฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญเทคนิคขั้นแรกของตระกูลเรา ฉันหวังว่าด้วยความช่วยเหลือของนาย เธอจะสามารถก้าวหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น” ชายชราพูดอย่างช้าๆแต่หนักแน่น
แม้น้ำเสียงของชายชราจะเงียบสงบ แต่ความสงสัยของเขาก็ยังไม่จางหาย เขาบอกชื่อของเขากับชายหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน จะมีผู้ฝึกยุทธ์คนไหนที่ไม่รู้จักชื่อของเขากัน?
เฉินฟานส่ายหัว และถอนหายใจ เขารู้ว่าเขาต้องทำตามคำขอของหญิงสาว
เขาหยิบใบวิลโลว์ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาด้วยสองนิ้วที่คล่องแคล่วขณะที่เขาใช้พลังลี้ลับของเขาออกมา ด้วยการสะบัดนิ้ว ใบวิลโลว์ก็บินออกไปเหมือนลูกกระสุน
ใบไม้พุ่งออกไปด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อจนเบลอเป็นเส้นเงาในอากาศ มันกรีดผ่านใบหน้าของหญิงสาว และพุ่งไปกระแทกต้นไม้ขนาดใหญ่ ต้นไม้ที่ถูกกระแทกสั่นไหวอย่างรุนแรง และเหลือทิ้งไว้เพียงใบไม้ที่ร่วงหล่นราวกับสายฝน
“ระวัง!” ชายชราตะโกนออกมาทันทีที่เห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นอาวุธ แต่คำเตือนของเขาก็สายเกินไป
“นั่นมันอะไ—” ชีจิงยังคงตกตะลึง ผมสีดำที่ยาวจนถึงไหล่ของเธอทางด้านขวาถูกตัดออก ต่างหูคริสตัลที่เธอสวมใส่ได้ร่วงหล่นลงบนพื้น
เธอแตะไปที่แก้ม และพบว่ามีบาดแผลบางๆที่มีเลือดไหลออกมา เธอหันกลับมา และเห็นใบวิลโลว์นั้นปักติดอยู่ที่ต้นไม้ราวกับโลหะชิ้นหนึ่ง
“เปลี่ยนใบไม้เป็นอาวุธ? นี่มัน... น่าทึ่งเกินไปแล้ว!” ชายชราพูดอย่างติดๆขัดๆ แต่เมื่อเห็นหลานสาวของเขาไม่เป็นอันตราย เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ฉันไม่เคยคาดฝันที่จะได้เห็นศิลปะการต่อสู้เช่นนี้มาก่อนในช่วงชีวิตของฉัน ไม่สิ... นี่ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ นี่คือ... บางสิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่า แม้แต่ฉันเองก็ไม่สามารถทนต่อการระเบิดพลังดังกล่าวได้”
จากนั้นชายชราก็เดินมาหาเฉินฟาน และทักทายเขา “เป็นเกียรติที่ได้พบกับคุณ ท่านปรมาจารย์!” ชายชราพูดด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความยินดีในน้ำเสียงของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้พบกับปรมาจารย์ที่หนุ่มมากขนาดนี้!
ชายชราคาดว่าเขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าใจถึงพลังทั้งหมดของชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาคิดว่าเขาคงไม่สามารถหาผู้ใดในประเทศจีนที่ทรงพลังมากไปกว่าเขาได้อีกแล้ว
ซีชิงวิ่งไปที่ต้นวิลโลว์ และดึงใบวิลโลว์ออกมาด้วยความยากลำบาก จากนั้นเธอก็หันไปหาเฉินฟาน และมองดูเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“เขาทำได้อย่างไร?” เธอพึมพำ
แม้แต่ชายกำยำในรถก็อดตกตะลึงกับพลังเช่นนี้ไม่ได้ เขาเกือบลืมไปว่าเขายังคงจับด้ามปืนอยู่ในมือ
คุณจะใช้ปืนต่อสู้ได้อย่างไรเมื่อคู่ต่อสู้ของคุณเร็วกว่ากระสุน?
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่ชอบสำนวน หรือไม่ชอบตรงไหน พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่ Rebirth Of The Urban Immortal Cultivator ขอบคุณครับ