เฉินฟานค่อยๆเปิดตาของเขาขึ้นอย่างช้าๆ หากมีใครจ้องมองเขาอย่างละเอียดก็จะพบว่าดวงตาของเฉินฟานเปล่งประกายราวกับสายฟ้า และในไม่ช้าประกายภายในดวงตาของเขาก็ค่อยๆจางหายไป
‘ช่างเป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมมาก! แม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่ฉันทำการบ่มเพาะด้วยเทคนิคนี้ แต่มันก็สามารถทำให้ฉันบรรลุเข้าสู้ขั้นแรกของระดับที่หนึ่งได้เลย ด้วยอัตราเช่นนี้ฉันสามารถไปถึงขั้นก่อกำเนิดได้ภายใน 6 เดือน!’ เฉินฟานตกตะลึงอยู่ภายในใจ
ด้วยอัตราความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่พลังฉีถูกจำกัดเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาคิดว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะประสบการณ์จากการบ่มเพาะในอดีตของเขา แต่เทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์นี่ก็ช่วยเขาได้มากเช่นกัน
เฉินฟานลุกขึ้นยืน และทดลองขยับร่างกาย พลังงานภายในร่างกายของเขาก่อให้เกิดเสียง ‘ฟู่ว’ อย่างต่อเนื่องราวกับเสียงของป๊อบคอร์น
เขากำหมัด และรู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน
เขาหันกลับมา และต่อยไปที่ต้นวิลโลว์ด้านหลัง ต้นวิลโลว์ที่เก่าแก่สั่นสะเทือน และใบวิลโลว์นับไม่ถ้วนก็ปลิวหล่นลงมา
เฉินฟานถอนกำปั้นของเขาออกจากต้นวิลโลว์ และพบว่ากำปั้นของเขาได้ทิ้งรอยประทับที่มีความลึก 3 นิ้วไว้บนเปลือกของต้นวิลโลว์
ต้นวิลโลว์ต้นนี้มีอายุกว่า 100 ปี และอายุก็ทำให้เปลือกของมันแข็งมาก หากหมัดดังกล่าวถูกซัดลงบนร่างกายของมนุษย์ ร่างเหล่านั้นคงเหลืองทิ้งไว้เพียงแค่รูที่กลวงโบ๋
นี่เป็นผลจากการบ่มเพาะเพียงแค่วันแรกเท่านั้น คงอีกไม่นานนักก่อนที่เขาจะสามารถโค่นต้นวิลโลว์นี้ได้ด้วยการต่อยเพียงครั้งเดียว ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่ได้ใช้พลังฉีในการชกออกไป แต่อาศัยเพียงพลังของร่างกายเท่านั้น
เทคนิคกลั่นร่างไร้สิ้นสุดไม่เพียงแต่ปรับปรุงพลังงานของเขา แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน เขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของซูเปอร์แมนหลังจากผ่านการบ่มเพาะเพียงแค่คืนเดียว
อย่างไรก็ตามเฉินฟานส่ายหัวด้วยความผิดหวัง เมื่อเปรียบเทียบกับพลังที่เขาเคยมีในก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งในหมัดนี้ช่างน่าสมเพชเป็นอย่างมาก
“หนทางของฉันยังอีกยาวไกล” เขาถอนหายใจ เขาเงยหน้าขึ้น และสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังลอยขึ้นอยู่เหนือผิวน้ำของทะเลสาบ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเขานั่งอยู่ที่นี่มาตลอดทั้งคืน แต่เขากลับไม่รู้สึกอ่อนเพลียเลยแม้แต่นิด
แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอ่อนเพลีย แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความหิวโหยที่กำลังร่ำร้อง เขาตบไปที่ท้อง และตัดสินใจที่จะไปหาอะไรกิน
ทันทีที่เขากำลังเดินออกจากต้นวิลโลว์ เขาก็เห็นคนสามคนเดินเข้ามา
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดออกกำลังกายสีขาวเดินอยู่เคียงข้างชายสูงอายุในชุดจีนแบบดั้งเดิม ด้านหลังของทั้งสองเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างกำยำ และดวงตาที่แหลมคม
หญิงสาวในกลุ่มมัดผมของเธอเป็นหางม้า การแสดงออกบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา และความห่างเหิน เธอมีหน้าอกที่เต่งตึง และรูปร่างที่สูงสง่า เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดเหมือนกับเจียงซูหลัน
เฉินฟานยังคงดื่มด่ำกับความสุขหลังจากประสบความสำเร็จ เขาเดินผ่านคนแปลกหน้าทั้งสามอย่างไม่สนใจ
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังจับจ้องไปที่เฉินฟานที่ไม่สนใจพวกเขาจนกระทั่งเฉินฟานเดินลับหายไปตามเส้นทาง จากนั้นเขาก็หันหน้า และมองไปยังชายชราที่สวมชุดจีนแบบดั้งเดิม และพูดอะไรบางอย่าง
ชายชราส่ายหัวด้วยความไม่เห็นด้วย “เป็นไปไม่ได้หรอก เขาคงมาที่นี่เพื่อวิ่งจ๊อกกิ้งในตอนเช้าเท่านั้น”
หลังจากกลับไปยังที่พักที่หมู่บ้านริมทะเลสาบ เฉินฟานก็พบแผงขายอาหารเช้า และจัดอาหารไปชุดใหญ่ จากนั้นเขาก็ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต และซื้อของเบ็ดเตล็ดทั่วไป เขาหาร้านขายยาจีน และสั่งซื้อยาสมุนไพร เมื่อเขากลับถึงบ้าน มันก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
ในไม่ช้าเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากป้าถังที่เชิญเขามาทานอาหารกลางวันที่บ้านของเธอ
เขาต้องการที่จะไป แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเจียงไห่ซาน และเจียงซูหลัน เขาจึงคิดว่าการไม่ไปที่นั่นคงเป็นเรื่องที่ดีกว่า เขาหาข้อแก้ตัว และบอกป้าถังว่าเขาจะหาอาหารกลางวันทานด้วยตัวเอง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉินฟานก็นึกถึงพ่อแม่ของเขาที่ยังไม่ได้โทรมา พวกเขาเป็นพ่อแม่แบบไหนกัน? ส่งลูกชายไปที่ใหม่ และไม่สนใจที่จะโทรมาถามเลยใช่ไหม?
“หรือบางทีป้าถังอาจจะเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันก็ได้ ฮ่าฮ่า” เฉินฟานส่ายหัวอย่างท้อใจ
ในไม่ช้าก็มีคนมาเคาะประตูบ้านเพื่อส่งมอบยาสมุนไพรที่เขาสั่งซื้อ
การบ่มเพาะโดยปราศจากสิ่งช่วยเหลือนั้นสามารถทำได้ แต่ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะก็จะล่าช้าเป็นอย่างมาก สิ่งต่างๆเช่นยาสมุนไพร และสมบัติอาคมต่างๆจะช่วยเพิ่มอัตราความก้าวหน้าของผู้บ่มเพาะเป็นอย่างมาก แม้ว่ายาสมุนไพรบนโลกจะมีคุณภาพต่ำมาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย
ในการเตรียมสมุนไพรเหล่านี้เขาไม่ต้องการหม้อปรุงยาหรือต้องต้มยาเป็นเวลานานถึง 72 ชั่วโมงตามคำแนะนำของหมอยาที่ร้านขายยาสมุนไพร
เขาเพียงแค่วาดสัญลักษณ์วงกลมลงบนพื้น แล้วกระจายสมุนไพรไปรอบๆภายในวงกลม จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่วงกลม และเริ่มใช้เทคนิคในการควบคุมพลังฉีของสมุนไพรที่เขารู้จัก
“อาคมสกัดวิญญาณ!”
นี่คืออาคมขั้นพื้นฐานที่สุดที่ผู้บ่มเพาะสามารถใช้ได้
สมุนไพรที่กระจัดกระจายอยู่รอบตัวเขาเริ่มลอยขึ้นไปรอบๆ และพุ่งเข้าหาเฉินฟาน
เหมือนดั่งตามชื่อของอาคม เทคนิคนี้ใช้เพื่อดึงพลังวิญญาณฉีจากสมุนไพร และหลอมรวมเข้ากับคาถา นี่เป็นคาถาที่ง่ายต่อการใช้งาน แต่มีประสิทธิภาพมาก มันไม่เพียงแต่ดึงพลังฉีออกมาจากสมุนไพรทั่วไป แต่รวมไปถึงสมบัติอาคมต่างๆด้วยเช่นกัน
ผู้บ่มเพาะได้ศึกษา และพัฒนาเทคนิคการบ่มเพาะมานานหลายล้านปี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามวิธีการบ่มเพาะที่แสนยุ่งยากตามที่อธิบายไว้ในนวนิยายกำลังภายใน เพราะนี่คือยุคของการบำเพ็ญเซียน!
ประสิทธิภาพของอาคมที่มีขอบเขตระดับใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้บ่มเพาะ และเขายังเป็นที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งข่ายอาคม
เฉินฟานปิดตาลง และควบคุมพลังฉีของสมุนไพรอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็กลายเป็นช่วงพลบค่ำไปแล้ว
“การบ่มเพาะในวันนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าความพยายามในคืนที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ผลกระทบนี้อยู้ได้ไม่นานนัก” เฉินฟานขมวดคิ้ว “ทำไมสมุนไพรเหล่านี้ถึงแพงมากมายนัก? เฮ้อ ฉันได้ใช้เงินส่วนใหญ่ที่แม่ให้ไปจนเกือบจะหมดแล้ว”
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปบ่มเพาะที่ใต้ต้นวิลโลว์อีกครั้ง” เฉินฟานไม่เคยคิดว่าเงินที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดบนโลกนี้จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการบ่มเพาะของเขา
“ทำไมแม่ของฉันถึงขี้เหนียวมากขนาดนี้กันนะ? เธอไม่ได้ยากจนซักหน่อย” เขาคิดกับตัวเองอย่างขมขื่น
เขาเดินไปที่เตียง และนอนจนกระทั่ง 11.00 น. ทันทีที่เขาลุกขึ้นจากเตียงเขาก็ตรงไปที่ต้นวิลโลว์ต้นเดิมที่ริมทะเลสาบ
เมื่อเฉินฟานมาถึง เขาก็แปลกใจที่พบว่ามีคนอื่นได้ยึดใต้ต้นวิลโลว์ที่เขาจะใช้ไปเสียแล้ว
มันเป็นผู้หญิงผมม้าคนเดียวกันกับที่เขาพบเมื่อวานนี้ และเธอกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ใต้ต้นไม้ ในไม่ช้าเฉินฟานก็สังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว ชายชรายืนอยู่ด้านหลังต้นไม้ และคอยมองดูการฝึกฝนของหญิงสาว เขาจะคอยหยุดยั้งผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้ข้อคิดเห็น และคำแนะนำต่างๆ
ชายกำยำที่มีดวงตาแหลมคมกำลังนั่งอยู่ในรถจี๊ปสีดำ สายตาของเขาแสกนไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง
นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้ากลุ่มเดียวกับที่เขาพบเมื่อเช้าวานนี้หรอกเหรอ?
เฉินฟานอดที่จะเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ชายชราชำเลืองมองไปที่เฉินฟานอย่างมีมารยาท จากนั้นชายชราก็หันกลับมา และให้คำแนะนำกับหญิงสาวที่อยู่ถัดจากเขาต่อไป
เมื่อวานนี้เฉินฟานกำลังเร่งรีบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะจ้องมองผู้หญิงคนนั้นได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากเขาสังเกตผู้หญิงคนนี้อยู่ซักพัก เขาก็รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เขาเห็น
นอกเหนือจากใบหน้าที่สวยงาม และร่างกายที่สมบูรณ์ของหญิงสาวแล้ว เธอยังมีท่าทางราวกับวีรสตรีในทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหว แม้แต่การยกแขนธรรมดาก็ยังดูราวกับการประกาศชัยชนะ และการหมุนตัวเตะที่ทรงพลังของเธอก็ราวกับกำลังยื่นคำขาดสุดท้ายให้ศัตรู
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของเธอไม่ใช่สิ่งที่เฉินฟานประหลาดใจ แต่เป็นสิ่งที่เขาเห็นในตัวเธอ พลังงานลี้ลับที่อยู่ภายในตัวเธอ
‘เธอเป็นผู้บ่มเพาะงั้นเหรอ?’ เฉินฟานรู้สึกประหลาดใจเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับผู้เพาะบ่มคนอื่นบนโลกนี้
‘ไม่สิ...’ เฉินฟานพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับพลังงานลี้ลับภายในตัวเธอ ‘พลังนี่ดูอ่อนแอ และ... ธรรมดามากเกินไป พลังนี่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะใช้ได้แม้แต่คาถาที่ง่ายที่สุด’
ในขณะที่เฉินฟานทำการเฝ้ามองต่อไป เขาก็สังเกตเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนใครของหญิงสาว และชายชราที่สวมใส่ชุดศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิม ทันใดนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้คนทั้งสองมากยิ่งขึ้น
‘พลังในร่างของเธอคือสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังภายใน’ ใช่รึเปล่านะ?’
เฉินฟานโตขึ้นมากับซีรีย์ทีวีกำลังภายใน ดังนั้นเขาจึงได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับกังฟู และพลังภายใน เขามักจะคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงนิทานปรัมปราเท่านั้น
เขาเห็นว่าพลังภายในเป็นรูปแบบที่อ่อนแอกว่ามากเมื่อเทียบกับพลังลี้ลับของผู้บ่มเพาะ แม้ว่าตอนนี้เฉินฟานจะอยู่เพียงขั้นเริ่มต้นของการบ่มเพาะ แต่เขาก็ยังเป็นผู้ที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พลังภายใน
พลังภายในที่อยู่ภายในร่างกายของหญิงสาวนั้นด้อยกว่าพลังลี้ลับแม้กระทั่งกับผู้บ่มเพาะที่ไร้ความสามารถมากที่สุดก็ตาม ความแตกต่างของพลังงานทั้งสองรูปแบบนั้นต่างกันราวกับน้ำมันดีเซล และเชื้อเพลิงจรวดซึ่งดีเซลสามารถใช้กับรถทั่วไป แต่เชื้อเพลิงจรวดสามารถใช้ขับเคลื่อนจรวดไปสู่อวกาศได้ พวกมันเป็นเชื้อเพลิงเหมือนกันทั้งคู่ แต่ก็ให้พลังงานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ผู้บ่มเพาะสามารถควบคุมพลังในห้วงเอกภพเพื่อควบคุมคาถาที่ทรงพลัง และสร้างสมบัติที่มีค่าแสนยิ่งใหญ่ที่น่าอัศจรรย์ ทั้งหมดนี่ล้วนแต่ไกลเกินเอื้อมของผู้ฝึกยุทธ์
หลังจากที่เฉินฟานพึงพอใจกับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองแล้ว เขาก็สงบเสงี่ยม และเฝ้าดูการฝึกฝนของหญิงสาวต่อไป
บางครั้งเขาก็จะส่ายหัวอย่างไม่พอใจเป็นครั้งคราว
หญิงสาวสังเกตเห็นการแสดงออกราวกับกำลังติเตียนของเฉินฟานจนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ เธอหยุดการฝึกฝน และถามออกมาด้วยความโมโห “ฮึ่ม! นายจ้องมองอะไร? แล้วส่ายหัวทำไม?”
---------------------------------------------------------------------------------------------------
พบปะพูดคุยกันได้ที่ Rebirth Of The Urban Immortal Cultivator ขอบคุณครับ