ซ่งเจิงเมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิง รีบปล่อยมือทันที แต่สายตาเหลือบมองไปเห็นขาที่อ่อนแรงจนจะล้มลงไป จึงประคองเธอขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็รีบเก็บมือของตัวเองกลับไปในทันที
ในครอบครัวที่เขาใช้ชีวิตอยู่ จริยธรรมเป็นเรื่องที่เข้มงวดมาก ต่อให้เป็นที่โรงเรียนเทคโนโลยีโม๋เซียง เขาเองก็ไม่เคยเกเร ผู้หญิงคนนี้บุกเข้ามา ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายแบบไหนกันนะ! หรือว่าคิดว่าคนอย่างซ่งเจิงเป็นคนง่ายๆ! เอ่อ! ฉันคือชายที่บริสุทธิ์ดั่งเงินนะ!
ดังนั้นซ่งเจิงจึงไม่กล้าสัมผัสอะไรมากมายกับคนที่มาหาเค้า จากนั้นกระแอมเสียงขึ้นเบาๆ แล้วจึงถามว่า : “เธอคือใคร ทำไมถึงต้องมาหาของกินจากฉัน?”
เมื่อครู่ตั้งแต่ชั้นล่างตลอดทางที่กลับมา สายตาที่จ้องมองตนเองจากด้านหลัง แน่นอนว่าเป็นเธอคนนี้ ซ่งเจิงเดิมทีไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงตามมา กลับไม่คิดว่าพอได้ปริปากพูดก็ต้องการของกิน
ด้านในเสื้อที่อกของซ่งเจิงยังมีแพนเค้กอีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่กิน คนนอกไม่น่าจะรู้เรื่องนี้ได้!
เพราะการวิวัฒนาการของกระทะเหล็ก แม้แต่ซ่งเจิงก็พึ่งจะรู้ คนอื่นๆยิ่งไม่มีความเป็นไปได้ที่จะรู้! แต่ทำไมคนคนนี้ถึงมาถึงหน้าห้องประตูเพื่อขอข้าวกิน หรือว่าความลับของกระทะเหล็กถูกเธอเห็นเข้าแล้ว?
ในสมองของซ่งเจิงมีความคิดมากมายที่วนอยู่ในหัว
ในขณะนี้ บุคคลที่เข้ามาได้สูดลมหายใจเข้าออกสองสามที ในที่สุดก็มีแรงเงยหน้าขึ้นมา
ในช่วงเวลานี้ ซ่งเจิงมองดูลักษณะหน้าตาของเธอ ถึงแม้ว่าผมจะร่วง สีหน้าที่บ่งบอกถึงความหิวเป็นเวลานานจนทำให้กลายเป็นคนผอมบางอย่างมาก แต่ก็ดูออกว่าเดิมทีมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เลวเลยทีเดียว หน้าตาที่ดูเข้ารูป ปากนิดจมูกหน่อยและคางเป็นทรงเรียวแหลม
ถ้าอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดและแต่งหน้าสักเล็กน้อย แน่นอนว่าต้องเป็นหญิงสาวที่สวยงามแน่ๆ!
“ฉัน…..ฉันชื่อว่าหลี่หวานหรู….”
หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ : “ได้โปรด….ช่วยฉันด้วยให้อาหารฉันสักเล็กน้อยเถอะ…..”
ซ่งเจิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงจริงจังขึ้นมา แล้วถามว่า : “ฉันจะพูดอีกครั้ง ทำไมคุณถึงตามผมมาเพื่อมาขออาหาร? ทำไมคุณถึงแน่ใจว่าที่นี้มีอาหาร? หรือว่าไม่กล้าไปขออาหารจากพวกหัวหน้าเฉิน?”
แม่สาวหลี่หวานหรูผู้นี้ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาสะสวย แต่ในใจของซ่งเจิงไม่ได้มีความคิดรักทะนุถนอมอะไรแบบนั้น ความลับของกระทะเหล็กใบใหญ่ที่สามารถผลิตแพนเค้กขึ้นได้ สำหรับตอนนี้ ห้ามประกาศออกไปอย่างเด็ดขาด และไม่สามารถให้คนอื่นรับรู้เรื่องนี้ได้!
ในยุคสมัยที่ผู้คนมากมายอิ่มเป็นบางมื้อหิวเป็นบางมื้อแบบนี้ เพื่อหมั่นโถวแค่หนึ่งชิ้น อาจจะมีการต่อสู้แย่งชิงกันได้ แม้กระทั่งควักมีดออกมาต่อสู้ เอาชีวิตไปแลกเพื่ออาหารล้วนมีมาให้เห็นหมดแล้ว! และกระทะเหล็กที่ผลิตแพนเค้กที่ทั้งอร่อยทั้งแก้ความหิวได้ ความลับนี้ถ้าเกิดว่ามีคนรู้เข้า สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดผลอะไรที่จะตามมา!
ถ้าเกิดว่าหลี่หวานหรูรู้ความลับของกระทะเหล็กเข้าจริงๆ ซ่งเจิงก็จำเป็นต้องคิดว่าวิธีอื่น ปิดปากของเธอให้ได้ก็พอแล้ว!
ถ้าเกิดว่าไม่ได้ละก็….ก็มีเพียงคิดวิธีฆ่าเธอซะ! ถึงแม้ว่าในใจซ่งเจิงไม่อยากทำเช่นนั้น นึกถึงตัวเองที่มีความคิดแบบนี้ขึ้นมา ในใจของซ่งเจิงก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น! นี้ถ้าเกิดว่าเคยทำแบบนี้ก่อนที่จะข้ามเวลามา หญิงสาวที่งดงามเพียงนี้ได้แต่มองแต่ไม่สามารถจับต้องได้ ถ้าเกิดว่าจับต้องได้เธอต้องไล่เตะตูดฉันแน่ๆ! แต่ตอนนี้เพื่อแพนเค้กชิ้นเดียว คาดไม่ถึงว่าตนเองจะ…..
หลี่หวานหรูถูกน้ำเสียงที่จริงจังพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันของซ่งเจิงก็ทำให้ตกใจมาก จนร่างกายถึงกับสั่น รีบพูดอธิบายทันที : “หัวหน้าเฉินตั้งกฎขึ้นมาแต่ไหนแต่ไร ทุกๆวันทุกคนจะได้รับอาหารอย่างจำกัด ทุกคนกินกันเยอะมาก ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้….
เมื่อครู่นี้ฉัน….เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ได้กลิ่นหอมของอาหารจากตัวคุณ คิดว่าในตัวคุณมีของกินอยู่ ถึงได้ตามขึ้นมา…..”
ในขณะที่หลี่หวานหรูพูดอยู่ ก็เข้าใจทันทีว่าซ่งเจิงกำลังกังวลเรื่องอะไร รีบจ้องตาค้างแล้วแล้วโบกมือพร้อมพูดว่า : “คุณวางใจได้….ฉันไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่นอย่างเด็ดขาด! และก็จะไม่ถามว่าท่านทำอาหารนี้มาจากที่ไหน! เพียงแต่ได้โปรดให้ทานแก่ฉันเถอะ ปู่ของฉัน….ปู่ท่านตอนนี้…..”
ขณะที่ซ่งเจิงได้ยินสิ่งที่เธอพูด ตอนนี้ก็ลองดมกลิ่นในตัวของตัวเอง
ถ้าเกิดว่าดมอย่างละเอียดจริงๆ แน่นอนว่าสามารถได้กลิ่นหอมของแพนเค้กและต้นหอม แต่กลิ่นจืดจางมาก ต่อให้เป็นสิ่งที่หลี่หวานหรูพูดก็ตาม ซ่งเจิงยังต้องดมอยู่หลายครั้งถึงได้กลิ่น แม่สาวคนนี้จมูกดีเกินไปแล้ว
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ แล้วดูท่าทางของเธอที่ไม่เสแสร้ง ซ่งเจิงก็ถอนหายใจออกมา
ในเมื่อไม่ได้รู้ความลับของกระทะเหล็ก ก็จัดการง่ายขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้วิธีฆ่าปิดปาก แต่แม่สาวหลี่หวานหรูเหมือนว่ายังมีอะไรที่ยังพูดไม่หมด
“ปู่ของเธอเป็นอะไรงั้นเหรอ?” ซ่งเจิงถามต่อ
หลี่หวานหรูตื้นตันจนน้ำตาแทบร่วง และคลออยู่ข้างในเบ้าตา กัดที่ริมฝีปากแล้วพูดว่า : “ปู่ฉัน…ปู่เขาตอนนี้จะไม่ไหวแล้ว ถ้าเกิดว่ายังไม่ได้กินอะไรอีก ปู่จะต้องหิวจนตายแน่ๆ ได้โปรดท่าน….ได้โปรดช่วยฉันเถอะ ให้อาหารอะไรแก่ฉันก็ได้ ขอเพียงแค่สามารถช่วยชีวิตปู่ได้ คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น……”
ทำอะไรก็ได้งั้นหรอ?
หรือว่าจะทำเรื่องอะไรที่สามารถทำบนเตียงก็สามารถทำได้?
ซ่งเจิงอดไม่ได้ที่จะคิดในแง่ร้าย ถามขึ้นอย่างอดที่จะแปลกใจไม่ได้ : “หิวจนจะตายแล้ว? ในโรงแรมไม่ใช่ว่ามีการแบ่งอาหารให้ทุกวันหรอกเหรอ หรือว่าเธอกับปู่ของเธอไม่ได้รับอาหาร? ทำไมถึงใกล้หิวจะตายขนาดนี้?”
ตามมาตรฐานที่จัดหาอาหารให้กำหนดโดยโรงแรมฟู่คัง นอกจากสมาชิกทีมนักรบกลุ่มสำรวจที่สามารถรับอาหารได้ถึงแม้ว่าจะไม่มาก แต่ทุกวันจะได้รับอาหารสองมื้อต่อวัน เพียงแค่ไม่เที่ยวไปกระโดดโลดเต้นเป็นประจำ ร่างกายจะย่อยสลายอาหารรวดเร็วจนเกินไป การรักษาเป็นความต้องการพื้นฐานของร่างกายก็ยังถือว่าเพียงพอ ดังนั้นซ่งเจิงเริ่มสงสัยว่าแม่สาวหลี่หวานหรูคนนี้กำลังพูดโกหก
สายตาของหลี่หวานหรูเริ่มเปลี่ยนไป จึงรีบพูดอธิบาย : “โรงแรมมีจัดอาหารให้ทุกวันก็จริง แต่ทุกวันคือข้าวหยาบๆกับผักกาดกระป๋อง….ปู่ของฉันเป็นโรคความดันสูง ไม่สามารถกินอาหารรสเค็มได้ เมื่อก่อนท่านเอาให้ฉันกินตลอด…แต่สองสามเดือนมานี้วัตถุดิบที่แบ่งมาให้มีการลดจำนวนลงตลอด ข้าวตอนนี้ไม่สามารถกินอิ่มได้แล้ว ปู่ของฉันก็อายุปูนนี้แล้ว ตอนนี้ท่านจึงหิวจนจะไม่ไหวแล้วล่ะ…..”
ขณะที่พูด หลี่หวานหรูกัดริมฝีปาก พูดกับซ่งเจิงว่า : “ฉันรู้ว่าในตัวคุณมีของกินอยู่….เพียงแค่คุณแบ่งให้ฉันสักนิด แค่เล็กน้อยก็พอแล้ว คุณอยากได้อะไรฉันสามารถช่วยคุณได้หมด แม้กระทั่งตัวฉันเอง…..”
หลี่หวานหรูพูดพร้อมกัดฟัน จิตใจเด็ดเดี่ยว คาดไม่ถึงว่าจะฉีกเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบ ผิวที่ขาวกระจ่างใส
“เพียงแค่ท่านให้อาหารฉันแค่เล็กน้อย ให้ฉันกลับไปช่วยชีวิตปู่ได้ ในคืนนี้ฉัน….สามารถหลับนอนกับคุณได้…..”
ซ่งเจิงพอเจอเหตุการณ์แบบนี้ รีบเบนสายตาออก แล้วรีบพูดขึ้นทันทีว่า : “ฉันจะไม่มองเธอ รีบใส่เสื้อผ้าเถอะ!”
ต่อให้เป็นที่โรงเรียนเทคโนโลยีโม๋ม่อเซียง ล้วนเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังเข้าสังคม ทุกคนพูดคุยมีอารมณ์ขันสนุกสนานกัน แต่ก็ล้วนมีขอบเขต
ไม่คาดคิดว่า ผู้หญิงในสมัยนี้จะกล้าเปิดเผยขนาดนี้…..
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งเจิง สีหน้าของหลี่หวานหรูเผยสีหน้าเศร้าหมองออกมา คิดว่าซ่งเจิงรังเกียจท่าทางของเธอ แต่เมื่อคิดถึงปู่ที่นอนป่วยที่ห้อง ก็กัดฟันทนต่อไป