px

เรื่อง : Rebirth Of the Urban Immortal Cultivator
ตอนที่ 1 : ฉันกลับมาแล้ว


ในช่วงฤดูร้อนปี 2007 รถบัสของบริษัทการท่องเที่ยวมังกรทองกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองซี่ชุ่ยที่อยู่ใกล้กับเมืองซูโจวในมณฑลหูตง

 

เมืองซี่ชุ่ยเป็นเขตแม่น้ำ และในช่วงฤดูร้อนเช่นนี้ผู้โดยสารบนรถบัสส่วนมากต่างก็พากันนอนหลับ

 

ทันใดนั้นชายหนุ่มหน้าตาดีที่มีใบหน้าเรียบเนียน ทรงผมที่เงาวับ และส่วนสูงสูงห้าฟุตหกนิ้วก็สะดุ้งขึ้นมาราวกับเขาเพิ่งตื่นจากฝันร้าย จากนั้นเขาก็มองสำรวจรถบัสด้วยความอ่อนล้า

 

ทันใดนั้นเมื่อเขาพบความเป็นจริง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น เขาเคยไปยังอีกโลกหนึ่ง และย้อนกลับมา แต่ไม่มีใครบนรถบัสจะตระหนักถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพบเจอเมื่อไม่นานมานี้ได้เลย

 

“นี่เป็นรถบัสคันเดียวกันกับที่ฉันกำลังจะไปเมืองซูโจวเพื่อเริ่มเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย!”

 

“แต่ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ไม่ใช่ว่าฉันกำลังจะก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์อยู่งั้นเหรอ?”

 

“เป็นไปได้ไหมที่ฉันได้ย้อนกลับคืนสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง?” เฉินฟานหรี่ตาในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด

 

“เป็นไปได้อย่างไรกันที่ฉัน เฉินเป่ยซวนจะรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ และกลับมาเกิดใหม่เป็นตัวตนเดิมอีกครั้ง?”

 

เฉินฟานยังเป็นที่รู้จักกันในนาม “เฉินเป่ยซวน” และเป็นผู้บ่มเพาะ “เป่ยซวน” นี่เป็นชื่อเต๋าที่อาจารย์ของเขาเป็นคนมอบให้เมื่อยามที่เขาได้พบกับอาจารย์ของเขาเป็นครั้งแรก

 

เขาเริ่มทำการบ่มเพาะเป็นเวลา 500 ปีภายใต้หนึ่งในเก้านิกายสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของห้วงเอกภพ นิกายของเขาคือนิกายอมตะนิรันดร์ และเขาก็เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดของนิกาย ผู้บ่มเพาะอมตะ ชางฉิน

 

ต้องขอบคุณพรสวรรค์ที่แสนยอดเยี่ยมของเฉินฟาน เขาใช้เวลาเพียง 500 ปีในการบ่มเพาะจนเข้าสู่ระดับขั้นสูงสุด ระดับภัยพิบัติ เขาคิดว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะที่มีความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในรอบหลายศตวรรษที่จะประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นไปเหนือระดับขั้นในปัจจุบันสู่ระดับอมตะ

 

เฉินฟานอาศัยอยู่ในห้วงเอกภพนั้นเป็นเวลา 500ปี เขาต่อสู้ และเอาชนะการต่อสู้มาได้ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนในห้วงเอกภพที่กล้ามาท้าทายเขา เขาจะลงมือต่อสู้โดยปราศาจากซึ่งความปราณีอยู่เสมอ ความไร้พ่ายของเขาทำให้เขาได้รับฉายา จ้าวสวรรค์ลี้ลับแห่งแดนเหนือ

 

อย่างไรก็ตามต่อให้เขาทรงพลังมากมายขนาดไหน เขาก็ต้องสูญเสียทุกอย่างเมื่อล้มเหลวในการก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์อยู่ดี

 

เขาไม่คาดคิดเลยว่าความผิดพลาดที่นำมาซึ่งความล้มเหลวในการก้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์คือการเร่งรีบบ่มเพาะพลังของตนเองมากเกินไป รวดเร็ว และเกรี้ยวกราดเป็นคติประจำใจของเขา แต่มันก็ทำให้รากฐานการบ่มเพาะของเขาเต็มไปด้วยจุดอ่อน

 

ปณิธาน และเจตจำนงของเขาที่เรียกว่า “หัวใจแห่งเต๋า” ได้พังทลายลงเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่ซ่อนอยู่ในจิตใจที่มืดมิดที่สุดของเขา

 

ความทะเยอทะยานในการบ่มเพาะของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นความพินาศย่อยยับ เพื่อความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาได้ฝังความเสียใจต่างๆเอาไว้มากมาย และทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ด้วยความรู้สึกผิด และความคับแค้นใจที่สั่งสมมาเนิ่นนานได้กัดเซาะจิตใจของเขาอย่างช้าๆ จนทำให้เขากลายเป็นผู้ที่เปราะบางต่อการหลอกลวงของปีศาจภายในจิตใจ และภาพลวงตา

 

ในขณะที่เฉินฟานนึกถึงการต่อสู้ของเขากับปีศาจในจิตใจ เขาก็พยายามค้นหาพลังภายในร่างกายเพื่อดูว่าตอนนี้เขากำลังติดอยู่ในภาพลวงตาอยู่หรือไม่ ด้วยความประหลาดใจ เขาพบว่าไม่เพียงแต่ปีศาจภายในจิตใจของเขาหายไป แต่พลังปราณแรกกำเนิดของเขาก็หายไปด้วยเช่นกัน

 

“นี่ไม่ใช่พลังของปีศาจที่กัดกินจิตใจ ฉันได้ย้อนกลับมาอีกครั้งจริงๆ!” เฉินฟานขมวดคิ้ว และตระหนักถึงเรื่องราวทุกอย่าง

 

เฉินฟานรู้ว่าภาพลวงตาของปีศาจทางจิตใจแท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนี้ ปีศาจเหล่านี้ไม่สามารถปกปิดร่องรอยพลังทั้งหมดของปราณดั้งเดิมแห่งสวรรค์ได้

 

“พลังของฉันหายไปหมดแล้ว ไม่มีร่องรอยของพลังเต๋า ปราณแรกกำเนิด และการตระหนักรู้ถึงความเป็นอมตะ แม้แต่สมบัติเวทมนตร์ก็หายไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้ฉันไม่แตกต่างไปจากคนธรรมดา และทุกคนก็สามารถทุบตีฉันให้ร่วงได้ถ้าพวกเขาลงมืออย่างรุนแรงมากพอ”

 

แม้นี่จะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในการบ่มเพาะ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้มากนัก เขากลับหัวเราะเยาะในความพ่ายแพ้ของเขาอย่างแผ่วเบาแทน

 

“ก็ไม่เลว ชีวิตนี้ฉันจะใช้มันศึกษาทุกอย่างจากจุดเริ่มต้นจนไปถึงขั้นสูงสุด”

 

“คราวนี้ฉันจะทำให้แน่ใจว่าฉันได้บ่มเพาะไปทีละขั้นตอน และจะไม่เพียงแต่ทำให้สมบูรณ์ แต่จะทำให้มันสมบูรณ์แบบในทุกระดับขั้นด้วย”

 

เขายิ้ม และมีประกายแสงกระพริบผ่านอยู่ในนัยน์ตาของเขา

 

“ฉันจะคืนความอัปยศ และคำดูถูกเหยีดหยามที่ฉันเคยได้รับ ฉันจะเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อน และจะไม่ปล่อยให้ความเสียใจมาทำให้ฉันล้มเหลวเมื่อต้องทำการยกระดับอีกครั้ง”

 

มีความเสียใจมากมายในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แม้ว่าจิตใจของเขาจะหมกมุ่นไปกับการบ่มเพาะอยู่ตลอดเวลา แต่ความเสียใจ และความโศกเศร้าก็ยังคงอยู่ดังเดิม

“แม่ พ่อ น้องสาว และเสี่ยวเชว่ ฉันกลับมาแล้ว! คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้พวกคุณต้องผิดหวัง”

 

เฉินฟานเอนตัวพิงเบาะเมื่อเขาทำการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

 

เฉินฟานเกิดในครอบครัวธรรมดาในเขตซี่ชุ่ย พ่อของเขา เฉินจีซินอยู่ที่เมืองจินของมณฑลหูตง ในทางตรงกันข้ามแม่ของเขาได้รับการย่กย่องเป็นอย่างมากในเมืองหยานจิน

 

ทั้งสองพบกันที่วิทยาลัย และตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว แม้จะมีเสียงคัดค้านจากตระกูลหวัง และความคิดเห็นโดยรวมส่วนมากของตระกูลจะมีมติคัดค้านต่อการแต่งงานครั้งนี้ แต่พวกเขาทั้งสองก็ได้แต่งงานกันโดยไม่สนใจผู้อาวุโสของตระกูล นี่เป็นเรื่องราวที่อุกอาจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงอย่างตระกูลหวัง

 

หลังจากล้มเหลวที่จะหยุดยั้งการแต่งงาน ปู่ของเฉินฟานก็ตำหนิลูกสาวของตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยว

 

ด้วยความโกรธหวังเสี่ยวหยุนจึงบอกลาพ่อแม่ของเธอ และไปตั้งรกรากอยู่ที่มณฑลหูตง

 

เพื่อเป็นการพิสูจน์ตนเองต่อตระกูลหวังว่าเขามีค่าคู่ควรแก่ลูกสาวของพวกเขา เฉินจีซินจึงไม่ได้เลือกที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่มีอิทธิพลของตระกูลหวัง เขาย้ายไปอยู่ที่เมืองซี่ชุ่ย และเริ่มต้นทำงานเป็นข้าราชการระดับต่ำแทน

 

เฉินจีซินยังทำงานให้กับเมืองต่อไปอีกสองถึงสามทศวรรษ และเขาไม่เคยพยายามแสวงหาความได้เปรียบโดยการใช้คอนเนคชั่นกับตระกูลหวังที่ยิ่งใหญ่ เขาเริ่มต้นทำงานจากตำแหน่งระดับต่ำจนเลื่อนขั้นไปเป็นคณะการจัดการ แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากความคาดหวังของตระกูลหวังอยู่ดี

 

ในที่สุดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เริ่มผ่อนคลายลงหลังจากที่เฉินฟานถือกำเนิด ปู่ของเฉินฟานได้ให้ทั้งคู่มาเยี่ยมเยียนในช่วงตรุษจีน อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของเขาไม่ได้รับรู้เลยว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ในตระกูลหวังนั้นคือถ้อยคำที่แสนเย็นชา และเต็มไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามมากมาย

 

ทั้งตระกูลหวังได้พิจารณาว่าเฉินฟาน และพ่อแม่ของเขาได้นำพามาซึ่งความมัวหมองต่อชื่อเสียงของตระกูล พวกเขาท้าทายความต้องการของผู้นำตระกูล และให้กำเนิดบุตรชายที่ไม่เพียงแต่ไร้ค่า แต่ยังเป็นนำพาความอัปยศมาให้ตระกูลหวังอีกด้วย

 

สำหรับความสำเร็จของเฉินจีซินในมณฑลนั้น มันช่างน่าหัวเราะ และน่าสมเพชในสายตาของพวกเขา

 

ความคิดเหล่านี้ทำให้เฉินฟานข่มขื่นภายในใจ เขาส่ายหัว และยิ้ม

 

“หวังเฉิน ฉันพนันได้เลยว่าแกคงไม่คาดคิดว่าจะกลับมาจากอนาคต!”

 

“ครอบครัวของฉันได้ทำงานอย่างหนักเพื่อติดตามแก และพ่อแม่ของแก แต่ในที่สุดแล้วเราก็ยังเป็นหนอนที่ไร้ค่าในสายตาของแกอยู่ดี”

 

“แม่ของฉันเป็นคนที่น่าภาคภูมิใจ และเธอทนไม่ได้ที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม นั่นคือสาเหตุที่เธอทำงานหนัก แต่ในท้ายที่สุดแล้วความพยายามของเธอก็ไม่ได้รับการเหลียวแลเลยแม้แต่นิดเดียว!”

 

“ฉันขอให้คำสัตย์สาบานเอาไว้เลยว่า ฉันจะแก้แค้นให้แม่ของฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เมื่อฉันกลับมามีพลังอีกครั้ง ฉันจะเข้าไปเคาะประตูถึงถิ่นของแกเลย ฉันจะแสดงให้แกเห็นว่า การที่แกถูกบดขยี้ และถูกดูหมิ่นเหยียดหยามโดยหนอนที่ไร้ค่านั้นมันเป็นอย่างไร”

 

หวังเฉินเป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉินฟาน เขาเป็นลูกชายคนโปรดของตระกูลหวัง ในช่วงชีวิตสุดท้ายของเฉินฟาน เขาพยายามไปอย่างมากมายเพื่อที่จะไล่ตามหวังเฉิน แต่เขาก็ล้มเหลว ช่องว่างระหว่างหวังเฉิน และเฉินฟานนั้นไม่สามารถลดหลั่นกันได้

 

ครั้งสุดท้ายที่เฉินฟานเห็นผู้มาเยือนจากตระกูลหวังก็คืองานศพของแม่ ราวกับว่าตระกูลหวังนั้นคิดว่าการตายของแม่ของเฉินฟานนั้นไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าสำหรับตระกูล พวกเขาส่งคนมาร่วมงานพอเป็นพิธี และส่งเยาวชนมาร่วมงานศพเพียงสามคน ไม่มีใครในตระกูลหวังรุ่นเก่ามาร่วมงานด้วยตนเองเลยแม้แต่คนเดียว ไม่แม้แต่ปู่ ลุงหรือย่าของเขา

 

หนึ่งในผู้ที่มาร่วมงานคือหวังเฉิน เขามาเพื่อสาดเกลือลงไปบนบาดแผล หวังเฉินทำราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพรมแดงแทนที่จะสำรวมเมื่อมาร่วมงานศพป้าของเขา เขาล้อมรอบไปด้วยคำพูดประจบสอพลอมากมาย เขาแสดงออกด้วยท่าทางที่หยิ่งยโส และจองหองในการดูหมิ่นคนตาย

 

เขาเป็นเหมือนกับดารา ทุกที่ที่เขาไปจะได้รับความสนใจ และความเคารพโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์

 

แม้ว่าจะผ่านไป 500 ปี แต่ความคิดของตระกูลหวังก็ยังคงจุดประความแค้นให้กับเฉินฟาน ความทรงจำเช่นนี้จึงส่งผลกระทบมากมายต่อผู้บ่มเพาะอย่างเฉินฟาน

 

ผู้บ่มเพาะจะมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากเหล่าปิศาจที่กัดกินจิตใจ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ต้องสูญเสียพลังการบ่มเพาะมานานนับพันปี

 

“ต่อไปนี้ฉันจะไม่จมอยู่กับอดีตอีกต่อไป อืม... ฉันคิดว่าเฉียนจุนเว่ยยังคงไม่มาเมืองซูโจวในเวลานี้”

 

เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยของเมืองซูโจวทำให้จิตใจของเฉินฟานเต็มไปด้วยความคิดถึง

 

เมื่อนึกถึงเฉียนจุนเว่ยก็ทำให้เขาคิดถึงเสี่ยวเชว่ด้วยเช่นกัน

 

เขารักผู้หญิงคนนี้ และเธอก็รักเขาเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวความรักที่จบลงอย่างมีความสุข หลังจากนั้นความรักที่มีต่อเธอกลับกลายเป็นสิ่งที่ครอบงำจิตใจของเขา

 

เหล่าปิศาจได้ใช้ภาพลักษณ์ของเธอเพื่อทำให้จิตใจของเขาอ่อนแอในระหว่างการต่อสู้ หนึ่งในลักษณะบนใบหน้าของเธอก็เพียงพอที่จะทำให้การป้องกันของเขานั้นไร้ประโยชน์

 

“เฉียนจุนเว่ย! แกปล้นโชคชะตาของฉันไป และความรักในชีวิตของฉัน! แกบังคับให้ฉันกลับไปยังที่ที่ฉันจากมา แกนั่งบนบัลลังก์ของแกในขณะที่ฉันต้องเลียบาดแผลราวกับสุนัขข้างถนน” ความคิดนี้ทำให้เลือดของเฉินฟานเดือดพล่าน และนัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายราวกับกระบี่

 

เฉียนจุนเว่ยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของกลุ่มวั่นหรง เจ้าสัวแห่งอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และเขาเป็นบุตรชายของคนที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลหูตง

 

เขายังเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องความรักของเฉินฟาน ไม่เพียงแต่เขาขโมยฟางเชว่ไปจากเฉินฟาน แต่เขายังมีส่วนทำให้บริษัทความงามของแม่เขาล่มสลายไปอีกด้วย

 

“เสี่ยวเชว่ และฉันมีความสนใจซึ่งกันและกันมาตั้งแต่เรายังเด็ก และเราก็เริ่มหล่อเลี้ยงความรักอีกครั้งเมื่อเราได้มาพบที่มหาวิทยาลัยหลังจากแยกจากกันมาเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตามแกเป็นคนที่เข้ามาขโมยเธอไปจากฉัน แกเป็นคนบีบบังคับตระกูลของเธอให้เลิกคบกับฉัน และบังคับให้เธอต้องยอมแพ้ในที่สุด”

 

“ครั้งสุดท้ายที่ฉันพบกับเสี่ยวเชว่ก็คืองานเลี้ยงศิษย์เก่า และฉันก็ได้ยินเกี่ยวกับการหมั้นของเธอที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแก ฉันไม่คาดหวังมาให้แกมาเข้าใจว่าฉันรู้สึกอย่างไรในตอนนั้น แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะชดใช้คืนให้แกอย่างโหดร้ายนับสิบเท่า!”

 

“ถ้าไม่ใช่ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ชางฉิน ฉันคงจบชีวิตไปโดยจมอยู่แต่ความทุกข์หลังจากที่กระโดดลงมาจากอพาร์ทเมนต์ของฉันไปแล้ว” เฉินฟานพึมพำ

 

มันเป็นเวลา 500 ปีมาแล้ว และเขาก็ควรที่จะทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว อย่างไรก็ตามคำทุกคำที่ออกมาจากปากของเฉินฟานเต็มไปด้วยความตั้งใจที่เด็ดขาดจนทำให้เหล่าวิญญาณถึงกับสั่นกลัว

 

“ฉันจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เลวร้ายก่อนที่ฉันจะตัดสินใจจะจบชีวิตลง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเฉินฟานคนเก่าก็ได้ตายไป และเฉินเป่ยซวนคนใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นมา”

 

“ต้องขอบคุณเรื่องราวที่เกิดทั้งหมดนี่ ฉันจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะตั้งแต่เริ่มต้น ฉันก้าวผ่านความโกรธภายในตัวฉัน และจะก้าวข้ามการบ่มเพาะที่ผ่านมาในอดีตไปให้ได้ ฉันใช้เวลาเพียง 500 ปีกว่าจะถึงระดับขั้นสูงสุด ระดับภัยพิบัติ”

 

ริมฝีปากของเฉินฟานยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

 

ในขณะที่เฉินฟานอาศัยอยู่ในฐานะผู้แพ้ เฉียนจุนเว่ยก็ชื่นมื่นไปกับความสำเร็จของเขา

 

ตระกูลเฉียนมีส่วนทำให้แม่ของเฉินฟานเสียชีวิตรวมถึงการล่มสลายของบริษ้ทความงาม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเฉียนจุนเว่ย และตระกูลของเขาต้องรับผิดชอบกับความทุกข์ยากเกือบทั้งหมดในชีวิตของเฉินฟาน

 

ในชีวิตสุดท้ายของเขา เฉินฟานเสียทุกอย่างให้กับคู่ต่อสู้ของเขา บาดแผลเก่าเหล่านี้จะไม่จางหายไปเป็นปกติหรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะมีการชำระหนี้แค้นครั้งนี้ให้เสร็จสิ้น

 

“เฉียนจุนเว่ย ตระกูลฟาง ตระกูลหวัง และหวังเฉิน ฉันจะคืนความอัปยศ และความทุกข์ยากให้กับพวกแกเรียงตัวเลยทีเดียว”

 

หลังจากการบ่มเพาะมา 500 ปี ในที่สุดเขาก็พร้อมที่จะแก้ไขความผิดพลาดในช่วง 30 ปีแรกของชีวิต เมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่าง จิตใจของเขาก็ต้องการเพียงสิ่งเดียวคือ การแก้แค้น

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พูดคุยติชม และเปลี่ยนกันได้ที่ Rebirth Of The Urban Immortal Cultivator ขอบคุณครับ

รีวิวผู้อ่าน

kpbook301
1799 วันที่แล้ว

พ่อของแม่ทำไมเป็นปู่


  แสดงความคิดเห็น
poyyy9999
1804 วันที่แล้ว

12


  แสดงความคิดเห็น
moomundie
1807 วันที่แล้ว

งง


  แสดงความคิดเห็น