px

เรื่อง : เนตรเซียนทะลุสมบัติ
ตอนที่ 30 แม่นางกู้เอ้อเหนียง


ตอนที่ 30 แม่นางกู้เอ้อเหนียง

ทันใดนั้นกัวปาผีก็พูดขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าหยางโปจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย”

เถ้าแก่เจี่ยเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้ หลังจากชะงักไปครู่หนึ่งเขาก็หันไปหาหยางโป “หยางโปข้างๆนายคือแท่นฝนหมึกสินะ? เพิ่งซื้อมาใหม่เหรอ? ซื้อมาเท่าไหร่ล่ะ?”

หยางโปหันไปมองของชิ้นนั้น อันที่จริงที่เขานำมาวางไว้ตรงตำแหน่งที่เห็นได้ชัดก็เพื่อที่จะทดสอบเถ้าแก่เจี่ย เพราะที่ถนนสายนี้คนที่เป็นอริกับเขาก็คงจะมีแค่เถ้าแก่เจี่ยเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาเองก็ยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลังจากที่ได้ยินอีกฝ่ายถามเช่นนี้เขาก็มั่นใจขึ้นมาในทันทีว่าจะต้องเป็นเถ้าแก่เจี่ยแน่ๆ

“เถ้าแก่เจี่ยหมายถึงของชิ้นนี้เหรอ?” หยางโปยกแท่นฝนหมึกขึ้นมาพร้อมกับถาม

“ก็ใช่น่ะสิ นายซื้อมันมาเท่าไหร่? ดูไม่เลวเลยนะคงจะราคาราวๆ 40,000-50,000 หยวนล่ะสิ?” เถ้าแก่เจี่ยแสร้งถามขึ้น

40,000-50,000 หยวน? ของชิ้นนี้มีราคาถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไงกัน?” กัวปาผีมองไปที่ของชิ้นนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมา

เถ้าแก่เจี่ยขมวดคิ้ว “จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไงกันล่ะ? ไม่แน่หยางโปอาจจะได้ของดีมาก็ได้ใครจะไปรู้”

หยางโปสังเกตสีหน้าของเถ้าแก่เจี่ยอยู่ตลอด “ผมได้มาในราคาไม่ได้สูงขนาดนั้น ก็แค่ 20,000 หยวนเท่านั้นแหละ”

เถ้าแก่เจี่ยเกิดอาการตกใจขึ้นมาเพราะก่อนหน้านี้ฟางหยวนบอกเขาว่าขายออกไปในราคาถึง 40,000 หยวน! อันที่จริงเขาเองก็อยากจะเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความสงสัยทว่าในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้ และทำได้เพียงแค่พูดขึ้นมาว่า “ที่แท้ก็มีเงินน่าดูเลยนะนายเนี่ย ถึงได้ไม่เกี่ยงที่จะจ่ายเงิน 20,000 หยวนเพื่อของชิ้นนี้”

 

เถ้าแก่หลินยื่นมือออกไปรับแท่นฝนหมึกก่อนที่จะก้มลงดู “แท่นฝนหมึกชิ้นนี้เป็นงานฝีมือที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ คงจะถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคของหมินกว๋อ แต่...ราคาของมันคงจะไม่ได้สูงเท่าที่นายซื้อหรอก”

หยางโปพยักหน้า “ผมเองก็คิดว่ามันไม่น่าจะถึงราคานี้เหมือนกันครับ”

“แกบ้ารึเปล่าเนี่ย รู้อยู่แล้วว่าราคาไม่ถึงแล้วจะซื้อมันมาทำไม?” กัวปาผีถามขึ้น

หยางโปไม่ได้ตอบแต่กลับถือแท่นฝนหมึกขึ้นมาก่อนที่จะชี้ไปที่ด้านล่าง “เพราะว่ามันมีตัวอักษร “กู้” อยู่น่ะสิครับ ”

พูดจบ หยางโปก็หยิบแท่นฝนหมึกก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไป ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเสียงเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“แกทำอะไรของแกเนี่ย” กัวปาผีเงยหน้าขึ้นไปยังด้านบนบันไดพร้อมกับถามขึ้น ทว่าก็ได้ยินเพียงแค่เสียงเท้าที่ดังอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีการโต้ตอบกลับมา

ทั้งสามคนเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะเพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าหยางโปต้องการจะทำอะไรกันแน่ หลังจากนั้นไม่นานเถ้าแก่เจี่ยก็หันไปหากัวปาผี “ข้างบนมีอะไรน่ะ?”

“มีของๆเขาอยู่” กัวปาผีพูด

……

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงเท้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้งจนเรียกความสนใจให้กับทั้งสามคน ก่อนที่จะพบว่าหยางโปเดินลงมาด้านล่างพร้อมกับค้อนในมือของเขา

 

“นายจะทำอะไรน่ะ?” เถ้าแก่เจี่ยลุกขึ้นยืนพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ตื่นตระหนก เขารู้ดีว่าท่าทางของตัวเองที่แสดงออกไปอาจจะทำให้หยางโปเริ่มดูออกแล้ว ทว่าเขาก็ไม่คิดว่าหยางโปจะหยิบค้อนลงมา หรือว่าหยางโป...หรือว่าหยางโปจะเอามาแก้แค้นเขากันแน่นะ?

หยางโปไม่ได้พูดอะไรแต่เขาเลือกที่จะวางแท่นฝนหมึกลงก่อนที่จะจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับใช้ค้อนเล็กในมือเคาะไปที่มุมด้านซ้ายเบาๆ

“กึก! กึก!” เสียงค้อนและแท่นฝนหมึกกระทบกันจนเกิดเป็นเสียงใสดังกังวาลออกมา

ทว่าฉากตรงหน้ากลับสร้างความตกตะลึงจนอ้าปากค้างให้กับอีกสามคนที่เหลืออย่างมาก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าหยางโปจะใช้ค้อนทุบแท่นฝนหมึกที่เขาซื้อมาด้วยเงินของตัวเองเช่นนี้

“หยางโปนายจะทำอะไรน่ะ?” เถ้าแก่หลิวก้าวเท้ามาด้านหน้าพร้อมกับดึงแขนของหยางโปไว้

“นายซื้อมันมาด้วยเงิน 20,000 หยวนก็เพื่อที่จะฝึกฝนความสามารถของตัวเอง มันก็ต้องมีกันทุกคนนั่นแหละที่จะพลาดซื้อของแบบนี้กลับมา ถึงแม้ว่าของชิ้นนี้มันจะขายออกไปได้ 1,000-2,000 หยวนแต่มันก็ไม่ได้ขาดทุนมหาศาลขนาดนั้นนะ” เถ้าแก่หลิวพูดปลอบใจ

หยางโปยกค้อนขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะหันไปหาเถ้าแก่หลิว “เถ้าแก่สบายใจเถอะครับ ผมตัดสินใจเองได้ เดี๋ยวอีกแปบนึงเถ้าแก่ก็จะได้เห็นแล้ว”

พูดจบ หยางโปก็ใช้ค้อนของเขาทุบไปที่แท่นฝนหมึกต่อ

การเคลื่อนไหวของค้อนในมือหยางโปเป็นไปอย่างแผ่วเบาซึ่งมันไม่ได้มีท่าทางที่จะทุบทำลายของตรงหน้าแม้แต่น้อย ระหว่างที่กำลังเคาะไปที่ของตรงหน้าท่ามกลางความสนใจของทั้งสามคน สีหน้าของหยางโปก็เผยรอยยิ้มออกมา

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งหยางโปก็หยิบกบเหลาดินสอออกมาก่อนที่จะนำใบมีดบางๆในนั้นเซาะไปที่แท่นฝนหมึกตรงหน้า

ใบมีดสามารถเสียบเข้าไปในหินได้เนี่ยนะ? จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

 

กัวปาผีมองฉากตรงหน้าพร้อมกับความรู้สึกภายในใจที่อยากจะห้ามให้หยางโปหยุดการกระทำของเขา ทว่าทันทีที่เห็นฉากหลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือใบมีดนั้นเสียบเข้าไปด้านในแท่นฝนหมึกได้จริงๆ!

“เป็นไปได้ยังไงกัน!” กัวปาผีอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ใบมีดนั้นเสียบเข้าไปด้านในหินได้ด้วยเหรอ! ”

“ดูเหมือนว่าจะมีรอยร้าวนะ” เถ้าแก่หลิวพบว่าใบมีดของหยางโปเสียบเข้าไปได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และดูเหมือนว่าเขาจะต้องการงัดก้อนหินตรงหน้าให้โผล่ขึ้นมาด้วย

ในเวลาอันรวดเร็ว แท่นฝนหมึกในมือของหยางโปก็เริ่มแยกออกจากกัน อิฐก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งเป็นเหมือนกับหัวน็อตที่ถูกหยางโปหมุนให้เปิดออก หลังจากที่มันถูกเปิดออกมาแล้ว หยางโปก็ใช้แรงงัดมันขึ้นมาก่อนที่จะเกิดเสียง ‘โป๊ะ’ดังขึ้นราวกับฝาขวดไวน์ที่ถูกเปิดออกจนทำให้เกิดการแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์

ทั้งสามคนเกิดอาการตกตะลึงกับฉากตรงหน้า หยางโปค่อยๆเทของที่อยู่ด้านในออกมาอย่างเบามือ ในเวลาอันรวดเร็วก็พบว่าภายในอิฐนั้นมีเตียนหยวนที่หลุดลงมา!

“นี่! นี่มัน...เป็นไปไม่ได้!” เถ้าแก่หลิวเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมา

เถ้าแก่เจี่ยเองก็ตกใจจนแทบจะหยุดหายใจพร้อมกับรู้สึกโกรธขึ้นมา ที่เขารู้สึกแบบนี้ก็เป็นเพราะของชิ้นนี้เป็นของที่เขาส่งมันให้กับหยางโป แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ประวัติความเป็นมาของของชิ้นนี้แต่ทันทีที่เขาเห็นการป้องกันของข้างในที่หนาแน่นเช่นนี้เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของล้ำค่ามาก

“หยางโป นายรู้ได้ยังไง?” ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้กัวปาผีจะรู้สึกสงสัยอยู่ตลอดเกี่ยวกับความสามารถที่ของหยางโปที่คนอื่นพูดถึง แต่หลังจากที่เห็นมันกับตาตัวเองเขาก็ไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไป

 

หยางโปหยิบแท่นฝนหมึกขึ้นมาพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มหลังจากที่เห็นว่าตรงมุมขวาของแท่นฝนหมึกชิ้นนี้มีตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า “สร้างที่อู๋เหมินโดยแม่นางกู้เอ้อเหนียง” ตรงหน้าของเขาเกิดแสงที่มีความหนาขึ้นมาก่อนที่จะพุ่งมาตรงหน้าเขาจนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

แม่นางกู้เอ้อเหนียงคือช่างฝีมือหญิงในสมัยราชวงศ์ชิงและเป็นชาวซูโจว มีช่วงอายุอยู่ในยุคของจักรพรรดิยงเจิ้งและเฉียนหลง และในตอนนั้นนางก็ได้ติดต่อกับหวางเริ่นที่มีชื่อเสียงแถมยังได้รับการชมเชยจากเขาด้วย

หวางเริ่นเป็นนักจิตรกรในยุคนั้นและโปรดปรานแท่นฝนหมึกเป็นอย่างมาก ตอนที่เขากลับไปยังบ้านเกิดเขาได้ซื้อแท่นฝนหมึกโบราณไว้ถึง 2000 ชิ้นอีกทั้งยังสร้างห้องไว้สำหรับสะสมเป็นพิเศษโดยตั้งชื่อว่า “สือเยี่ยนเซวียน” และตั้งฉายาให้ตัวเองว่า “ผู้เฒ่าสือเยี่ยน ตอนที่เขาทำงานอยู่ที่ตวนโจว หวางเริ่นก็ได้รับหินมาชิ้นหนึ่งซึ่งมีคุณภาพดี เขาจึงตามหาช่างฝีมือมาผลิตแท่นฝนหมึกเพื่อทำการซ่อนหินไว้

หลังจากที่ได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับแม่นางกู้เอ้อเหนียงซึ่งเป็นช่างฝีมือในการผลิตแท่นฝนหมึกที่เป็นชาวซูโจว เขาก็รีบเดินทางจากฝูเจี้ยนเพื่อไปยังซูโจวซึ่งอยู่ห่างหลายพันลี้ในทันที หลังจากที่แม่นางกู้เอ้อเหนียงพบกับสือเยี่ยนเหล่าเหรินที่เป็นคนจริงใจและพบว่าหินที่เขานำมาเป็นวัสดุชั้นเยี่ยม นางจึงรู้สึกดีใจที่จะผลิตแท่นฝนหมึกที่มีความประณีตให้กับเขา

ผู้เฒ่าสือเยี่ยน รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ตอนที่เขาเขียนบทกวีเขาจึงได้เขียนบทกวีที่มีชื่อว่า “ของขวัญจากแม่นางกู้เอ้อเหนียง”ซึ่งสลักอยู่ด้านหลังแท่นฝนหมึกโดยมีบทกวีเขียนไว้ว่า “ใช้เครื่องตัดชนิดพิเศษตัดไปที่ดินจื่อหนีสีม่วงที่มีความหนาเป็นนิ้ว ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตกดินที่ตรอกจวนจู ยังคงกลิ้งเครื่องมือกรอไปรอบๆ ราวกับตัดผ่านตวนโจวสิบลี้”

  

นับตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนั้นแม่นางกู้เอ้อเหนียงก็กลายเป็นผู้ผลิตแท่นฝนหมึกที่มีชื่อเสียงซึ่งจากยุคของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง

นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงก็ยังมีผลงานชิ้นเอกของแม่นางกู้เอ้อเหนียงที่ถูกเก็บไว้ภายในนั้นจนถึงทุกวันนี้ด้วย

รีวิวผู้อ่าน


72 วันที่แล้ว

ดีครับ


  แสดงความคิดเห็น