px

เรื่อง : เนตรเซียนทะลุสมบัติ
ตอนที่ 29 ตกตะลึง


ตอนที่ 29 ตกตะลึง

“ทำเงินได้ดี? ” กัวปาผีเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาเพราะทุกคนรู้ดีว่าของที่อยู่ภายในตลาดมืดต่างก็ไม่ได้ทำเงินได้ดีเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะเป็นรอบๆ ตลาดมืดเองก็คงจะไม่สามารถขายออกไปได้ด้วยราคาที่สูง แต่ทำไมอีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาว่า “ทำเงินได้ดี” ?

เถ้าแก่เจี่ยยิ้มออกมา “เถ้าแก่กัวนี่จริงจังเกินไปแล้วนะ นายคิดว่าที่เขาขายออกไปจะขายที่ตลาดมืดจริงๆเหรอ? นายคิดดูสิว่าร้านค้าของพวกเราพึ่งพาอะไรเพื่อที่จะมีเงินเข้าร้าน? ร้านขายวัตถุโบราณที่อยู่รอบๆนี้ต่างก็พึ่งพาตลาดของโบราณแห่งเดียวกันเพื่อทำเงินไม่ใช่เหรอ? แถมพวกเราก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอกวงการพวกนี้ด้วยจริงไหม?”

กัวปาผีฝืนยิ้มออกมา การที่เขาต้องมารับรู้ว่าหยางโปตาถึงจนสามารถหยิบของดีกลับมาได้ทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างมาก

เถ้าแก่เจี่ยหันกลับมามองหยางโป “หลังจากที่ได้ของดีกลับมาด้วยตัวเอง เด็กของนายก็ไม่ได้ไปหาหลี่หลิงอีกเลย แถมช่วงไม่กี่วันมานี้ก็แทบจะไม่เห็นหัวเขาเลยด้วยซ้ำ ”

หยางโปฝืนยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง ความอดทนของเขาในเวลานี้ยังคงเหลืออยู่แต่ก็อีกไม่มากแล้ว “ช่วงนี้ที่บ้านผมมีปัญหานิดหน่อย แถมผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านด้วย”

“เหรอ? ที่บ้านมีปัญหา? มีเรื่องอะไรก็ควรจะรีบบอกสิ ถึงแม้ว่าความอดทนของเราจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือกันได้” เถ้าแก่เจี่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแต่ก็ปนไปด้วยความเย็นชา

หยางโปอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคืองในใจ ถ้าหากเขาขอยืมเงินจริงๆอีกฝ่ายจะยอมช่วยเหลือให้เงินเขายืมเหรอ? แต่ถึงจะยืมได้จริงๆก็คงจะให้ได้แค่ 300-400 หยวนมากสุดก็คงจะไม่เกิน 700 หยวนอยู่ดี!

“หยางโป นายนี่เอง!” ระหว่างที่พูดกันอยู่นั้น ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราก็เดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางดีใจ

 

ยังไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ ผู้มาเยือนก็พูดขึ้นว่า “เด็กของนายไม่ได้มาที่ร้านของฉันหลายวันแล้วนะเนี่ย มีของดีก็อย่าเก็บไว้คนเดียวซิ”

กัวปาผีชะงักไปก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “ลมอะไรพัดมาถึงทำให้เถ้าแก่หลิวมาที่นี่ได้เนี่ย?”

คนที่มาใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเถ้าแก่หลิวจากร้านจี๋หย่าถางนั่นเอง “ฉันมาหาหยางโปน่ะ”

กัวปาผีเกิดความสงสัยขึ้นมา เมื่อครู่หยางโปก็ทำให้เขาแปลกใจมากพออยู่แล้วคิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีเถ้าแก่หลิวมาที่นี่อีกคน ถึงแม้ว่าจะเป็นเถ้าแก่จากร้านขายวัตถุโบราณเหมือนกันแต่มันก็ยังมีความแตกต่างของระดับอยู่ สำหรับเขาและเถ้าแก่เจี่ยถือว่าเป็นคนที่สามารถเอาตัวรอดเพื่อที่จะไม่ทำให้พวกเขาต้องอดตายกับสายงานนี้ได้ โดยการออกไปจัดการอะไรเล็กๆน้อยๆก็สามารถที่จะทำเงินกลับมาได้อย่างรวดเร็วแล้ว

แต่สำหรับเถ้าแก่หลิวนับว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเถ้าแก่หลิวมีการเรียนรู้วิชาจากรุ่นสู่รุ่น การประเมินราคาวัตถุโบราณถือว่าเป็นไปอย่างลึกซึ้งและมีความสามารถมาก ความสามารถในการประเมินสินค้าของเขาเพียงพอที่จะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำได้ไม่ยาก อีกอย่างช่วงไม่กี่ปีมานี้เขาก็ยังเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนจำนวนมากอีกด้วย ระดับของเถ้าแก่หลิวในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าสูงกว่าพวกเขาอย่างมาก

ทว่าการที่เถ้าแก่หลิวเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อที่จะมาหาหยางโป โดยที่ไม่สนใจเถ้าแก่อย่างเขาก็ทำให้กัวปาผีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา

“มาหาหยางโปสินะ หึ วันนี้ไม่รู้มีลมอะไรพัดมาถึงได้มีแต่คนมาหาหยางโปถึงที่นี่!” กัวปาผีพูดขึ้นก่อนที่จะหันไปมองเถ้าแก่เจี่ย เพราะเขาเองก็รู้ว่าที่อีกฝ่ายมาถึงร้านเขาก็เป็นเพราะต้องการจะมาหาหยางโปเช่นเดียวกัน

หยางโปพยักหน้าให้เถ้าแก่หลิวโดยไม่ได้ลุกขึ้นยืน “เถ้าแก่หลิวมีธุระอะไรรึเปล่าครับ? ”

 

เถ้าแก่หลิวชี้ไปที่หยางโปก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ถ้าไม่มีธุระจะมาหานายไม่ได้เลยเหรอ? ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าที่บ้านนายมีปัญหา แถมยังได้ยินเฉาหยวนเต๋อพูดถึงเกี่ยวกับนายด้วย ฉันก็เลยมาหานายถึงที่นี่ คิดไม่ถึงเลยจริงๆนะเนี่ย”

ประโยคนี้เรียกความสนใจให้กับเถ้าแก่เจี่ยอยู่ไม่น้อย “ที่เถ้าแก่หลิวพูดแบบนี้ แสดงว่าก่อนหน้านี้หยางโปไปหาเถ้าแก่ที่ร้านบ่อยๆอย่างงั้นสิ?”

เถ้าแก่หลิวพยักหน้าพร้อมกับลูบเคราตัวเอง “ก็ไปมาที่ร้านมา 2-3 ครั้งแล้วนะ”

“หรือว่าเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินชิ้นนั้นเถ้าแก่หลิวเป็นคนซื้อไป?” เถ้าแก่เจี่ยถามขึ้น

“ใช่ มีอะไรรึเปล่า?” เถ้าแก่หลิวพูดขึ้น

กัวปาผีรีบถามต่อว่า “แล้วเถ้าแก่ซื้อมาในราคาเท่าไหร่? ”

“ราคาซื้อเหรอ?” เถ้าแก่หลิวที่ดูเหมือนว่าจะตอบคำถามของกัวปาผี จู่ๆก็ชะงักไปก่อนที่จะยิ้มออกมา “ฉันว่าคงเป็นคำถามที่ไม่สามารถจะตอบได้นะ”

พูดจบเถ้าแก่หลิวก็หันไปหาหยางโป เขารู้ดีว่าการที่ทั้งสองคนยังไม่รู้ราคาขายของเครื่องลายครามชิ้นนี้ก็เป็นเพราะหยางโปไม่เต็มใจที่จะบอกราคากับคนเหล่านั้นและเขาเองก็ไม่ควรจะบอกราคาออกไปเช่นกัน

หยางโปตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบ “50,000 ”

“50,000 หยวน?” กัวปาผีลุกขึ้นด้วยท่าทางที่ตกใจทันทีที่หยางโปเอ่ยปากบอกราคา

หยางโปคิดว่าตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรแล้ว เป็นเพราะเขาเองก็คิดไว้แล้วว่าจะลาออกจากที่นี่ หลังจากวันนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอีก 2 คนนี้อีกและเขาจะไม่สนใจอะไรแล้วเช่นกัน อีกอย่างตอนนี้เขาก็ต้องการคนที่จะประกาศเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะการทำงานเกี่ยวกับการประเมินราคาชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งจำเป็นและถือเป็นอำนาจที่จะทำให้สามารถยืนอยู่ในสายอาชีพนี้ได้

 

ช่วงเวลาสั้นๆก่อนหน้านี้ในเมืองหลวงมีคนสร้างเสื้อหยกด้ายทอง ขึ้นมา โดยมีการพึ่งพาจากใบรับรองซึ่งมีการระบุตัวตนของผู้เชี่ยวชาญด้านกานประเมินราคาเพื่อทำการยืมเงินจำนวนพันล้าน และหยางโปคิดว่าหากต้องการจะทำทุกอย่างให้ง่ายขึ้นกว่านี้สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือชื่อเสียงของเขา

“ก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่ครับ เพราะหลังจากครั้งนั้นผมก็เอาภาพวาดไปขายให้กับเถ้าแก่หลิวด้วยเหมือนกัน” หยางโปเอ่ยปากพูดขึ้น

“ภาพวาดอะไร?” เถ้าแก่เจี่ยถามขึ้น

หยางโปยกแก้วชาขึ้นมาดื่มโดยไม่พูดอะไร

ท่าทางของหยางโปในเวลานี้ทำให้กัวปาผีรู้สึกร้อนรนใจขึ้นมาจนแทบอยากจะกระโดดเตะหยางโปให้ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นซะเดี๋ยวนั้น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหยางโปไม่ใช่หยางโปคนเก่าอีกต่อไปแล้ว และเขาก็คงจะทำอะไรอีกฝ่ายเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วด้วย

เถ้าแก่หลิวเห็นว่าหยางโปมองมาที่เขา เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันทีว่าเรื่องพวกนี้ถ้าหากหยางโปเป็นคนพูดเองก็คงจะไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่นัก ในเวลานี้คงจะมีเขาเพียงคนเดียวที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดเรื่องนี้ ถึงแม้ภายในใจของเขาจะอดไม่ได้ที่จะแอบด่าเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้แต่เขาก็เลือกที่จะตอบกลับไปว่า “ภาพฝนชะล้างเชิงเขา ของคุณฉานหน่ะ

“คุณฉาน!” เถ้าแก่เจี่ยเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาจนกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ “สือต้าวเหรินคุณฉานหนึ่งในสี่ที่เป็นนักพรตในยุคของราชวงศ์ชิงเหรอ?!

ใบหน้าของกัวปาผีไม่ได้แสดงอาการตกอกตกใจอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าคุณฉานที่พูดถึงคือใครและไม่รู้ด้วยว่าราคาของภาพวาดชิ้นนั้นถูกตีเป็นราคาเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เห็นท่าทางตกใจของเถ้าแก่เจี่ยเขาก็แสร้งทำเป็นสีหน้าตกใจขึ้นมาด้วยราวกับว่าตัวเองรู้ว่าราคาของชิ้นนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองขายหน้าคนอื่นเป็นอันขาด

 

“เถ้าแก่หลิว...ที่นายพูดคงไม่ใช่ภาพวาดที่ทางร้านจี๋หย่าถางเชิญให้ผู้เชี่ยวชาญมาประเมินราคาให้เมื่อสองวันก่อนใช่ไหม?” เถ้าแก่เจี่ยนึกถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากถามขึ้น

หลังจากที่เห็นท่าทางของหยางโป เถ้าแก่หลิวก็รู้ทันทีว่าคงไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกแล้ว เขาจึงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ใช่แล้ว ภาพนั้นแหละ”

เถ้าแก่เจี่ยตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกหลังจากเรียกสติกลับมาได้อีกครั้งเขาก็ถามขึ้นมาว่า “ภาพวาดของนักพรตในยุคราชวงศ์ชิง ทั้ง 4 ถือเป็นของที่มีราคามาก แถมช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ราคาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ราคาในการแลกเปลี่ยนซื้อขายอยู่ที่เท่าไหร่เหรอ?”

“350,000 หยวน” หยางโปเอ่ยปากพูดขึ้น

เถ้าแก่เจี่ยเกิดอาการปั่นป่วนขึ้นมาภายในใจ “ก็ไม่เท่าไหร่ ราคาก็ประมาณนั้นแหละ”

กัวปาผีลุกขึ้นยืน “350,000! นายซื้อมา 50,000 หยวนแต่ขายออกไป 350,000 หยวนเหรอ! ”

เถ้าแก่เจี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ลากแขนกัวปาผีไว้ “เหล่ากัว นั่งลงก่อน ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้”

กัวปาผียังไม่สามารถระงับอาการตกตะลึงของตัวเองได้ “นั่นมันเงิน 350,000 หยวนเลยนะ! ”

รีวิวผู้อ่าน